ทุ่มเท 16 รุกจีบเต็มสูบกับการออกเดตครั้งแรก

4582 Words
วันศุกร์.... เห่ออ.. วันสุดท้ายของการมาโรงเรียนนี่ไม่ดีเลยแฮะ เพราะว่าวันเสาร์ วันอาทิตย์ก็อดเจอนวลหน้าน้องคนน่ารักนะสิ พอหลังจากที่'จารย์ปล่อยคาบสุดท้าย ร่างสูงจึงรีบโกยแน่บ แบบที่ไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทอีก 2 คน ขายาววิ่งตรงไปยังที่นั่งศาลาริมน้ำข้างห้องปกครองทันที แฮ่ก..แฮ่ก.. ไม่รู้ว่าคนน้องจะมานั่งรอคนขับรถที่นี่ก่อนหรือเปล่า หรือว่ากูควรจะไปรอแถวหน้าประตูโรงเรียนดีวะ? เฮฟมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ที่เวลาเดินผ่านไปแล้วประมาณ 10 นาที หลังจากเสียงออดคาบสุดท้ายดัง ร่างสูงรู้สึกว่าวันนี้ คนตัวเล็กอาจจะไม่เดินกลับมาที่ศาลาแน่เลย จึงตัดสินใจเดินออกไปรอแถวทางออกประตูหน้าโรงเรียน คนดังของโรงเรียนได้เจอกับกลุ่มน้อง ๆ ที่เคยเข้ามาคุยด้วยบ่อย ๆ เดินเข้ามาทักกันประปรายตามรายทาง จนกระทั่งมีน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งได้เดินเข้ามาขอไลน์คนป๊อปของโรงเรียน ผมว่า..เขาก็น่ารักดีนะครับ แต่ตอนนี้เฮฟดันมีคนที่น่าสนใจมากกว่าแล้วนะสิ ในขณะที่คนหล่อประจำโรงเรียนกำลังจะปฏิเสธออกไปด้วยความสุภาพ แต่ถ้าลองคิดอีกแง่มุมหนึ่ง เก็บเอาไว้ตอนผมอยากคุยกับคนนี้เมื่อไหร่ก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า เผื่อเลือกเอาไว้ทีหลังก็ได้นิ ในขณะที่มือใหญ่กำลังจะเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์จากมือน้องผู้หญิงคนนั้น แต่ทว่าสายตาคมดันเหลือบไปเห็นคนที่ตนเองต้องการเจอตัวมากที่สุดซะก่อน รุ่นพี่มากเสน่ห์จึงส่งยิ้มออกไปให้กับน้องผู้หญิงแทนคำขอโทษ แล้วรีบปลีกตัวออกจากน้องผู้หญิงคนนั้นทันที เพื่อที่เฮฟจะได้ปรี่เข้าไปประชิดตัวเป้าหมายแล้วออกแรงสะกิดไหล่บางของคนตรงหน้าทันที คนถูกสะกิดถึงกับสะดุ้งโหยงทั้งที่เมื่อกี้ยังเห็นว่าคนที่สะกิดตัวเองนั้นยังยืนคุยกับสาวๆ อยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ดันเดินเข้ามาขนาบอยู่ด้านข้างลำตัวจนได้ เมื่อฟาร์รังเห็นว่าใครเป็นคนทักเอาไว้ กลับกลายเป็นรีบคนตัวเล็กเลือกที่จะก้าวเท้าเดินเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีก เฮฟจึงต้องรีบดึงรั้งคนน้องให้ออกมาคุยด้วยกันให้เข้าใจก่อน “เธอ..ขอเบอร์ติดต่อได้มั้ย ไลน์ก็ได้” คนตัวเล็กส่ายหน้ารัวๆ ส่งคืนให้เป็นคำตอบ “ถ้าไม่ให้พี่ติดต่อ พี่ก็จะตามเราไปทุกที่เลยนะครับ ตอนเช้าที่ศาลาริมน้ำ ตอนกลางวันที่โรงอาหาร ตอนเย็นที่หน้าประตูโรงเรียน" "..." "อ่อจริงสิ พี่มีสายเด็กม.4 ด้วยนะ เดี๋ยวขอตารางเรียนของเด็กม.4 ห้อง 3 จากนั้นก็จะไปรอตอนเราเปลี่ยนคาบเรียนด้วยดีไหมน้า” ร่างสูงพูดกดดันพลางจ้องมองใบหน้าที่เอาแต่ก้มหนีหน้ากันไปด้วย ประดุจเหมือนว่าจ้องจะตามจองล้างจองผลาญกับชีวิตของคนตัวเล็กซะให้ได้ จนคนที่เหมือนจะโดนคุกคามอยู่กลาย ๆ ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตามองด้วยแววตากรุ่นโกรธ แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาสั่นไหวราวกับจะร้องไห้ออกมาแทน “พี่ต้องการอะไรครับ” “พี่ก็บอกเราไปแล้วไงว่า..