เมื่อเข้าไปไปถึงห้องนั่งเล่นของตัวบ้าน ประวิตรและวิภากำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ เมื่อเห็นจริญญาทั้งสองก็หยุดการพูดคุยนั้นลงแล้วหันมามองเธอที่เดินเข้ามาหาด้วยกิริยาที่เรียบร้อยและอ่อนหวาน พลางมองด้วยสายตาที่ชื่นชม
“คุณลุงคุณป้าเรียกจ๋ามา มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม สำนึกอยู่เสมอว่าตนเองเป็นแค่ผู้อาศัย
“รับชงรับใช้อะไรกันเล่าหนูจ๋า ที่ป้าเรียกหนูมาก็มีเรื่องจะพูดคุยด้วยน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ” หญิงสาวถามแล้วยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ดวงตาใสซื่อจ้องมองว่าผู้มีพระคุณทั้งสองกำลังจะพูดเรื่องอะไรกับตน
“หนูเองก็พอรู้ใช่ไหม ว่าป้ากับลุงน่ะอยากได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้” วิภาเปิดฉากพูดออกมาตามตรง จริญญาจึงต้องพยักหน้ารับเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่มีแววสลดลง
“อายุของเราก็สมควรแก่การแต่งงานแล้ว หากเป็นไปได้ป้าก็อยากได้จ๋ามาเป็นลูกสะใภ้ของป้า แต่ติดตรงที่ว่าตาภัทรมีแฟนแล้ว ถ้าป้ากับลุงไม่ไปเห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่รู้” วิภาพูดแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอผิดหวังที่ลูกชายคนโตแอบมีคนรักซ่อนเอาไว้ แต่รู้สึกเสียดายที่สะใภ้คนโตไม่ใช่คนที่ตนหมายตาเอาไว้
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหัวใจของจริญญาก็ลิงโลดขึ้นมา แต่เธอก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผู้มีพระคุณทั้งสองหมายจะพูดอะไรกับเธอในวันนี้
“ภัทรเขาเชื่อฟังลุงกับป้ามาตลอด พอมาถึงเรื่องความรักเราก็ไม่อยากบังคับจิตใจเขา ในเมื่อเขาอยากจะมีความรักและคนรักที่เขาเลือกด้วยตัวเอง ป้ากับลุงก็ไม่ห้าม” ประวิตรพูดขึ้นมาบ้าง
โดยปกติแล้วเรื่องแบบนี้เขาจะไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยว แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจึงอยากจะช่วยภรรยาในการเจรจาเรื่องที่สำคัญในวันนี้
จริญญายังคงนั่งสงบนิ่งตั้งใจฟังทั้งคู่ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ต้องถูกขอให้แต่งงานกับพี่ภัทรของเธอแล้ว
“ส่วนตาภณ ป้ากับลุงก็ถอดใจแต่แรกแล้วว่าคงไม่สามารถบังคับได้ แต่เมื่อเช้านี้พอเห็นว่าภณเขาเริ่มใจอ่อนให้จ๋า ป้ากับลุงก็เลยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง จ๋าจะว่าอะไรไหมถ้าป้ากับลุงอยากให้จ๋ากับภณลงเอยกัน” หลังจากที่วิภาพูดจบจริญญาก็ก้มหน้างุด หัวใจเต้นแรงโครมครามแทบจะหลุดออกมาจากอก
“จ๋าแล้วแต่คุณลุงคุณป้าค่ะ แต่เกรงว่าพี่ภณอาจจะไม่ได้เต็มใจในเรื่องนี้ จ๋าไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าบังคับจิตใจพี่ภณในเรื่องนี้ค่ะ”
“ป้ากลับลุงไม่ได้จะบังคับให้ภณแต่งงานกับจ๋า แต่พวกเราก็แค่รู้สึกว่าหากเป็นไปได้ก็คงดี เราก็เลย ปรึกษากันว่าหากจ๋าให้ยังไม่มีใครในใจ ลองเปิดใจทำดีกับพี่เขาหน่อยได้ไหม ป้าเชื่อว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินย่อมกร่อน” วิภากล่าวแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ดูจากสถานการณ์เมื่อเช้านี้แล้ว ป้าคิดว่าหากจ๋ากับภณใกล้ชิดสนิทสนมกันกว่านี้ บางทีอาจจะทำให้พี่เขารักจ๋าได้ไม่ยาก และถ้าถึงตอนนั้นหากสองคนใจตรงกันป้ากับลุงคงจะดีใจมาก แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่พวกเราคิด ภณและจ๋าเป็นได้แค่พี่ชายน้องสาวกัน เราสองคนก็ตกลงกันเอาไว้ว่าจะรับจ๋าเป็นลูกบุญธรรม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นจริญญาก็รู้สึกใจสั่นไหว เธอไม่อยากเป็นลูกบุญธรรมของทั้งคู่ ไม่ใช่ว่าไม่เคารพรัก แต่เพราะเธอมีใจให้กับภณมาตั้งแต่แรก เธอไม่ได้อยากเป็นน้องสาวของเขา
“จะว่าป้ากับลุงเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่เราสองคนรับปากดูแลจ๋าแล้ว พวกเราก็อยากให้มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเราจริงๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” วิภาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ขอร้องให้จริญญาทำตัวใกล้ชิดกับลูกชายเพื่อให้เขาใจอ่อนนั้น อาจจะสร้างความลำบากใจให้แก่หญิงสาว เพราะหากจริญญาหลงรักภณเพียงแค่ฝ่ายเดียว คนที่จะเจ็บปวดก็จะเป็นเธอ
