บุฟเฟ่ต์นัวในหม้อ
ใครหนอ...ช่างตั้งชื่อ โสรยามองป้ายหน้าร้านแล้วลอบขำเงียบ ๆ และคิดว่าชาวแก๊งก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน เพราะพวกหล่อนเส้นตื้นเหมือนกัน!
“สวัสดีค่ะคุณเพ็ญนี เป็นเกียรติมาก ๆ เลยนะคะที่คุณเพ็ญนีออกมารับด้วยตัวเองแบบนี้” พรชัยเอ่ยทักทายพร้อม ๆ กับทุกคนที่ยกมือไหว้หญิงสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหล่อน
“เพนนี...ฉันชื่อเพนนี ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน โดยเฉพาะคุณโสรยา” หญิงนางนั้นยืนตัวตรงแล้วเอ่ยขึ้น รูปร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดธรรมดา ผมหยิกเป็นลอนถูกรวบผูกไว้ลวก ๆ รับกับเครื่องหน้าที่ดูโดดเด่นแม้ไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้ม
แต่มองผิวเผินก็รู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีเยี่ยม ดูออกว่าอายุอานามมากกว่าสี่สิบเข้าไปแล้ว แต่ก็เดาตัวเลขเจาะจงไม่ได้เลยว่าเท่าไหร่กันแน่
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณเพนนี เรียกฮอลล์เฉย ๆ ก็ได้นะคะ”
“วันนี้เป็นวันหยุดน่ะ เด็ก ๆ ก็เลยพักผ่อนกัน ฉันอยู่ที่ร้านคนเดียว ไปในออฟฟิศกันดีกว่าจะได้นั่งคุยกันสบาย ๆ” เพนนีกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตามองอย่างสำรวจ แล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิม “เชิญทางนี้”
“สวยว่ะ ดูก็รู้ว่าอายุมากแล้วแต่ยังสวยเช้งเชียว” ทั้งสาวแท้สาวเทียมมิวายกระซิบกระซาบกัน ขณะเดินตามหลังไปยังอาคารอีกแห่งซึ่งเป็นตึกสองชั้น แยกจากอาคารใหญ่ที่เป็นส่วนของร้าน
ด้านล่างเป็นห้องทำงานโล่ง ๆ โทนสีขาว มีโต๊ะตัวไม่ใหญ่นักอยู่ด้านในสุด และชุดรับแขกอยู่ตรงกลางห้อง ถัดไปด้านหลังติดกับห้องสามารถมองเห็นบันไดที่ใช้ขึ้นไปยังชั้นบน
บรรยากาศดูเหมือนบ้านเสียมากกว่า...
“นั่งก่อนนะ เดี๋ยวจะไปเอาน้ำมาให้” เพนนีผายมือเชื้อเชิญสาว ๆ ให้ไปนั่งตรงโซฟาชุดรับแขกสีเทาเข้ม แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำ แก้วน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ
ค่อนข้างเป็นการต้อนรับแขกที่เรียบง่าย...
สบาย ๆ...
