คำเตือน : ตอนนี้มีคำพูดไม่สุภาพ, หยาบคาย, พูดคำลามกขณะมีเพศสัมพันธ์, บรรยายฉากเซ็กส์ และการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวัยเรียน
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควารลอกเลียบแบบและควรมีวิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
➷
ผมกับคนตัวเล็กตกลงเป็นแฟนกันมาได้ห้าเดือนกว่าแล้วล่ะครับ..
ทำให้ชีวิตของเราสองคนตอนนี้ก็ไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น คนพี่จะต้องไปสแตนด์บายรอคนน้องที่ศาลาริมน้ำแถวห้องปกครอง ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นจนกลายเป็นแขกประจำของกลุ่มน้อง ม.4 ห้อง 3 ไปโดยปริยาย
ตอนนี้กลายเป็นว่ารุ่นพี่ ม.6 ห้อง 5 คนนี้จำเพื่อนของคนน้องทั้งวสามคนได้เป็นอย่างดี แม้นว่าเขาจะรู้สึกไม่ค่อยชอบสายตาจากเพื่อนผู้ชายของคนน้องสักเท่าไหร่นัก
แต่ผมไม่ได้เอามาใส่ใจ เพราะยังไงในสายตาของผม ก็มีแค่คนตัวเล็กคนเดียวอยู่แล้ว
“เฮฟ คนนี้คบนานจัง ยังไม่ได้ฟันอ่าดิ”
เสียงไอ้เอิร์ธเพื่อนในกลุ่มดังผ่านเข้าโสตประสาทของคนป๊อปในโรงเรียน แต่ทว่ามันดันเป็นประโยคที่ฟังแล้วไม่ค่อยระรื่นหูสักเท่าไหร่
“เสือก” คนฟังจึงพุ่งสวนคำระคายหูกลับคืนไปยังคนที่เอ่ยแซวเขาก่อนบ้าง
แทนที่มันจะสลด แต่ไม่เลยสักนิด
“แหม ทุกทีเห็นมึงฟาดเรียบตั้งแต่สามวันแรกแล้วปะวะ นานสุดก็ไม่เห็นจะเกินเดือน กูเลยแปลกใจ”
“กับน้อง กูจริงจัง”
“เห้ย! จริงดิ..เสือตัวเป้งแม่งจะยอมถอดเขี้ยวเล็บออกแล้วเหรอค้าบ พี่เฮฟจอมเขมิบ..คิก คิก”
คนถูกบริภาษถอนลมหายใจยาวออกมา คิ้วโค้งโก่งได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากันแน่น จนโบ้ที่สังเกตเห็นสีหน้าของคนที่โดนไอ้เอิ์รธชอบพูดแซวสนุกปากจนเกินเหตุ เริ่มขึงขังเกิดอารมณ์ฉุนขึ้นมาแล้ว
โบ้จึงต้องรีบปรามให้คนปากไม่มีหูรูดแบบไอ้เอิร์ธหุบปากลงไปบ้าง และรีบพาเปลี่ยนบรรยายกาศขมุกขมัวเป็นการชวนคุยเรื่องอื่นแทน ก่อนที่ทั้งคู่จะบาดหมางกันไปมากกว่านี้แล้วจะกลายเป็นทะเลาะกันแบบจริงจังแทน
ช่วงนี้คนป๊อปปูล่าของโรงเรียนเวลาไปไหนมาไหนตัวติดกับคนน้องให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นการป่าวประกาศไปในตัวโดยอัตโนมัติว่ารุ่นพี่เฮฟสุดหล่อคนนี้ได้มีคนที่คบจริงจังชัดเจนด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่เคยคุยกับเฮฟมาก่อน ก็คงรู้กันโดยถ้วนทั่วกันไปเองโดยปริยาย