จะจีบ” “ถ้าเล่นสนุกกับความรู้สึกของผม ก็อย่าทำร้ายกันเลยดีกว่าครับ ผมเป็นคนที่น่าเบื่อ” ใบหน้าเล็กถ่อแววตากังวลใจออกมาพร้อมกับน้ำเสียงไม่มั่นคงที่ดูเหมือนจะร้องไห้ยังไงยังงั้น นี่คนตัวเล็กคงไปได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ประตูดิน และความขี้เบื่อของผมมาแล้วสินะ แต่ทำยังไงได้ถ้าผมอยากได้อะไรผมก็ต้องได้ เพราะผมโดนที่บ้านสปอยล์จนเคยชินแล้วนะสิ “พี่จริงจังนะครับ พี่ชอบเราจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่จะไปดักรอเราที่บ้านนะ” แม้นจะเห็นใจแต่ความดื้อด้านของเฮฟจึงชอบพูดอะไรกดดันโดยไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นสักเท่าไหร่ หลังจากที่รุ่นพี่คนเจ้าเล่ห์พูดประโยคขี้ตื๊อจนสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตของฟาร์รังจนส่งผลให้คนน้องจำต้องยอมเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่นและรีบส่ายหัวระรัวส่งให้เป็นพัลวัน เฮฟจึงส่งโทรศัพท์ตัวเองให้คนตรงหน้า จนฟาร์รังต้องยอมจำนน มือบางจึงคว้าโทรศัพท์ของคนตัวโตจอมกดดันไปกดยุกยิกและส่งกลับคืนให้ แต่เฮฟยังเอ่ยย้ำบอกให้คนตัวเล็กกดเบอร์ของน้องโทรมาเข้าเครื่องตนเองด้วย เมื่อรุ่นพี่ตัวแสบได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ยกยิ้มกว้างอย่างคนมีชัย ส่งมือหนายื่นไปลูบลงบนหัวกลมคนน้อง จนได้ยินเสียงโทรศัพท์คนตัวเล็กดังขึ้น เฮฟจึงยอมละมือออกจากกลุ่มผมนุ่ม "ครับลุงชัย เดี๋ยวฟาร์รีบเดินออกไปครับ” คนน้องผินใบหน้าหวานจ้องมองคนที่ยังยืนมองตัวเองอยู่ ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวออกเดินลิ่ว ๆ ออกจากโรงเรียนไป เฮฟคนคูล : (☆ ω ☆) ノ ~ ♡ เฮฟคนคูล : พรุ่งนี้ไปไหนครับ "...." เฮฟคนคูล : ตัวเล็กครับไม่ตอบพี่เลย ยังเรียนอยู่เหรอครับ เฮฟเมื่อกลับถึงบ้านก็รีบกระโดดขึ้นเตียง คว้ามือถือขึ้นมากดเข้าไปในแอพเขียว รีบทักข้อความส่งไปหาคนตัวเล็กด้วยความครื้นเครงใจ เขาอยากเห็นหน้าคนน่ารักอีกแล้วอ่ะ ตั้งแต่ได้เจอคนตัวเล็ก เขาก็รู้สึกอยากไปโรงเรียนทุกวันเลย แล้วทำไมมันต้องมีวันหยุดด้วยวะ หนักแล้วแหละครับผมน่ะ.. ว่าแต่คนตัวเล็กไม่ยอมตอบผมเลยแฮะ!! เฮฟคนคูล : เธอตอบเค้าหน่อยดิค้าบ เฮฟคนคูล : ส่งสติกเกอร์น้องหมีหน้าหงอยไปให้ เฮฟคนคูล : พรุ่งนี้พี่ไปรับที่หน้าบ้านนะครับ เฮฟคนคูล : ส่งสติ๊กเกอร์ ^3^ เฮฟรัวกระหน่ำส่งข้อความหาคนเป็นน้อง ที่ไม่ยอดเปิดอ่านและไม่ยอมตอบกลับมาด้วย ฟาร์รัง : ไม่ ๆ พี่ไม่ต้องมาเลยนะ เดี๋ยวเราออกไปเอง เฮฟคนคูล : จริงนะครับ ถ้าไม่มาพี่บุกถึงบ้านนะ ฟาร์รัง : ...