“เอ่อ...งานครั้งนี้คุณเพนนีพอจะมีคอนเซ็ปต์คร่าว ๆ ไว้หรือยังคะ” พรชัยเปรยขึ้น เพื่อให้บรรยากาศชวนอึดอัดได้ผ่อนคลาย เพนนีเป็นผู้หญิงสวย แต่ท่าทีและการวางตัวชวนให้รู้สึกหายใจลำบากพิกล
“ไม่มี...” นางตอบสั้น ๆ ทำเอาทุกคนเหวอ
“แล้ว...คุณจะให้ฉันทำอะไรบ้างล่ะคะ อย่าง...ต้องการคอนเทนต์แบบไหน แล้วจะให้เอ็นเตอร์เทนลูกค้าวิธีไหน” โสรยาเอ่ยถาม ขณะที่นางเดินไปนั่งไขว่ห้างยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่ได้มาร่วมวงด้วย
“ถ้าฉันคิดเอง ทำเองได้ จะจ้างคุณมาทำไมตั้งแพง นี่เป็นสัญญาคร่าว ๆ นะ เอาไปอ่านซะ มีข้อไหนไม่เข้าใจก็ถามมา” นางยื่นเอกสารชุดหนึ่งส่งให้ ดาหวันเป็นคนลุกไปหยิบมาให้ทุกคนอ่าน “ตามสบายนะ ไม่ต้องเครียด วันนี้ฉันมีเวลาทั้งวัน” นางยิ้ม แต่ก็ยังเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามอยู่ดี ทำเอาผู้มาเยือนต่างอึ้งชะงักไปตาม ๆ กัน
ในสัญญาก็ไม่ได้ระบุเงื่อนไขอะไรเป็นพิเศษหรือกดขี่ขมเหงผู้ถูกจ้างแต่อย่างใด เป็นข้อตกลงง่าย ๆ แค่มาทำงานตามเวลา ส่งงานตามเวลาที่กำหนด เมื่ออ่านจบแล้วโสรยาถึงกับมองหน้าพรชัย
“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอพี่”
“เขาเขียนมาก็อ่านอยู่ด้วยกันนี่แหละ ว่าไง...มีอะไรจะเสนอเพิ่มเติมหรือแย้งกับเจ้เขาไหม” พรชัยกระซิบ
“ไม่อะ...ถ้ายังเรื่องมากอีกเขาจะไม่จ้างเอาสิ” เมื่อก่อนเงินห้าแสนบาทสำหรับเจ้าแม่นักรีวิวสินค้าอย่างหล่อนไม่ได้หายากเย็น เพียงรับงานไม่กี่ชิ้นรายได้ก็เป็นกอบเป็นกำแล้ว แต่ตอนนี้มันต่างกัน และมันมีค่ามหาศาลมากพอที่จะต่อลมหายใจอีกหลายชีวิต
“ดิฉันตกลงตามสัญญานี้ทุกอย่างค่ะคุณเพนนี ขอประวัติของทางร้านโดยสังเขป คุณเพนนีช่วยเล่าความเป็นมาและแรงบันดาลใจในการเปิดร้าน คร่าว ๆ ก็ได้ เดี๋ยวทางเราจะคิดคอนเซ็ปต์ แล้วนำเสนอให้คุณเพนนีพิจารณาอีกทีค่ะ” โสรยายิ้มด้วยใจสู้ แม้อีกฝ่ายจะเพียงพยักหน้าแล้วนิ่งไปชั่วครู่
“งั้นก็เซ็นสัญญากันเลย คุณไปคิดมาว่าจะทำยังไงให้คนเข้าร้านฉันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเอาให้ฉันดูตามที่ตกลงกัน ไม่ต้องรีบ...แต่ไม่เอางานชุ่ย ๆ นะ” คำพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมและสีหน้าจริงจังทำเอากลุ่มผู้ถูกจ้างกลืนน้ำลายลงคอเฮือกตาม ๆ กัน
ถึงกระนั้น การเจรจาก็จบลงด้วยดี เพนนีเป็นผู้หญิงสไตล์สาวมั่น แม้คำพูดคำจาจะดูขึงขังไปบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก
ซึ่งก็ยิ่งน่าแปลก เพราะในสถานการณ์อย่างนี้ใครอยากจ้างหล่อนก็สามารถฉวยโอกาสกดดันต่าง ๆ นานาได้สบาย พรีเซนเตอร์ที่อาจจะนำชื่อเสียมาให้มากกว่าชื่อเสียง ผู้หญิงคนนี้มีเหตุผลอะไรถึงได้ยอมจ่ายเงินมากมายทั้งที่ก็รู้ว่ามันเสี่ยง
หนึ่งสัปดาห์จากนั้น ดูเหมือนว่างานชิ้นนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างคาดไม่ถึง
“คอนเทนต์ผ่าน ให้เงินมัดจำมาสองแสนแบบง่าย ๆ ไม่ถาม ไม่หือ ไม่อือ...แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอวะ” โสรยาคิ้วย่นจนแทบจะชนกัน หลังเพิ่งกลับมาถึงห้องหมาด ๆ
ปกติหลังคุยงานเสร็จ พวกหล่อนมักไปหาร้านคาเฟ่นั่งดื่มกาแฟ กินขนมกันเป็นการผ่อนคลาย แต่ตอนนี้โผล่หน้าไปทางไหนก็มีแต่ถูกจับตามองแล้วพากันซุบซิบนินทาทั่วบ้านทั่วเมือง โลกอินเทอร์เน็ตมันมีอิทธิพลในสังคมมากขึ้นทุกที สามารถทำให้ใครคนหนึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่างในชั่วพริบตา