แต่เมื่อตอนที่เฮฟได้เจอเข้ากับกลุ่มของคริสห้อง 9 พวกมันเคยมาบอกกับเฮฟด้วยว่ามีกลุ่มคนไปวอแวฟาร์รัง คาดคั้นถามเอาเรื่องที่ผมกับน้องคบกันอยู่นั้นเป็นเรื่องจริงรึเปล่าด้วยนะ
เฮฟจึงได้ลองเอ่ยปากถามกับคนตัวเล็กไปด้วย ทว่าฟาร์รังกลับบอกปัดเอาแต่บอกแต่ว่าไม่เป็นไร ตัวน้องเองนั้นไม่ได้โดนแกล้งอะไรมากมาย แต่เฮฟกลับรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งมันทะแม่งๆ ไปหมด จึงต้องลองไปสืบดูและจัดการที่ต้นตอของปัญหาเองซะเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาวอแวกับฟาร์รังอีกเลย
วันนี้รุ่นพี่เดินไปรอรับรุ่นน้องตามปกติเช่นทุกวัน เพื่อรอรับคนน้องให้ไปกินข้าวด้วยกันทั้งช่วงเช้า กลางวัน และตอนเย็น ซึ่งมันเป็นอย่างนี้มาตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาแล้ว
แถมร่างสูงก็ได้ขอทำหน้าที่ไปส่งคนน้องที่บ้านด้วยเองกับพี่ชายสุดเนี๊ยบของน้องเรียบร้อยแล้วด้วย ทั้งเอ่ยปากอาสาแทนคนขับรถของพี่เลออนแทนซะเลย
รักน้องเขาก็ต้องทำตัวกล้าหาญหน่อยกันหน่อย แบบนี้เขาเรียกว่าพิสูจน์ความจริงใจไงครับ
ดีที่พี่เลออนยอมตกลงให้เขาไปส่งคนตัวเล็กกลับบ้านได้
แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามพาออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด!
ผมยอมตกลงอย่างง่ายดาย ขอเพียงแค่ได้มีเวลาอยู่กับน้องนานขึ้นมาอีกหน่อย
เพียงแค่นี้ก็ดีใจมากแล้วละครับ ก็คนแบบผมมันเป็นฝ่ายที่อยากอยู่กับน้องนาน ๆ เองนี่ครับ
นับวันความสัมพันธ์ของสองเราก็พัฒนาดีขึ้นจนเป็นคู่รักที่คนในโรงเรียนให้ความสนอกสนใจ แม้นคนหล่อของโรงเรียนจะเคยมีฉายาเจ้าชู้ประตูดิน เปลี่ยนคนควงบ่อย ๆ มาก่อนก็ตาม แต่ต้องมาตกม้าตายให้คนแบบฟาร์รังจนได้
แต่ทว่าตั้งแต่ได้เจอกับคนตัวเล็ก ผมก็ลืมเลือนนิสัยเสียแบบนั้นไปเลย
วันเสาร์นี้ร่างสูงว่าจะพาคนน้องไปเที่ยวเล่นที่บ้านของตระกูล วรวงค์ดิสษากร ซะหน่อย
เพราะผมอยากให้น้องได้รู้จักโลกของผมบ้าง และก็อยากทำให้น้องรู้ว่าผมจริงจัง และจริงใจกับน้องมากขนาดไหน
➷
@ บ้านวรวงค์ดิสษากร
“บ้านพี่เฮฟ สวยจังเลยครับ”
“ขอบคุณครับ”
“บ้านพี่เฮฟอยู่กันกี่คนเหรอครับ” แววตาใสซื่อของคนตัวเล็กท่อแววความเป็นกังวลออกมาได้อย่างชัดเจน หลังริมฝีปากบางสีเชอร์รี่เอื้อนเอ่ยถามออกมา
“มีพี่ พ่อแม่ พี่ชายกับ...น้องสาวครับ”
“อ่อ ครับ”
"ฟาร์ไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ บ้านพี่มีแต่คนใจดี" ร่างสูงยังคงเห็นคนน้องแสดงสีหน้ากังวล ริมฝีปากหยักจึงยกยิ้มพร้อมลูบเรือนผมสีอ่อนของคนขี้กังวล จนคนน้องต้องคลี่ยิ้มตาม