ทำไมชอบขู่เรา เฮฟคนคูล : ก็ถ้าไม่ขู่เราจะได้เจอกันมั้ยอะครับ อยากเจอแล้วเนี่ย ฟาร์รัง : แต่เราไปไหนไม่เป็น และก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับบ้านเราด้วย เฮฟคนคูล : ถ้างั้น 10 โมงเช้า พี่ไปรอรับเราแถวป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้านเรานะครับ ฟาร์รัง : ก็ได้ครับ เฮฟคนคูล : แล้วเจอกันครับ ;) เยส! ในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมจำนนออกมาตามนัดในที่สุด เฮฟเริ่มตระหนักคิดได้ว่าจะควรพาน้องไปเดินเล่นกินข้าวดูหนัง หรือจะชวนไปสวนสนุกดีกว่ากัน กลับกลายเป็นว่าคนตื่นเต้น คิดสะระตะในหัวเรื่องเดทแรกของเรา เพื่อให้คนน้องประทับใจ จนคืนนั้นรุ่นพี่สุดหล่อเป็นฝ่ายนอนไม่หลับซะเอง ➷ วันเสาร์.. 10.00 น. “คิดถึงจังเลยครับ” ร่างสูงรีบผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันทีที่เดินมาถึงป้ายรถเมล์ น้องฟาร์น่ารักจนใจเจ็บมากเลยครับ ลุคเสื้อฮู้ดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ฮึก แพ้ราบคาบ ใจจริงผมอยากเดินเข้าไปคว้าตัวน้องเขามากอดมากเลยล่ะ แต่ก็นะ คงต้องรอเวลาอีกสักนิดก็แล้วกัน “มารอนานแล้วเหรอครับ” คนตัวเล็กหลบสายตาคมที่เอาแต่จ้องหน้าคนน่ารัก “เมื่อกี้เองครับ” เฮฟโบกแท็กซี่แจ้งกับคนขับว่าจะไปที่ห้าง FH เมื่อคืนร่างสูงที่นั่งยิ้มกริ่ม ตัดสินใจว่าอยากพาคนตัวเล็กไปกินข้าว เดินเล่นและก็ดูหนังก่อนแล้วกัน เพราะการออกเดตครั้งแรกของสองเราเอาแบบเรียบง่ายนี่แหละ “หิวรึยังครับ” รุ่นพี่สุดหล่อหันไปมองคนตัวเล็ก ที่หันมองซ้ายมองขวาดูห้างสรรพสินค้า ที่เพิ่งได้เดินเข้ามาอย่างสนอกสนใจ “นิดหน่อยครับ” คนตัวเล็กเดินเบี่ยงตัวคอยหลบหลีกกับผู้คนไปทางร่างสูงเล็กน้อย ดังนั้นเฮฟที่รอจังหวะเสียบอยู่ เลยได้ทีรีบฉวยคว้าข้อมือเล็กมาจับจูงไว้แทน “พี่ทำอะไร ปล่อยมือเราก่อน” คนตัวเล็กมองที่ข้อมือตนเองเมื่อโดนคนพี่คว้าไปจับไว้ “เดี๋ยวหลง คนเยอะ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มส่งไปให้คนตัวเล็ก แต่เรื่องอะไรจะปล่อยข้อมือเล็ก ๆ ที่จับไว้ละครับ ดังนั้นแขนแกร่งจึงออกแรงจับจูงคนน้องให้ออกเดินไปพร้อมกัน “พี่แต่ว่า คนเยอะเราอายนะ” คนตัวเล็กเอ่ยปากบอกเสียงอ้อมแอ้ม พร้อมใช้มือข้างที่ว่างพยายามแกะมือคีมเหล็กออก จนคนพี่ยอมคลายมือแล้วได้ปล่อยข้อมือคนตัวเล็กออก แต่ทว่าว่าคนเจ้าเล่ห์กลับเปลี่ยนเป็นกอบกุมมือคนน้องแทน ทีนี้จะได้ไม่ต้องแกะออกได้ หึ หึ รุ่นพี่ตัวแสบหันไปมองหน้าใบหน้าหวาน พร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างโชว์เหนือ คนตัวเล็กจึงทำหน้ามู่ทู่ส่งคืนให้คนพี่แทน เฮฟจับจูงคนตัวเล็กจนมาหยุดยืนอยู่แถวโซนร้านอาหาร แต่ไม่แน่ใจว่าคนตัวเล็กชอบกินอะไรนี่สิ จึงมาหยุดเดินอยู่ที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น “ตัวเล็กอยากกินอะไรครับ” คนตัวเล็กช้อนสายตาขึ้นมองร่างสูง “เรากินอะไรก็ได้ แล้วแต่พี่เลย” ตอบรับจบก็เบนหน้ามองลงไปที่มือของตนที่ยังถูกมือเหล็กกอบกุมเอาไว้ “งั้นกินร้านนี่เนอะ” คนตัวเล็กไม่ได้หลุดคำตอบใด ๆ ออกมานอกจากผงกหัวตอบรับ มือแกร่งยังคงจับมือเล็กมั่น พาออกเดินเข้าไปร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง พนักงานต้อนรับพาไปนั่งโซนที่ดูส่วนตัวมาก พร้อมกับได้นำเมนูมาส่งให้แล้วพนักงานก็รีบผละตัวออกไปเพื่อให้เวลากับลูกค้าในการเลือกเมนูอาหาร ผมเห็นคนตัวเล็กเปิดเมนูแล้วก็มองหน้าผม “น้องฟาร์อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะครับ” คนอารมณ์ดีส่งยิ้มไปให้คนที่นั่งตรงข้ามกัน “เราว่าราคามันสูงไป จริง ๆ เรากินร้านฟาสต์ฟู้ดก็ได้นะ เพราะเรายังไม่ค่อยหิวเลย” คนน้องบอกมาแบบนั้น แต่เฮฟคิดว่าคนน้องน่าจะเกรงใจ คนชวนมาเดตเลยตัดสินใจเลือกเมนูอาหารมื้อนี้แทนทั้งหมดเอง “ตัวเล็กชอบทานอะไรครับ หรือว่าทานอะไรไม่ได้ ไม่แพ้อะไรใช่ไหม” รุ่นพี่ยังคงเอ่ยปากสอบถามคนตัวเล็ก ที่ใช้สายตาโฟกัสมองไปทางสวนหินของที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงามวิจิตรตระการตา เมื่อคนถูกเรียกได้ยินเสียงคนพี่เรียกถาม จึงยอมผินใบหน้าละสายตากลับมามองสบตาคนพี่ที่ยกยิ้มรอกัน “เรากินได้หมดทุกอย่างเลย พี่สั่งได้เลยครับ” “โอเคครับ” หลังได้รู้คำตอบแล้ว เฮฟจึงกดเรียกให้พนักงานเข้ามารับออเดอร์ที่โต๊ะได้ เฮฟสั่งอาหารไปประมาณ 4-5 อย่าง มีทั้งซูชิพรีเมียมแบบรวม เซตซาชิมิพรีเมียม วากิวสเต๊ก ปลาคินเมไดย่างเกลือ ชุดกุ้งเทมปุระ และมิโซะซุป เฮฟคาดว่าคนตัวเล็กน่าจะถูกปากกับอาหารที่ได้สั่งไป และก็ภาวนาขอให้คนน่ารักตรงหน้าชอบสิ่งที่ผมเลือกเถอะครับ ผมหวังไว้เช่นนั้น.. ผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง อาหารที่สั่งไปจึงได้เริ่มทยอยนำออกมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะแล้ว ทั้งคู่จึงได้เริ่มลงมือทานอาหารมื้อหรูราคาค่อนข้างสูง คนพี่จะคอยบอกคอยแนะนำให้กับคนน้องได้ลองทานจานนั้นจานนี้ดูราวกับผู้ชำนาญการด้านอาหารญี่ปุ่นเลย เพียงแค่ดวงตาคมสีเข้มได้เห็นคนจิ้มลิ้มตรงหน้าเคี้ยวหนุบหนับ อย่างน่าเอร็ดอร่อยจนแก้มตุ่ยแล้วมีรอยยิ้มออกมาได้ เจ้ามือก็รู้สึกปราบปลื้มอุ่นซ่านในใจไปหมด ดูท่าน้องจะถูกใจกับอาหารที่ผมเลือกสั่งมาให้อยู่เหมือนกันนะ “พี่ครับ” เฮฟได้ยินคนน้องส่งเสียงเรียก แต่เขาทำเป็นไม่ได้ยิน แสร้งก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับการจิ้มเนื้อปลาคินเมไดย่างเกลืออย่างมุ่งมั่น “เออ..พี่ครับ” มือใหญ่ที่แสร้งจมจ่ออยู่กับปลาย่าง ได้ยินเสียงของคนตัวเล็กที่เรียกขาดช่วงไป จึงยอมเงยหน้าขึ้นมอง “เรียกพี่เหรอครับ เรียกชื่อพี่ด้วยสิครับ นึกว่าเรียกพนักงานซะอีก” เฮฟลองพูดแกล้งแหย่คนตัวเล็กเล่น แต่คนที่นั่งตรงข้ามกันกลับเม้มริมฝีปากแน่น “พี่เฮฟครับ ไหนลองเรียกสิครับ” คนพี่สอนคนน้องให้เรียกชื่อตัวเอง ละมือจากเนื้อปลา วางตะเกียบลง ยกยิ้มกว้างใส่คนตัวเล็ก รอคอยให้คนน้องเปล่งเสียงเรียกชื่อตัวเองอย่างลุ้นระทึก “พะ..