และ...หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ ได้ในชั่วพริบตาเช่นเดียวกัน
“แล้วมันไม่ดีหรือยังไง...ข้องใจอะไรนักหนาหือ!” การะเกดแบะปากพลางส่ายหน้าด้วยความรำคาญ
“ก็มันคาใจ อยากถามให้รู้แล้วรู้รอดว่านึกยังไงมาจ้างฉัน ระดับคุณเพนนีเขาต้องรู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้ฉันกำลังโดนแหกยับเยินขนาดไหน”
“แล้วทำไมไม่ถาม...แทนที่จะมานั่งสงสัยนะ เตรียมตัวไปถ่ายงานพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอ เราไม่เคยรับงานร้านหมูกระทะเลยนะเว้ย คืนนี้ดูลาดเลากันก่อนดีไหม” ประภาดาว่า
“ถ้าพวกพี่จะไปก็ไปกันนะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก...ไม่ชอบสภาพหลบ ๆ ซ่อน ๆ” หญิงสาวทำหน้าหงอย พลางถอนหายใจเมื่อนึกถึงสภาพในสังคมของตัวเองตอนนี้
ถึงหล่อนจะไม่ได้เป็นดาราดัง มีหน้ามีตาประดับวงการบันเทิง แต่ด้วยในปัจจุบันการสื่อสารได้พัฒนาอย่างทั่วถึง มีอินเทอร์เน็ตเข้ามา ผู้คนก็เข้าถึงกันมากขึ้น กลายเป็นยุคที่ใครก็สามารถโดดเด่นขึ้นมาได้หากมีความสามารถ หรือมีจุดน่าสนใจ
หล่อนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...เพราะมันนำมาซึ่งอาชีพและเงิน ปัจจัยจำเป็นที่สุดในการใช้ชีวิต
“แล้วแกจะทำงานให้เขาได้ยังไง วันถ่ายทำจริง ๆ ก็ต้องออกกล้องถูกไหม ต้องโพสต์ลงในช่องยูทูบของแก ช่องทางอื่น ๆ ของแก คนเขาก็รู้อยู่ดี” การะเกดบ่นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“ขอเวลาทำใจสักวันก่อนออกศึกไม่ได้เหรอพี่ เราก็ไปดูลาดเลาที่ร้านมาหลายรอบแล้วนะ ถึงจะเป็นช่วงที่ลูกค้ายังมาไม่ค่อยมาก แต่ก็พอรู้แล้วว่างานเป็นลักษณะแบบไหน พวกพี่ไปดูบรรยากาศกันก็ได้นะ คืนนี้ฉันจะทบทวนเรื่องคอนเทนต์อีกรอบ” “ตามใจ ๆ แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้” พรชัยจิกตามองพลางแบะปากน้อย ๆ
“ได้เจ้...ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ไม่เปิดมือถือดูนั่นนี่ก็จบแล้ว” หล่อนยิ้ม กวาดตามองทุกคนที่บ้างก็ส่ายหน้า บ้างก็พยักหน้าอือออด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน
จากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงโสรยาเจ้าของห้อง...
ที่นี่เป็นศูนย์รวมของกลุ่ม เป็นที่นัดพบกัน หลายครั้งทุกคนก็กินนอนทำกิจกรรมทุกอย่าง ประหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับหล่อน
แต่จริง ๆ แล้วเพื่อน ๆ ต่างก็มีห้องพัก มีบ้านเป็นของตัวเอง และเหตุที่ทุกคนต่างมาอยู่กับหล่อนติดต่อกันเป็นเวลานับเดือนในช่วงนี้ก็เพราะไม่อยากปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพัง ท่ามกลางการถูกบุลลี่อย่างรุนแรงทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนการขุดคุ้ยประวัติของหล่อนจะมีโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลย เป็นเพียงกระแสที่เว็บเพจต่าง ๆ เขียนขึ้นเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
แต่หล่อนก็ทำอะไรไม่ได้...นอกจากอยู่เงียบ ๆ และภาวนาให้ความจริงปรากฏในเร็ววัน เพื่อชีวิตอันปกติสุขจะได้หวนคืนมาอีกครั้ง