สองสัปดาห์ผ่านไป...ไหนล่ะคนอุปถัมภ์! ข่าวดียังเงียบเชียบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือข่าวคาวของหล่อนที่ถูกสร้างขึ้นเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ยังคงถูกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา จากที่คาดว่าเดี๋ยวคนก็ลืม คนไทยลืมง่าย มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
“เราจะมานั่งรอนอนรอคนอุปถัมภ์นังคุณโสอยู่อย่างนี้เหรอวะ จะอดตายกันอยู่แล้วนะเว้ย ออกไปไหนมาไหนก็แทบไม่ได้เลย มีแต่คนด่า” ประภาดาบ่นกระปอดกระแปด ขณะนั่งซ่อมชุดของโสรยาอยู่บนพื้น เพราะหน้าที่ของหล่อนคือดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่าง เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นฝ่ายคอสตูมนั่นเอง
“ฉันจะขายรถ พวกพี่คิดว่ายังไง...” หล่อนเปรยขณะนอนเครียดอยู่บนเตียง ดาหวันนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ การะเกดและพรชัยนั่งเล่นดูทีวีอยู่ตรงมุมโซฟา
“บ้าเหรอ...แล้วจะเอาอะไรใช้ รถเก๋ง รถกระบะแกก็ส่งไปให้พ่อให้แม่หมด เหลืออยู่คันเดียวแล้วนะ”
“ก็อาศัยพวกพี่นี่ไปก่อน ดูท่าทางกว่าเรื่องจะเงียบ ชื่อเสียงฉันก็คงป่นปี้ไม่มีใครเขาอยากจ้างงานแล้วละ จะเอาเงินที่ไหนไปผ่อนรถ ไหนจะคอนโด ไหนจะส่งทางบ้านอีก” มือเล็กยกขึ้นก่ายหน้าผาก เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่สมดุลกับรายได้ปัจจุบัน
เมื่อไม่มีงาน...ก็ไม่มีเงิน แต่รายจ่ายไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วยเลย
“เสียดายของนะคะพี่” ดาหวันถอนหายใจ
“ของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้นะดาหวัน ตอนนี้ฉันต้องประคับประคองเงินที่ยังเหลืออยู่เพื่อพวกเราทุกคนจะได้อยู่รอด จนกว่าจะขยับขยายหาทางทำมาหากินกันใหม่”
“ถ้าตัดสินใจดีแล้วก็แล้วแต่นะ พี่น่ะยังไงก็ได้ ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องไปด้วยกันจนสุดฝั่ง” พรชัยละสายตาจากจอทีวีหันมาบอกด้วยรอยยิ้ม การะเกดก็พยักหน้าเห็นด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา หญิงสาวจึงคว้าขึ้นมาดู แล้วส่งให้ดาหวัน ด้วยไม่อยากติดต่อกับใครตอนนี้
“ไม่รู้พวกนักข่าว...หรือเจ้าของแบรนด์ไหนโทร. มาด่าอีกนั่นแหละ คุยให้หน่อยก็แล้วกัน ฉันไม่อยากตัดสาย เดี๋ยวยิ่งเกลียดฉันแล้วเอาไปเขียนมั่ว ๆ กันอีก”