จริญญาเข้าใจถึงความหมายนั้น หากจะเจ็บปวดเธอก็ต้องยอมรับมัน เพราะเป็นโอกาสเดียวที่เธอมี
“ค่ะ จ๋าจะพยายามเอาชนะใจพี่ภณให้ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปากด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
เธอจะปฏิเสธไปทำไมเล่าในเมื่อโอกาสนี้ได้มามาถึงแล้ว และเป็นสิ่งที่เธอก็ต้องการมาโดยตลอด นั่นก็คือการเอาชนะใจของภณ ผู้ชายที่เธอมีใจให้
รถหรูสีขาวมุกวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ หลังจากนั้นภณก็เดินเข้ามาภายในบ้าน โดยมีสาวใช้ช่วยถือเสื้อสูททำงานและกระเป๋าเอกสารตามหลังเข้ามา เพื่อจะนำไปเก็บไว้บนห้องพักของเขาที่ชั้นบน ในขณะที่ลูกชายเจ้าของบ้านเดินตรงไปยังห้องห้องนั่งเล่นเพื่อรอรับประทานอาหารเย็น
“วันนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งบิดาก็ถามถึงเรื่องงานที่บริษัท
“เรียบร้อยดีครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แม้จะต่อต้านบิดาโดยการทำพฤติกรรมที่ไม่อยู่ในกรอบระเบียบ แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วเขาก็ทำมันอย่างเต็มที่เพราะนั่นหมายถึงความก้าวหน้ามั่นคงของบริษัทที่ปู่ของเขาก่อตั้งขึ้นมา
“อาทิตย์หน้าลูกว่างหรือเปล่า” วิภาเป็นคนพูดถึงเรื่องนี้ เพราะหากประวิตรเป็นคนพูดเกรงว่าลูกชายคนรองจะปฏิเสธ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับถามถึงเหตุผลของมารดา
“แม่ว่าจะให้ภณพาจ๋าไปทำบุญให้น้าเจ๋งกับน้านันท์ที่วัดหน่อย”
“ได้ครับ” ภณรับปากโดยไม่ได้คิดนาน วิภายิ้มกว้างออกมาหันไปสบตากับสามีแล้วยิ้มให้แก่กัน
การกระทำนี้อยู่ในสายตาของภณ เขาลอบยิ้มอย่างพอใจ จับคู่ให้จริญญากับภัทรไม่ได้ก็จะหันมาจับคู่ให้ตนกับผู้หญิงคนนั้นสินะ แบบนี้ยิ่งเข้าทางเขา
ประสงค์พ่อบ้านวัยกลางคนที่รับผิดชอบดูแลทุกอย่างในบ้าน เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขายืดตัวยืนหลังตรงเอามือประสานไว้ที่หน้าตัก
“อาหารเย็นเสร็จแล้ว จะให้ตั้งโต๊ะเลยหรือเปล่าครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจังในหน้าที่ของตน
ประวิตรมองพ่อบ้านคนสนิทของตนที่เคยเป็นผู้ติดตามของบิดามาก่อน อายุของทั้งคู่ไล่เลี่ยกันเรียกได้ว่าเติบโตด้วยกันจนเป็นเพื่อนมากกว่าที่จะเป็นคนรับใช้ แต่ประสงค์ก็ไม่ได้ตีตัวเสมอนายคอยรับใช้ที่บ้านก่อเกียรติวิวัฒน์มาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ และยังวางตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย
“ตั้งโต๊ะเลยก็ได้ ส่วนนายก็ไปพักได้แล้วไม่ต้องอยู่รอจนฉันกินข้าวเสร็จหรอกนี่ก็ค่ำแล้ว”
“ครับคุณผู้ชาย” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำอย่างนอบน้อม ประวิตรส่ายหัวเล็กน้อยที่อีกฝ่ายนั้นวางตัวดีจนเกินไป ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้ถือเรื่องสถานะเจ้านายกับพ่อบ้านแม้แต่น้อย
จริญญาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นสวนกบประสงค์ที่กำลังเดินกลับไปที่ห้องครัว หญิงสาวเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือวิภาที่ ดวงตากลมโตหันไปมองยังภณที่จ้องมองเธออยู่ จากนั้นหญิงสาวก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปพูดกับวิภา
“บัญชีค่าใช้จ่ายของบ้านเดือนนี้ จ๋าตรวจดูเรียบร้อยแล้วค่ะ จะให้จ๋าวางไว้ในห้องทำงานคุณลุงหรือว่าจะให้เอาไปไว้บนห้องดีคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน รู้สึกได้ถึงแววตาของภณที่จ้องมองมาทางตนอยู่ตลอดเวลา ก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
“เอาไปไว้ในห้องทำงานก็ได้ เดี๋ยวป้าจะเข้าไปดู” วิภาบอกแล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ลอบมองดูสายตาของจริญญาและภณที่แอบมองสบตากันแล้วก็แอบยิ้มอยู่ในใจมีความหวัง
************************