ในระหว่างที่เราทั้งคู่ยังคงคุยกันนิดหน่อย ตาคมก็สังเกตเห็นว่าพี่คนโตของบ้านกำลังเดินลงมาจากข้างบนอย่างได้จังหวะพอดี
“เออ..ฮิมนี่น้องฟาร์รัง แฟนเฮฟเอง / ส่วนนี่พี่ฮิมพี่ชายคนโตของบ้านครับ” ร่างสูงแนะนำคนน้องกับพี่ชายคนโตของตระกูลให้รู้จักกัน
เมื่อฟาร์รังสบเห็นคนที่ถูกแนะนำก็รีบยกมือไหว้ทักทาย คนที่มีใบหน้าคลับคล้ายคลับคลากับคนด้านข้างนี่แหละ แต่ทว่าแววตานั้นกลับคมดุเฉี่ยวน่าเกรงขามมากกว่า พี่ใหญ่ของตระกูลรับไหว้พร้อมกล่าวต้อนรับ
"ยินดีต้อนรับ ทำตัวตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" ใบหน้าคมดุได้ยิ้มตอบรับคนตัวเล็กออกมาเล็กน้อย
"แล้วพ่อกับแม่ละ" หลังสองคนเขาทำความรู้จักกันเสร็จแล้ว นัยน์ตาสีเข้มที่กวาดมองไปรอบ ๆ ราวกับว่ามองหาใครอยู่ด้วยความสงสัยจึงเลือกที่จะเอ่ยถามพี่ชายคนโตซะเลย เพื่อจะได้แนะนำฝากฝังแฟนของตัวเองไว้ด้วยเลย
"พ่อกับแม่เพิ่งจะมีบินด่วนไปหาปู่กับย่าที่ฮ่องกงตามหลังนายหายออกจากบ้านไปไม่นานนี่เอง เห็นว่าจะบินไปร่วมหุ้นกับบริษัทเปิดใหม่อะไรสักอย่างนี่แหละ" คนที่รอคอยคำตอบผงกหัวอย่างเข้าใจ ฮิมเอี้ยวตัวหันมากระซิบข้างใบหูน้องชาย ด้วยความรู้ทันกันอย่างสับหยอกในที
“พามาบ้านงี้ คนนี้ตัวจริงสินะ แต่ว่าจะทำอะไรก็อย่าเสียงดังนักละ ถึงพ่อกับแม่ไม่อยู่ แต่พวกแม่บ้านยังอยู่นะ หึ หึ” เมื่อคนเป็นพี่ ผละใบหน้าที่แฝงไปด้วยแววตารู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของน้องชายตัวเองออก หลังจากที่กระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน เฮฟก็ได้ทันเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคนพี่ แล้วถึงเบี่ยงใบหน้าหันไปพูดให้คนตัวเล็กได้ยินด้วยรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรที่เป็นความลับหรอก
"ครั้งหน้า พาน้องฟาร์รังมาบ้านตอนพ่อกับแม่อยู่บ้านด้วยสิ” เมื่อฮิมพูดเสร็จก็ตบไหล่คนน้อง พร้อมกับผินหน้าไปยิ้มแย้มให้กับแฟนน้องอีกครั้งก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในห้องอ่านหนังสือชั้นล่าง แล้วปล่อยให้คนเจ้าเล่ห์ที่พี่ชายรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมไว้กับคนตัวเล็กให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาส่วนตัวร่วมกัน
คล้อยหลังพี่ชายคนโตของบ้านได้หายวับเข้าไปในห้องหนังสือชั้นล่างจนผ่านไปชั่วครู่หนึ่งแล้ว