“ให้คุณแม่คุยดีกว่าค่ะ หวัน...ไม่รู้จะคุยยังไง” ดาหวันว่า รับสมาร์ตโฟนจากมือโสรยา แล้วรีบลุกวิ่งเอาไปให้พรชัย ซึ่งเจ้าตัวเรียกว่าคุณแม่ ที่ไม่ได้หมายถึงแม่แท้ ๆ แต่เป็นคำเรียกกันในหมู่เพื่อน ประมาณตัวแม่ ตัวทอป ยิ่งในหมู่กะเทย หากใครเป็นผู้อาวุโส หรือตัวเด่น ก็มักจะเรียกแทนด้วยคำนี้
“ค่ะ...แพทชี่พูด ตอนนี้คุณโส เอ่อ...น้องฮอลล์หลับอยู่ค่ะ ไม่ทราบจากไหนคะเนี่ย” พรชัยกดรับสายแล้วเริ่มคุย ไม่มีใครใคร่สนใจนัก
เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็มีสายโทร.เข้าหาทุกคน ทั้งด่า ทั้งยกเลิกงาน ทั้งบ่น หรือกระทั่งติดต่อเพื่อขอข่าว ให้ไปออกรายการเปิดใจต่าง ๆ ก็มี
“ติด...ติดต่องานเหรอคะ จะจ้างน้องฮอลล์!” เสียงของพรชัยไม่ได้พูดเบาเลย แต่มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจจนทุกคนหันมองเป็นตาเดียวกัน ละวางภารกิจทุกอย่าง
โสรยาลุกนั่งพรวดด้วยความไม่เชื่อหู “ถ้าไปออกรายการสัมภาษณ์ฉันไม่เอาด้วยนะ ไม่อยากเป็นกระแสขึ้นมาอีก” หล่อนกระซิบ
“ค่ะ...เดี๋ยวยังไงดิฉันคุยกับน้องก่อน แล้วจะโทร. กลับไปแจ้งอีกทีนะคะ” พรชัยทำท่าจุ๊ปากไม่ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นขณะที่กำลังคุยธุระ แต่ก็ลุกจากโซฟาเดินเข้ามาในโซนห้องนอน ซึ่งทุกคนก็ยังจ้องมองด้วยอาการทั้งลุ้นทั้งสงสัย “ได้ค่ะ...สวัสดีค่ะ” เจ้าหล่อนกดปิดสาย แล้วหย่อนร่างถึกนั่งลงบนเตียงอย่างมีจริต
“สีหน้าเจ้ดูมีความหวังนะ...” ประภาดารีบไปนั่งข้าง ๆ
“งานใหญ่...แกไม่อดตายแล้วอีคุณโส”
“จริงเหรอพี่ งานอะไร เขาจ้างรีวิวสินค้าเหรอ” หญิงสาวกระเถิบเข้าหาพรชัย สีหน้าที่เคยสิ้นหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเริ่มเปล่งประกายด้วยรอยยิ้ม
“ก็...ใช่ แต่ไม่ใช่รีวิวอย่างเดียวนะ เขาให้ไปประจำที่ร้านเขาสามเดือน ช่วยเอ็นเตอร์เทนลูกค้าด้วย”
“หือ!” ทุกคนร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเมื่อก่อนก็รับงานประเภทนี้อยู่บ่อย ๆ แต่แปลกที่มีใครกล้าใจป้ำให้โอกาสหล่อน ทั้งที่รู้ว่าอาจมีโอกาสสูงที่สินค้านั้นจะถูกแบนจากสังคมไปเลย
“สินค้าแบรนด์ใหม่เหรอพี่...” โสรยารีบถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนรุ่นพี่กะเทยถึกยังไม่ยอมเปรยออกมาเสียที
“ก็...ไม่เชิง”
“อ้าว! มันยังไงรีบบอกมาสิคะแม่ ลุ้นกันไข่หดตดหายหมดแล้วค่ะเนี่ย”
“นังหวัน...เว้นฉันไว้สักคนเถอะ ฉันไม่มี...” หญิงสาวหนึ่งเดียวเว้นประโยคระคายปากเอาไว้ แต่สื่อสารด้วยสายตาที่เหลือบจ้องไปยังจุดตรงนั้นแทนคำพูด