พี่...พี่เฮฟ” ริมฝีบางสีเชอร์รี่ยอมเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่ขัดเขิน หลังเรียกชื่อรุ่นพี่ตรงหน้าเสร็จ คนตัวเล็กก็ก้มหน้างุดลงไปทันที แต่ก็ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนพี่อีกครั้ง บ้าแล้วครับ ใจผมสั่นกระตุกถี่รั่วอีกครั้ง แค่ได้ยินชื่อตัวเองจากปากคนตัวเล็ก ทำไมผมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย “เอ่อ..คือว่า มีเศษขาว ๆ ติดอยู่ที่มุมปากพี่ด้วยครับ” มือใหญ่ทำเป็นปัดป่ายมือไปตามแก้มที่คนตัวเล็กบอกว่าเปื้อนอยู่ “ไม่ใช่ครับ” คนตัวเล็กหยิบทิชชูส่งให้คนที่ปัดป่ายใบหน้าไปทั่ว แต่ไม่ยักจะตรงกับตำแหน่งที่บอกไว้ นิ้วเรียวจึงชี้ระบุตำแหน่งที่เปื้อนลงบนแก้มตัวเองเพื่อสาธิตให้คนพี่ดูเป็นตัวอย่าง คนแสร้งเช็ดไม่ถูกที่หยิบทิชชูจากมือคนตัวเล็กที่หวังดีขึ้นมาเช็ด แต่มันก็ดันเป็นคนละฝั่งกับที่ตนตัวเล็กบอกอยู่ดี “ไม่ใช่ครับ อีกข้างหนึ่งครับพี่” คนเจ้าเล่ห์ได้ที จึงทำฟอร์มมองไม่เห็น หาตรงที่เปื้อนไม่เจอ จึงต้องลุกขึ้นไปนั่งยังฝั่งเดียวกับคนตัวเล็ก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝังเดียวกับร่างบาง ดวงตาคมสบเห็นคนตัวเล็กมีแอบสะดุ้งอยู่เล็กน้อย เฮฟจึงเนียนด้วยการเบี่ยงหน้าเข้าไปใกล้คนหน้าสวยซะเลย “พี่มองไม่เห็นเลยครับ ฟาร์เช็ดให้พี่หน่อยได้มั้ยครับ” นัยน์ตาสีเข้มสบตามองจ้องเข้าไปยังแววตาสีอ่อนของคนตัวเล็กด้านหน้า จนทำให้คนตัวเล็กมีท่าทีเขินอาย แต่ก็ยอมหยิบทิชชูมาเช็ดลงที่แก้มของคนที่ยื่นหน้ารอ หึ หึ เข้าแผนเป๊ะ “เสร็จแล้วครับ” ริมฝีปากบางคลี่บอกกับคนที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าของตน หลังเช็ดเศษผงที่แก้มร่างสูงออกจากใบหน้าหล่อเหลาเรียบร้อยแล้ว แต่รุ่นพี่เจ้าเล่ห์ก็เอาแต่จ้องหน้าหวาน แถมทำเนียนไม่ยอมลุกกลับที่นั่งฝั่งตัวเองด้วย “ฟาร์อิ่มไหมครับ เอาอะไรเพิ่มไหม ของหวานไหมครับ” คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าคนน้องจะต้องเอ่ยไล่ให้กลับที่นั่งดังเดิม รีบแถเปลี่ยนเรื่องทันที แต่คนตัวเล็กก็ยังคงตอบออกมาว่าไม่เป็นไร เจ้าตัวอิ่มแล้ว แต่คนที่ยังอยากเนียนนั่งเบียดกับคนตัวเล็กนาน ๆ โดยไม่สนคำปฏิเสธ แกล้งหยิบเมนูเปิดดูหน้าขนมหวาน ตาคมเห็นเมลอนดูน่าสนใจสุด จึงเรียกบริการสั่งมาให้คนตัวเล็กข้าง ๆ ชิมด้วยกัน “อ่า..