X Part.
ไม่รู้อะไรดลบันดาลใจให้ผมเรียกเธอเอาไว้ เอโกะค่อยๆหันมามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"ผมขอคุยกับคุณสักครู่ได้มั๊ย?"
เธอหันไปสบตากับบอดี้การ์ดผู้หญิงก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปไม่แม้แต่จะตอบรับหรือปฏิเสธคำขอของผม
"คุณริเอโกะคงไม่สะดวก ต้องขออภัยด้วยนะคะ"
เธอกล่าวก่อนเดินตามเอโกะออกไป ส่วนผมก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นโดยข้างๆก็มีแพรวและแทนยืนอึ้งเป็นเพื่อน
"สงสัยจะเกลียดขี้หน้ามึงจริงๆว่ะ"
ก็จริงอย่างที่ไอ้แทนพูดผมทำร้ายเธอไว้มากไม่แปลกที่เธอจะไม่อยากยุ่งด้วย ผมไม่ได้รู้สึกอับอายอะไรนักที่เธอเดินหนีไปแบบนั้นแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดในใจมากกว่า
เมื่อ 3 ปีก่อนพวกเรายังเป็นนักศึกษาปี 4 ถึงแม้อายุจะมากถึง 22 ปีแล้วก็ตามในตอนนั้น แต่พวกเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเด็กไม่จริงจังอะไรและไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สนว่าใครจะรู้สึกยังไงด้วย
อันที่จริงในเวลานั้นน่าจะมีหลายคนที่ถูกพวกเรากลั่นแกล้งรังแก แต่ริเอโกะคือคนที่หนักที่สุดเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมคบด้วย
"เด็กคนเมื่อกี้ลูกของริเอโกะหรือเปล่าวะ?"
ไอ้แทนเอ่ยถามก่อนหันมองหน้าผมอย่างจับผิด
"กูว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกกูว่ะ"
ทั้งแพรวและไอ้แทนหันมองผมพร้อมกัน ท่าทางดูตกใจทั้งคู่
"แกแน่ใจได้ไง?"
แพรวเอ่ยถามน้ำเสียงขุ่นๆ ผมรู้มาตลอดว่าแพรวชอบผมและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่ชอบริเอโกะจนต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่เสมอ
"ดูหน้าเด็กคนนั้นก็รู้แล้ว"
"เด็กก็หน้าตาคล้ายๆกันทั้งนั้นแหละ แกอย่ามั่นใจหน่อยเลย อีกอย่างยัยนั่นก็มีคู่หมั้นแล้วด้วย!"
"หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้!"
ลึกๆในใจผมก็ยังหวังให้เธอกลับมายืนข้างผมอีกครั้งแบบเมื่อก่อน แต่ความหวังก็ดูจะริบหรี่จริงๆ
"ฉันได้ยินมาว่าคู่หมั้นของเธอชื่อชินอิจิ หล่อแถมรวยมากด้วย อีกอย่างสองคนนั้นก็โตมาด้วยกัน"
แค่ได้ยินก็รู้สึกแพ้แล้วล่ะสิ ถึงเธอจะเคยรักผมแต่ว่าความผูกพันธ์กับคู่หมั้นเธอต้องมีมากกว่าแน่นอน
"ไม่ว่ายังไงก็ตามกูจะเอาครอบครัวกูกลับมาให้ได้!"
=br=
Ako
ความจริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะหักหน้าเอ็กซ์แบบนั้นหรอก แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าพอได้ทำแล้วก็รู้สึกสะใจลึกๆ
"คุณหนูนานะนอนแล้วหรอคะ?"
ฉันเดินออกมาริมระเบียงเพื่อรับลมโดยมีซากุระยืนข้างๆ
"หลับไปแล้วล่ะ"
ฉันเอ่ยตอบพร้อมกับถอนหายใจยาว อันที่จริงฉันอยากจะบินกลับญี่ปุ่นคืนนี้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะคุณพ่อได้มอบหมายงานให้ทำฉันจึงต้องอยู่ที่นี่ไปสักพัก
"คุณกำลังลำบากใจที่ต้องร่วมงานกับคนตระกูลนั้นใช่ไหมคะ?"
"กับคุณอนันต์ฉันไม่รู้สึกอึดอัดอะไร แต่ถ้าฉันต้องร่วมงานกับลูกชายเขาฉันคงทนไม่ได้"
"ถ้าคุณริเอโกะอึดอัดให้ฉันไปพบพวกเขาแทนก็ได้นะคะ"
"ขอบใจมากนะซากุระ ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้เธอช่วยคงต้องแย่แน่ๆ"
3 ปีก่อนตอนที่ฉันรู้ว่าตัวเองท้อง ตอนนั้นฉันจำได้ว่าเคยคิดจะเอาเด็กออกแต่เพราะซากุระเตือนสติเอาไว้และคอยช่วยเหลือระหว่างที่ฉันอุ้มท้อง ทำให้ความคิดเหล่านั้นจางหายไปและทำให้ฉันได้ของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตมาแทน.....นั่นก็คือนานะ
"ตระกูลยามาดะมีบุญคุณกับฉันมาก ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ"
เราสองคนโตมาด้วยกัน สมัยที่ฉันเรียนในญี่ปุ่นก็มีเพียงซากุระที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งผู้ดูแล เพราะไม่มีเด็กคนไหนกล้าคบฉันเป็นเพื่อน เนื่องจากกลัวพ่อของฉัน
การที่มีคนคอยดูแลเอาใจทำให้ฉันไม่เคยช่วยเหลืออะไรตัวเองได้เลย จนกระทั่งวันที่ถูกส่งมาเมืองไทยฉันถึงได้รู้ว่าตัวฉันนั้นอ่อนแอและโง่มากแค่ไหน
ฉันถูกเลี้ยงดูโดยถูกปิดหูปิดตาจากความเลวร้ายของโลกใบนี้ ตอนนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าตายแปลว่าอะไร ฉันเหมือนคนโง่ไม่ว่าจะถูกใครชักจูงก็เดินตามไปไม่ต่างจากควาย
ความเลวร้ายที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อนที่ฉันต้องเจอทำให้ความคิดหลายๆอย่างของฉันเปลี่ยนไปรวมทั้งจิตใจด้วย
บนโลกใบนี้หาคนจริงใจและรักเราอย่างบริสุทธิ์ใจได้ยากแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ถึงแม้ตอนนั้นจะเป็นเวลาช่วงสั้นๆที่ฉันต้องเจอกับโลกใบใหม่ที่โหดร้ายในความรู้สึก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตฉันยังดีกว่าใครหลายคนเพราะยังมีพ่อที่รักฉัน แม่ที่คอยรับฟังฉัน และซากุระที่คอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ รวมทั้งลูกน้องของพ่อที่ซื่อสัตย์ภักดี
...และนานะผู้เปรียบเสมือนแสงสว่างและยารักษาบาดแผลในจิตใจของฉัน...