ร่างสูงจึงเอ่ยบอกกับคนน้องว่าให้รอแป๊บนึง จากนั้นเฮฟจึงลุกเดินตรงไปยังห้องครัว เพื่อไหว้วานขอให้ป้าแม่บ้านจัดเตรียมขนมกับน้ำไว้ให้สัก 2 ชุดด้วย หลังจากร่างสูงสั่งแม่บ้านเสร็จแล้วก็เดินตรงดิ่งกลับมายังคนน้องที่นั่งรออยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ที่เดิมยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน
“ฟาร์ขึ้นไปข้างบนกันเถอะครับ”
เฮฟเดินกลับมาจูงมือคนตัวเล็กพาขึ้นไปบนห้องของตัวเอง เมื่อได้เข้ามาที่ห้องของเฮฟแล้ว คนตัวเล็กก็เกิดอาการเก้กังประหม่าจนทำตัวไม่ถูกเลย เมื่อเจ้าของห้องสบเห็นเข้าก็อดที่จะรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ จึงเอ่ยปากบอกกับคนน้องว่านั่งที่เตียงเลยก็ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าคนตัวเล็กติดเกรงใจ จึงเลือกที่จะนั่งลงตรงโซฟาปลายเตียงแทน
“ดูหนังกันดีไหม”
คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับ เมื่อรุ่นพี่เจ้าของห้องเดินไปเลือกหนังที่ตู้ว่าจะดูเรื่องอะไรดี ก็เห็นคนตัวเล็กหยัดกายลุกขึ้นบ้างแล้วก้าวขาเดินเข้าไปดูโปสเตอร์นายแบบคนดังที่เฮฟโปรดปรานแปะติดข้างฝาเอาไว้หลากหลายชุดคอลเล็คชั่นแต่ละฤดูกาล
“พี่เฮฟชอบนายแบบคนนี้เหรอครับ” ร่างสูงที่ยังง่วนกับการหาหนังจึงหันไปมองตามเสียงเรียกของคนตัวเล็กที่เอ่ยถามขึ้น
“ใช่ครับ เท่ดี ฟาร์ว่าไหม โตขึ้นพี่ก็อยากจะเป็นนายแบบนะ แต่คิดว่าถ้าพี่เลือกเป็นนายแบบ ฮิมคงต้องรับผิดชอบทำงานหนักคนเดียวแน่ๆ ก็เลยเป็นแค่ความฝันน่ะครับ” ปากหยักเอ่ยบอกความในใจกับคนตัวเล็กออกไป
“เราว่าถ้าพี่ได้เป็นนายแบบคงจะเท่มากแน่เลยล่ะ” คนตัวเล็กบอกกับคนหล่อเหลาพร้อมฉีกยิ้มจนตาหยีส่งมาให้ด้วยความสัตย์จริง
“เพราะพี่หล่อใช่ไหมล่ะครับ ฟาร์ก็จะได้มีแฟนเป็นนายแบบคนดังด้วย ดีไหม” คนถูกชมแก้อาการเก้อเขินของตัวเองโดยการโบ้ยไปให้คนตัวเล็กกว่าได้เกิดอาการเขินอายแทนบ้าง แม้จะดูใช้คำพูดที่ดูอวดดีไปสักหน่อยก็ตาม
“ตอนนั้นพี่คงทิ้งเราไปแล้วละมั้ง หล่อเลือกได้ขนาดนี้” คนตัวเล็กยู่ปากหลังพูดประโยคนี้จบ
มือใหญ่ชะงักหยุดการค้นหาแผ่นหนังลงแล้วรีบลุกขึ้นสืบเท้าเดินเข้าไปสวมกอดกับคนตัวเล็กทันที พร้อมจับจูงข้อมือเล็กให้เดินมานั่งลงที่ปลายเตียงด้วยกัน
หลังได้ยินประโยคเมื่อกี้แล้ว ผมรู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันที
ผมเลือกแล้ว และคนที่ผมเลือกก็คือคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมคนนี้
ซึ่งมันจะไม่มีวันที่ผมจะทอดทิ้ง คนคนนี้แน่นอน..