อิ่มจังเลยครับ” มือใหญ่แสร้งลูบพุงที่ไม่มีอยู่จริงของตัวเองและตีเนียนโดยการโน้มตัวเอนลงไปพิงที่ไหล่ลาดของคนตัวเล็กแบบแนบเนียนไปเรียบร้อยแล้ว จนเฮฟรู้สึกว่าคนตัวเล็กนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันที รุ่นพี่จอมเจ้าเล่ห์ผุดรอยยิ้มขึ้นมา ต่อด้วยการปล่อยให้หัวตัวเองไหลปวกเปียกปล่อยทิ้งตัวลงไปซบอยู่กับลาดไหล่ของคนตัวเล็กยิ่งกว่าเดิมโดยการโถมน้ำหนักตัวลงไปทั้งหมด “พี่ มันหนักนะ นั่งดี ๆ สิครับ” เฮฟช้อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าหวานที่กำลังทำหน้างอง้ำยู่ปากบ่นมุบมิบใส่กัน ว่าตนเองนั้นตัวหนักอย่างนั้นอย่างนี้ “พูดกับพี่เหรอครับ” “มีอยู่ 2 คน พูดกับผีละมั้ง” “เรียกชื่อสิครับ ไม่งั้นพี่จะรู้ได้ยังไง คิดว่าพูดกับผีจริง ๆ” “จะบ้าเหรอ” คนตัวเล็กพยายามดันคนตัวโต ที่โถมน้ำหนักทั้งตัวมาทาบทับตนเองไว้ให้ออกห่างจากตัวเอง แต่ขอโทษนะครับ แขนก็เล็กแค่นั้น จะไปสู้น้ำหนักผมไหวได้ไงกัน หึหึ “พี่เฮฟผมหนัก ลุกขึ้นเลยนะ” สรุปว่าคนตัวเล็กก็ต้องยอมเอื่อนเอ่ยเรียกชื่อของคนพี่ออกมาอย่างจำใจจนได้ หึ มันน่านักเชียว ด้วยความมันเขี้ยวคนที่กำลังจะผละตัวออกจากคนบ่นอุบ จึงขยับผินใบหน้าไปงับลงยังติ่งหูขาวของคนด้านข้างที่กำลังทำหน้ามู่ทู่ใส่คืนกันทันทีที่โดนประทุษร้าย พร้อมส่งกำปั้นเล็ก ๆ ทุบ ปัก ปัก ลงที่ไหล่กว้างแก้อาการเขินอายคืน ร่างสูงหยัดกายนั่งตัวตรงตามปกติและเรียกพนักงานมาเก็บเงิน เฮฟพาคนตัวเล็กมาหยุดยืนอยู่กลางหน้าโรงหนัง ดูตารางหนังว่าจะมีเรื่องอะไรน่าสนใจ คนที่จดจ่อกับตารางหนังเมื่อเบนหน้าไปมองยังคนตัวเล็กอีกครั้ง จึงเห็นว่าคนน้องจ้องหน้าตนเองอยู่พอดี แต่เมื่อโดนหันกลับไปสบตาคืนก็ดันรีบหันหน้าหนีกันเฉยเลย ร่างสูงยกยิ้มพร้อมยื่นนิ้วยาวจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของคนขี้เขิน “ฟาร์อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” คนตัวเล็กได้ยินเสียงคนที่ชอบทำให้เขินอายถาม จึงยอมหันหน้ากลับมามองคนเอ่ยถาม แต่ทว่านิ้วยาวก็ยังไม่ยอมถอนนิ้วจากแก้มยุ้ย ๆ ของคนน้อง เลยโดนคนตัวเล็กเอาคืนด้วยการงับนิ้วยาวเข้าไปอมไว้ในปากของตัวเองแทน ใจผมกระตุกวาบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันสะท้านไปถึงเบื้องล่างและเบื้องลึกในจิตใจอกุศลของผมเลยนะสิ ใครใช้ให้เล่นมาไล่งับนิ้วแบบนี้กัน มือหนารีบดึงนิ้วตนเองออกจากปากนุ่มหยุ่นของคนตัวเล็กทันที ร่างบางคงเห็นว่ารุ่นพี่มีท่าทีนิ่งลงไป อาจจะนึกว่าโดนคนตัวสูงโกรธเข้าให้แล้วแน่เลย “ขอโทษครับ พี่เจ็บเหรอครับ” หลังร่างบางลุกลี้ลุกลนถามออกมา เฮฟยังคงเม้มปากแน่น จนคนตัวเล็กพยายามเอี้ยวตัวแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจนสุดตัว เพื่อที่จะได้เห็นสีหน้าและแววตาคนพี่ที่อยู่ ๆ ก็เงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด “ฟาร์ขอโทษครับพี่เฮฟ ไหนขอฟาร์ดูหน่อย โดนฟันขูดเจ็บเหรอครับ” ยิ่งร่างสูงได้เห็นคนตัวเล็กพยายามดึงมือของตนขึ้นไปดู เฮฟยิ่งรู้สึกปั่นป่วนมากกว่าเดิม แต่ด้วยความกลัวว่าคนตัวเล็กจะน้อยใจจึงส่ายหัวเป็นคำตอบ มือหนาจึงขยับเปลี่ยนเป็นจับจูงมือคนตัวเล็กไปซื้อตั๋วหนังหน้าเคาน์เตอร์แทน