ร่างของคุณป๋าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันอย่างตั้งใจ “อายุเธอไม่ควรที่จะเข้ามาเที่ยวในที่แบบนี้”
“แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนูออกมาดื่มที่คลับกับเพื่อนนะคะ” ฉันตอบไปตามความจริง ซึ่งคุณป๋าก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
“ฉันคงตามใจเธอมากเกินไปจนทำให้เธอกล้าเถียงแบบนี้สินะ” คุณป๋าพูดด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความน่ากลัว “ใครอนุญาตให้เธอมาที่นี่ ?” คุณป๋าถามต่อ
“หนูส่งข้อความไปบอกคุณป๋าแล้วนะคะ” พอฉันพูดจบคุณป๋าก็พูดสวนขึ้นมา “แล้วฉันอนุญาตหรือยัง”
“ผมเป็นคนชวนเมลมาเองครับอาหิรัญ อย่าว่าเมลเลยครับ” เป็นฟาร์นที่ออกหน้าแทนฉัน ส่วนฉันก็เบือนหน้าหนีคุณป๋าอย่างเบื่อหน่าย เบื่อที่คุณป๋าชอบวางอำนาจใส่ตลอดทุกครั้ง
“อย่าดุเมเบลเลยนะคะ”
คุณป๋าเงียบ ก่อนจะใช้สายตาสำรวจมองชุดที่ฉันใส่อยู่ สายตาคู่นั้นมันยากที่จะคาดเดาว่าในตอนนี้คุณป๋ากำลังคิดอะไร จากนั้นคุณป๋าก็เดินกลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
“ทำไมอาหิรัญถึงทำหน้าเหมือนโกรธแกมากขนาดนี้นะ” หลังจากคุณป๋าเดินห่างออกไปแล้ว เอวาก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะถามออกมาอย่างสงสัย
“...มีครั้งไหนบ้างล่ะที่คุณป๋ายิ้มให้ฉัน”
“แกพูดเหมือนอาหิรัญไม่เคยยิ้มให้แกเลยอย่างงั้นแหละ” เอวาถามอย่างแปลกใจ
“....ไม่รู้สิ” ฉันก้มหน้าตอบก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับโชคชะตาของตัวเอง บางครั้งถ้าฉันได้อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับคุณป๋าก็ได้
“อย่าดื่มเยอะล่ะเมล เดี๋ยวจะเจอดุอีก” ฟาร์นเตือนด้วยความหวังดี ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่พยักหน้ารับรู้ก็เท่านั้น
เราดื่มกันต่อแต่ไม่ได้นั่งอยู่รอจนคลับปิด เรากลับกันก่อน ฟาร์นมาส่งฉันที่บ้านก่อนจะไปส่งเอวา เพราะบ้านของฟาร์นกับเอวาไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ มีแค่บ้านฉันที่อยู่ไกลกว่าเพื่อน
ในขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อจะไปที่เรือนเล็ก จู่ๆ ร่างของคุณป๋าก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
ไม่รู้เลยว่าคุณป๋ากลับมาก่อน เห็นแบบนั้นฉันจึงก้มหน้าเดินเพราะไม่อยากจะคุยอะไร บอกตามตรงว่าการคุยกับคุณป๋ามันเป็นอะไรที่อึดอัดที่สุดเลยจริงๆ
“จะรีบเดินไปไหน ?” เสียงของคุณป๋าท้วงขึ้นมา ทำให้ฉันที่กำลังเดินๆ อยู่หยุดชะงัก แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ตามฉันเข้ามาในบ้าน” ออกคำสั่งเสร็จแล้ว คุณป๋าก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์