“ทำไมพูดแบบนี้ละครับ พี่ไม่มีวันทิ้งฟาร์หรอกครับ” วงแขนแข็งแรงขยับกกกอดคนตัวเล็กเอาไว้อย่างแนบแน่น พร้อมกับจับมือคนตัวเล็กขึ้นมาพรมจูบทีละข้อนิ้วอย่างทะนุถนอม
คนตัวเล็กช้อนใบหน้าหวานขึ้นมาสบตากับคนที่ออกแรงกระชับกอดพร้อมกับได้จรดริมฝีอุ่นประทับลงบนข้อนิ้วมือของตัวเองอยู่จนรู้สึกอุ่นซ่านไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
ดวงตากลมโตถ่ายทอดแววตาน่าเอ็นดูออกมาให้ จนคนพี่อดใจไม่ไหวจึงประทับจูบลงไปที่เปลือกตาสีไข่ ไล่จูบลงไปยังปลายจมูกรั้น และ ริมปากบางอมชมพูของคนตัวเล็กทันที
เฮฟทำเพียงแค่กดจูบย้ำๆ ตรงริมฝีนุ่มหยุ่นแบบที่ไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น จนใบหน้าหวานเริ่มมีริ้วสีพาดผ่านจนค่อยๆ แดงซ่านขึ้นมา คนขี้อายรีบก้มหน้ามุดลงไปฝังจมอยู่กับหน้าอกตึงแน่นทันที เพื่อใช้บดบังความขวยเขินและหลบสายตาหวานละมุนจากคนพี่ที่ยังคงจ้องมองกันมาอย่างไม่ยอมละสายตาเลย
คนพี่จับคนตัวเล็กยกขึ้นให้มานั่งลงบนหน้าตักของตัวเองเอาไว้เพราะอยากจะเห็นหน้าคนขี้เขินชัด ๆ ให้เต็มสองตาส่วนคนตัวเล็กนั้นจึงรีบใช้แขนทั้งสองข้างคล้องเข้ากับลำคอหนาทันทีเพราะกลัวจะร่วงหล่นตกลงไปซะก่อน
ร่างสูงจึงตระกองกอดไว้มั่นกันคนน้องตกลงไปเช่นกัน ใบหน้าคมเริ่มขยับซุกไซร้คลอเคลียกัน จนเริ่มรู้สึกขึ้นมาแล้วว่าอุณหภูมิของเราทั้งคู่มันแผ่ความร้อนออกมาใส่กันเรื่อยๆ แล้วปลายจมูกโด่งเริ่มขยับไปดอมดมลงบนซอกคอขาวอันหอมกรุ่นของคนตัวเล็กบนตักอย่างหลงใหล
ฝ่ามืออบอุ่นไล้มือขึ้นไปปัดผมหน้าม้าคนตัวเล็กออกจากการบดบังดวงตาคู่สวย พร้อมกับประทับจูบลงไปที่หน้าผากนวลก่อนจะวกกลับมากระซิบที่ข้างใบหูของคนตัวแดงบนตักอย่างแผ่วเบา ราวกับเผลอไผลจนหลุดปากออกมาเอง
“พี่ขอทำได้ไหมครับ”
ใบหน้าคมผละออกมาจับจ้องวงหน้าหวานอย่างรอคอยคำตอบ แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสักที เจ้าตัวเล็กที่ยังคงนั่งตัวอ่อนปวกเปียกอยู่บนหน้าขาแข็งแรงราวกับว่ากำลังตกตะลึงเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่จนสับสนไปหมด
“ถ้าฟาร์ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรครับ” คนพี่จึงยอมแพ้อย่างเข้าใจแต่โดยดี
เฮฟจึงจรดปลายจมูกกดลงหอมฟอดใหญ่เข้ากับแก้มนิ่มของคนตัวเล็กอย่างปลอบโยน ก่อนจะยกคนน้องออกจากตักแล้วให้นั่งลงที่ปลายเตียงนุ่มเช่นเดิม เจ้าของห้องกะว่าจะเดินลงไปเอาน้ำกับขนมที่ฝากให้ป้าแม่บ้านเตรียมเอาไว้ให้แทนเพื่อปรับอารมณ์ที่มันดูแย่ของเราทั้งคู่ใหม่
“เดี๋ยวพี่ลงไปเอาขนมกับน้ำมาให้เราก่อนดีกว่า ตอนดูหนังจะได้ไม่หิวเนอะ” เจ้าของห้องหันกลับไปยกยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
เหี้x เฮฟมึงหื่นเชี่ยไรขึ้นมาตอนนี้วะ แม่งไม่ดูเวล่ำเวลาเลย ทำน้องกลัวไปแล้วมั้งเนี่ย
แม่งเอ๊ยยย ไอ้ฉิบห-ย
เฮฟก่นด่าตัวเองในใจ ขายาวก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในครัว แล้วยืนปรับอารมณ์กระสันอยากของตัวเองอยู่สักพัก จนมันสงบลงได้แล้ว นัยน์ตาสีเข้มจึงเห็นว่าแม่บ้านได้จัดเตรียมของกินเล่นใส่ถาดวางไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้ว
ในถาดใบกลางมีของว่างจัดไว้ให้อย่างละ 2 ชุด ประกอบไปด้วย น้ำหวาน มัฟฟิน และผลไม้รวมที่ปอกเปลือกหันเป็นชิ้นพอดีคำตั้งเตรียมไว้ให้ มือใหญ่จึงคว้าถาดนั้นแล้วเดินถือกลับขึ้นไปบนห้องนอนชั้นบนอีกครั้ง
ฟู่ววว...