“พอ ๆ มา...มาฟังกันว่าจะเอายังไง จริง ๆ มันไม่ใช่รีวิวสินค้าหรอก แต่เป็นรีวิวร้านปิ้งย่าง”
“หมูกระทะ!” ดาหวันอุทานขึ้น ตาลุกวาว แล้วเอามืออุดปากทันที
“บ้าเหรอ...ฉันไม่รับหรอก ต่อให้ตกต่ำขนาดไหนแต่จะให้ไปทำงานร้านหมูกระทะ ฉันไม่เอาด้วยนะพี่”
“โว้ย! ฟังกันก่อนสิวะ ร้านปิ้งย่าง ปิ้ง ย่าง ไม่ใช่ร้านหมูกระทะธรรมดาหัวละเก้าสิบเก้าบาทเข้าใจไหม”
“แล้วร้านนี้เขาคิดรายหัวเท่าไหร่คะเจ้...ว้าย!” การะเกดถามขึ้น แต่ก็โดนตีไปฉาดใหญ่ฐานเล่นไม่รู้เวล่ำเวลา
“งั้นเอาประเด็นค่าตัวก่อน เผื่อจะช่วยให้พวกแกตั้งใจฟังกันมากขึ้น” พรชัยเหลือบมองคนนั้นคนนี้ทีพลางถอนหายใจ
“ว่ามา...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันจะให้ฉันกี่บาท หน็อย! เห็นตกอับหน่อยก็นึกว่าจะรับงานมั่ว ๆ เหรอ”
“สามเดือน ห้าแสน...”
“รับค่ะพี่...โทร. ไปบอกเขาเลยว่าฉันทำ ให้ทำอะไรทำหมดเลย” โสรยายิ้มแฉ่ง ตาเป็นประกายระยิบระยับ ไม่ได้สนใจบรรดาเพื่อนในแก๊ง ที่เบิกตามองหล่อนท่ามกลางความเงียบอย่างงง ๆ
“แกนี่มันไม่ง่าย แต่พอจ่ายก็ไม่ยากเลยนะอีคุณโส ฟังข้อเสนอก่อนไหมหล่อน”
“ก็ว่ามาสิคะคุณแม่” เจ้าตัวรีบคะยั้นคะยอ
“หลัก ๆ เลยก็ต้องสร้างคอนเทนต์ถ่ายรีวิวให้เขา แชร์ลงในช่องทางออนไลน์ทุกสัปดาห์ ไปช่วยเขาเอ็นเตอร์เทนลูกค้าที่ร้าน สัปดาห์ละสามวัน วันศุกร์ วันเสาร์ ถ้าแกจะทำวันอื่นด้วยเขาให้เพิ่มวันละสองหมื่น ยกเว้นวันอาทิตย์ร้านเขาหยุด ทำยังไงก็ได้ให้เป็นที่สนใจในสังคมมากที่สุด ดึงดูดลูกค้าให้เขาได้มากที่สุด”
“โห! ให้นอกวันละสองหมื่นด้วยเหรอ เดือนหนึ่งมีสามสิบวัน ตัดออกอาทิตย์ละสองวันบวกวันหยุดก็...เหลือสิบสองวัน เอาสามสิบลบกับสิบสองเท่ากับ...”
“โอ๊ยอีงก! ต้องศึกสงศึกษาสถานที่ ประวัติของร้าน สัญญาว่าด้วยอะไรบ้างก่อนไหม” การะเกดจิกตามองจนหญิงสาวเก็บมือที่กำลังกางนิ้วนับในฉับพลัน
“แหม...ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะพี่”
“เขานัดไปคุยพรุ่งนี้เลย ไปที่ร้านเขา...จะได้รู้กันว่ามีข้อตกลงอะไรบ้าง” พรชัยแทรกขึ้น เหมือนจะตัดความรำคาญที่ต่างคนต่างต่อปากต่อคำกันไม่หยุด
เมื่อตกลงว่าโสรยาสนใจจะรับงานดังกล่าว ทั้งหมดจึงวางแผนคร่าว ๆ เกี่ยวกับการทำงานในครั้งนี้ แต่จะให้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างก็ต้องรอคอนเซ็ปต์จากผู้ว่าจ้างก่อนว่า อยากให้ผลงานออกมาในรูปแบบไหน