เลือกหนังที่เป็นที่นิยม ณ ช่วงเวลานี้มาหนึ่งเรื่อง เมื่อใกล้จะได้เวลาหนังฉาย ร่างสูงพาคนตัวเล็กไปซื้อป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่มก่อนจะพาเดินไปเข้าโรงหนัง เมื่อเข้าโรงหนังมาได้ก็หาที่นั่ง ดีที่เลือกที่นั่งอยู่ด้านหลัง ๆ จึงเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย เฮฟจัดการเอาแก้วน้ำวางไว้ที่วางพักมือด้านซ้ายและขวา มันจะได้ไม่เกะกะเพราะร่างสูงตั้งปณิธานไว้แล้วว่า จะไม่ยอมเอาที่วางแขนตรงกลางลงมาอย่างเด็ดขาด เมื่อภาพยนตร์บนจอยักษ์เริ่มฉายได้ราว ๆ 30 นาที ใบหน้าหล่อเหลาก็หันไปมองแต่คนตัวเล็กด้านข้าง ที่ตอนแรกบอกกันว่ายังอิ่มอยู่เลย แต่ตอนนี้ในมือถือถังป๊อปคอร์นมาดมั่น หยิบเคี้ยวหนุบหนับจนแก้มป่องออกมา มือใหญ่จงใจล้วงมือเข้าไปในถังป๊อปคอร์น ที่มือบางอยู่ในนั้นอยู่ก่อนแล้ว เพราะรุ่นพี่เจ้าเล่ห์จงใจที่จ้องหยิบมือคนน้องออกมา จับป้อนใส่ปากให้ตนเองนั่นเอง ฝ่ามือเล็กที่โดนใช้เป็นเครื่องมือในการหยิบป๊อปคอร์นส่งป้อนมาเข้าในปากหยัก จึงต้องมองตามมือของตนที่ได้โดนบังคับทิศทางโดยคนด้านข้างด้วยการส่งสายตาปริบ ๆ ไปให้แทน แม้นว่าในโรงหนังจะมีเพียงแค่แสงไฟสลัวตัดสลับแสงสว่างวาบตามจอภาพยนตร์ที่ผันเปลี่ยน แต่เฮฟก็ย่อมรู้สึกได้ถึงความเก้อเขินของคนตัวเล็กได้อย่างชัดเจนเลย เพราะตั้งแต่ริมฝีปากหยักงับป๊อปคอร์นในมือเล็กนั้น แล้วส่งให้ลึกเข้าไปในปากจนปลายลิ้นชื้นมันได้ลามแตะไปถึงตรงบริเวณปลายนิ้วของคนตัวเล็กอย่างจงใจด้วยนั่นเอง ถามผมว่าดูหนังรู้เรื่องไหม? ไม่เลยครับ!! การที่ได้พาคนตัวเล็กมาออกเดตในวันนี้ ก็เพียงเพื่ออยากจะอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิมนั่นเอง เมื่อผ่านไปสักระยะร่างสูงก็เริ่มออกอาการร่างกายไม่มีกระดูก เลื้อยตัวบดเบียดตัวเองเข้าหากับคนตัวเล็กด้านข้าง ตาคมมองลงไปเห็นเรียวขาขาวนวลของน้องที่มันได้สะท้อนต้องกับแสง เพราะฟาร์รังใส่ขาสั้นมาด้วย เจ้าตัวอาจจะรู้สึกหนาวขึ้นมาได้ ด้วยความใส่ใจเฮฟจึงได้ถอดเสื้อตัวนอกของตนมาคลุมลงที่ขาเรียวของคนตัวเล็กให้อีกด้วย จนคนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งตัวเล็กน้อยและก็คงจะสามารถรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากมืออุ่นของคนด้านข้างด้วย ที่ดูแลดูว่าจะซุกซนอยู่ไม่สุขจากการไต่มือไปวางพักไว้อยู่แถวสะโพกของตนอยู่นั่นแหละ เฮฟเอี้ยวใบหน้าลงไปหอมกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กและก็ได้ฝังจมูกลงไปอย่างเนิ่นนาน กว่าจะยอมเงยหน้ากลับขึ้นมามองดูหน้าจอยักษ์ตรงหน้าตามเดิม แต่จะว่าไปการนั่งอยู่ด้วยกันในท่านี้แล้ว ซึ่งมันเหมือนกับว่าเราทั้งสองกำลังนั่งกอดกันอยู่ยังไงยังงั้นเลยล่ะ คนตัวเล็กคงจะนึกรำคาญคนตัวสูงที่ชอบโถมน้ำหนักลงมาใส่กัน จึงเลือกที่จะยอมอยู่เฉยๆ แทน