เจ้าของห้องเดินถือถาดขนมกับน้ำเข้ามาวางไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาพลางหันไปเอ่ยถามกับคนน้องว่าเลือกหนังที่จะดูได้หรือยัง แต่คนตัวเล็กกลับทำท่าทางเหมือนกับจะร้องไห้ออกมายังไงยังงั้น จนเฮฟต้องพลอยตกใจไปด้วยเลย
ผมรู้สึกตกใจมาก คิดว่าน้องต้องกลัวผมไปแล้วแน่ ๆ
“ฟาร์ ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับ”
“กลัวพี่เหรอครับ” คนน้องส่ายหน้าเป็นพัลวันกลับมาให้เป็นคำตอบพร้อมกับเอามือเล็ก ๆ ที่สั่นระริก เอื้อมมาจับเข้าที่ฝ่ามือของคนพี่เอาไว้ด้วย “ฟาร์กลัวครับ..กลัวพี่เฮฟโกรธ”
เพียงแค่คนน้องตอบออกมาแค่นี้ ใจดวงโตก็กระตุกเต้นระส่ำขึ้นมาทันที
“แล้วฟาร์..คือฟาร์ก็กลัว..เจ็บด้วย..ฟาร์ไม่เคยครับ” ร่างสูงยกมือขึ้นไปทาบพวงแก้มคนน้องทั้ง 2 ข้างไว้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานได้เอี้ยวใบหน้าตามฝ่ามือใหญ่อบอุ่นอย่างอัตโนมัติ
“พี่เฮฟ..จะทำก็ได้นะครับ” ฝ่ามือเล็กยังคงกำฝ่ามือของเฮฟจนแน่น ราวกับกำลังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ จนมันสับสนภายในใจไปหมด
ทว่าสำหรับเฮฟนั้น หลังสิ้นคำอนุญาตของคนน้อง สัญชาตญาณดิบของเจ้าตัวก็ได้ตื่นขึ้นมาทันที แต่เฮฟก็เลือกที่จะกดข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แทน เพราะแค่คนตัวเล็กยอมเสียสละเวลามาอยู่ด้วยกันในวันหยุดได้แบบนี้
มันก็ดีมากเกินพอแล้ว..
ฝ่ามือข้างที่ไม่ถูกกอบกุมจึงขยับขึ้นมาลูบลงกับเรือนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะผละตัวออกจากคนตัวเล็ก แล้วเฮฟได้เอี้ยวตัวหันกลับไปทางชั้นวางแผ่นหนังอีกครั้ง ทว่าตอนจะออกตัวก้าวเดินกลับรู้สึกถึงแรงดึงรั้งจากปลายเสื้อจนมันยืดย้วยตามแรงดึงรั้งเอาไว้เลย
ใบหน้าคมจึงต้องหันกลับไปมองใบหน้าของคนที่ยึดถือปลายชายเสื้อของเฮฟเอาไว้ไม่ให้ก้าวขาออกเดินไปข้างหน้าต่อได้ จนเห็นได้ว่าคนตัวเล็กหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมไปอีก
“ฟาร์..แน่ใจนะครับ ถ้าพี่เริ่มแล้วหยุดไม่ได้นะ” คนพี่จ้องมองเข้าไปในแก้วตาอันสั่นไหวของคนตัวเล็กที่ยอมพยักหงึกหงักให้กันอย่างเชื่องช้าก่อนจะเปลี่ยนระดับเป็นพยักหน้าระรัวให้เป็นคำตอบราวกับแน่ใจแล้ว
TBC..[Pt.2]