แล้วปล่อยให้คนที่เป็นมือปลาหมึกได้กอบกุมเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไว้ด้วยกันแบบนี้ไปแทน ก็เพื่อจะได้มีสมาธิจดจ่อกับการดูหนังได้อย่างเงียบสงบกันสักที แต่คนเป็นรุ่นพี่เจ้าเล่ห์ก็เอาแต่คอยลอบมองเสี้ยวใบหน้าหวานของคนด้านข้างเป็นพักๆ จนเมื่อได้รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ถูกคนด้านข้างสะกิดให้คนตัวหนักลุกขึ้นได้แล้ว อ่าวทำไมผมไหลลงมานอนที่ตักคนตัวเล็กได้ละเนี่ย? ตอนแรกก็ว่าอิงซบไหล่คนตัวเล็กอยู่ดีๆ นี่หว่า.. คนเผลอเคลิ้บหลับไปจึงได้หันไปยิ้มแหยใส่คนเป็นน้อง พร้อมกับรีบชันแขนพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรงพิงพนักหลังทันที “พี่เผลอหลับไปตอนไหลละเนี่ย นอนทับขาเรานานเลยเจ็บไหมครับ” คนตัวเล็กส่ายหน้ากลับมาเป็นคนตอบ คนหลับเต็มอิ่มรีบผุดลุกขึ้นยืนแล้วยืดเส้นสายคลายความขบเมื่อย ได้สบเห็นว่าผู้คนพากันทยอยเดินออกจากโรงหนังไปจนเกือบจะหมดแล้ว ร่างสูงจึงก้มลงไปบีบนวดที่ขาเรียวให้คนตัวเล็กอย่างรู้สึกผิด “ไม่เป็นไรครับพี่” คนตัวเล็กเอ่ยบอกกับคนที่ออกแรงบีบนวดที่ท่อนขาให้ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นบ้าง ทว่าตาคมที่จับจ้องมองกันอยู่ตลอดเวลา จึงได้เห็นว่าคนน้องนิ่วหน้าไปเล็กน้อยก่อนที่จะยืนขึ้นได้เต็มตัว เฮฟจึงยื่นมือส่งไปให้คนด้านหน้าจับเพื่อจะได้พยุงตัวเองได้สะดวกและทั้งคู่ก็พากันจับมือกันออกมาจากโรงหนังด้วยกันทั้งที่มือเราทั้งคู่ยังคงเกาะเกี่ยวกันไว้อย่างดีเลย เมื่อเราทั้งคู่เดินออกมาจากโรงหนัง ร่างสูงหันไปถามคนตัวเล็กอีกครั้งว่าหิวไหม แต่คนตัวเล็กบอกว่าได้เวลาต้องกลับบ้านแล้ว ผมเกิดความรู้สึกยังไม่อยากแยกจากคนตัวเล็กไปเลยแฮะ แต่เฮฟก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากคนตัวเล็กเอาแต่จ้องมองนาฬิกาข้อมือตัวเองด้วยแววตาวิตกกังวล คนเสียดายจึงต้องพาคนตัวเล็กกลับไปส่งยังหน้าปากซอยแถวบ้านคนตัวเล็กเหมือนเดิม “พรุ่งนี้เราเจอกันอีกได้ไหมครับ” รุ่นพี่หน้าหงอยคว้ามือคนตัวเล็กมาถือไว้ พร้อมทำสีหน้างอแงชัดเจนว่ายังไม่อยากแยกจากกันเลย “ไม่ได้ครับ พรุ่งนี้ป๊าอยู่บ้าน ผมออกไปไหนไม่ได้ครับ” “แต่พี่อยากเจอฟาร์ทุกวันเลย แค่นี้ก็คิดถึงแล้วเนี่ย ฟาร์ไม่อยากอยู่กับพี่บ้างเลยเหรอครับ..หื้ม” คนหน้าบู้บี้บ่นอุบอิบน้อยใจใส่คนตัวเล็ก “วันจันทร์เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วครับ” ริมฝีปากจิ้มลิ้มตอบออกมาด้วยแววตาหยอกเย้า พร้อมใช้มืออีกข้างของตนยกขึ้นมาเกี่ยวนิ้วก้อยของคนหน้าจ๋อยอีกข้างไว้ด้วยกัน โอ๊ย น่ารักจนใจเจ็บฉิบหาย แค่นี้ใจดวงโตของกูก็น้วยไปหมดแล้วครับ.. แบบนี้ก็แสดงว่าน้องไม่ได้รังเกียจการสกินชิพของผมสินะ แม้นวันนี้ผมจะหาเศษหาเลยกินเต้าหู้น้องไปเรื่อยก็ตาม แฮ่ ขอโทษนะครับ แต่ผมติดสกินชิพคนที่ชอบไปแล้วนี่สิ #ทุ่มเทเพื่อรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD