“แค่ก ๆ ๆ” จางหนิงเอ๋อพยายามไอขับสิ่งที่ติดค้างอยู่ในลำคอของตนออกมา
“พระสนมเพคะ พระสนม” เสียงนางกำนัลร่างท้วมร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นพระสนมของตนส่งเสียงไอออกมา
“น้ำ ขอน้ำให้ฉันหน่อย” จางหนิงเอ๋อเอ่ยขอน้ำด้วยความยากลำบาก แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับกลายเป็นภาษาจีนโบราณที่เธอเคยได้ยินมาจากหนังจีนย้อนยุคทางละครทีวีไปเสียนี่
“น้ำมาแล้วเพคะพระสนม” นางกำนัลร่างท้วมถือถ้วยชาใบเล็กมาจ่อที่ริมฝีปากของจางหนิงเอ๋อหรือก็คือไป๋หนิงอ้ายในตอนนี้นั่นเอง
จางหนิงเอ๋อดื่มน้ำเสียงดังอึก ๆ เข้าไปตั้งหลายอึก และเอ่ยขึ้นมาว่า
“ขอน้ำให้ฉันอีกหน่อยสักสองแก้ว ด่วน!! ฉันคอแห้งหิวน้ำจนจะตายอยู่แล้ว”
“เพคะ พระสนม” นางกำนัลกล่าวรับคำสั่ง และรีบไปนำน้ำชามาให้อีกหนึ่งกาน้ำ เมื่อดื่มน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว จางหนิงเอ๋อจึงรู้สึกหายใจโล่งขึ้น คอก็ชุ่มชื้นขึ้น นัยน์ตาหงส์จึงสำรวจบริเวณที่ตนอยู่ไปรอบ ๆ
“ฉากก็คุ้น ๆ แฮะ ห้องนี้ทำไมมันมืดขนาดนี้ ฝุ่นก็เยอะ จนจะหายใจไม่ออก เตียงไม้นี่ก็จะหักไม่หักแหล่ แล้วนี่ผ้าห่มหรือเศษผ้าขี้ริ้วกันแน่นะ”
จางหนิงเอ๋อครุ่นคิดในใจ
“ฮือ ๆ ๆๆ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกรอบจากตรงมุมห้อง
“เธอ ๆ เธอจะไปนั่งร้องไห้ทำไมตรงมุมห้องนั้นน่ะ แล้วนี่มัน รพ.ไหนกันทำไมมันถึงได้มืดและฝุ่นเยอะขนาดนี้ เธอช่วยเปิดไฟในห้องให้หน่อยได้ไหม?” จางหนิงเอ๋อกล่าวขอร้องหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงมุมมืด
แสงไฟดวงเล็ก ๆ ในตะเกียงจึงถูกจุดขึ้นพร้อมกับนำมาตั้งไว้บนโต๊ะกลางห้อง ทำให้จางหนิงเอ๋อมองเห็นสภาพห้องชัดเจนขึ้น และมองเห็นหญิงที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงมุมห้องได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
“เสี่ยวซี” เสียงหวานร้องขึ้นอย่างเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วทำไมแกถึงได้แต่งตัวแปลก ๆ ในชุดจีนโบราณนี่?” จางหนิงเอ๋อเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ
“พระสนมทรงตรัสอันใดถึงใครกันหรือเพคะ? หม่อมฉันคือเสี่ยวขุย
นางกำนัลรับใช้ของพระสนมอย่างไรกันเล่าเพคะ นี่ทรงจำหม่อมฉันไม่ได้แล้วหรือเพคะ คำพูดของพระสนมก็ดูแปลกไปไม่เหมือนเดิม หรือว่ายาพิษในอาหารนั่นจะส่งผลให้พระสนมความจำเลอะเลือน?” เสี่ยวขุยพูดขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย
“ฮือ ๆ ๆ ๆ” เสียงนางกำนัลร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมาอีกระลอกหนึ่งอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ด้วยความสงสารในชะตากรรมที่พระสนมของตนต้องประสบพบเจออยู่
“เอาละ ๆ เธออย่าร้องไห้เลยนะ เสี่ยวขุยก็เสี่ยวขุยสิ ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เธอต้องเป็นเสี่ยวซีเสียหน่อย ดูสิร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้ว มีอะไรทุกข์ใจเล่าให้ฉันฟังได้เลยนะ”จางหนิงเอ๋อพยายามเอ่ยปลอบโยนนางกำนัลตรงหน้า
“พระสนมทรงถูกลอบวางยาพิษเพคะ” เสี่ยวขุยเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับมีน้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า
“คำก็พระสนม สองคำก็พระสนม! เสี่ยวซี เอ๊ยยย! เสี่ยวขุย ขอกระจกให้ฉันที” จางหนิงเอ๋อพูดพร้อมกับแบมือออกไปข้างหน้า
“รอหม่อมฉันสักครู่นะเพคะ” เสี่ยวขุยพูดพร้อมกับลงมือค้นหากระจกในหีบไม้ใบเล็กตรงใต้เตียงนอนไม้ในห้อง
“นี่เพคะ” เสี่ยวขุยพูดพลางหยิบกระจกทองเหลืองอันเล็ก ๆ ที่มีลายดอกกุหลาบล้อมรอบขอบกระจกส่งให้กับพระสนมของตน
จางหนิงเอ๋อยื่นมือเรียวบางออกไปรับกระจกพร้อมกับกล่าวว่า “เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ ฉันขออยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก ถ้ามีอะไรแล้วฉันจะเรียกหานะ”
“เพคะ” นางกำนัลรับคำอย่างว่าง่าย พร้อมกับเดินออกมานั่งข้างหน้าตำหนักเย็น โดยไม่ลืมปิดประตูกันลมไม่ให้เข้าไปในตำหนักที่พระสนมของตนพักอยู่
จางหนิงเอ๋อ พยายามควบคุมมือไม้ของตนเอาไว้ไม่ให้สั่น พลางค่อยๆ ยกกระจกขึ้นมาส่องดูใบหน้าของตนอย่างช้า ๆ
“น่ะ น่ะ นี่มัน!! ปีศาจจิ้งจอก ปีศาจจิ้งจอกชัด ๆ!! คนที่ไหนจะสวยหยาดฟ้ามาดินได้ถึงเพียงนี้” จางหนิงเอ๋อเพ่งพินิจใบหน้าเล็ก ๆ นั่นด้วยความฉงน
“นี่มันไม่ใช่หน้าตาของฉันนี่นา นี่มัน!! ไป๋หนิงอ้ายนางสนมผู้ถูกลืมจนถูกนำมาขังไว้ที่ตำหนักเย็นไม่ใช่หรือยังไงกัน ในทีวีที่ฉันดูผ่าน ๆ ตาไม่เห็นจะสวยเย้ายวนใจอะไรขนาดนี้เลย พอมาเจอตัวจริงนี่นางช่างงดงามราวกับนางปีศาจจิ้งจอกชัด ๆ” จางหนิงเอ๋อ พึมพำกับตัวเองเสียงเบา พลางเอามือลูบไล้ใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋หนิงอ้ายอย่างใช้ความคิดและหยิกตัวเองเข้าที่แขนแรงๆ หนึ่งครั้ง
“โอ๊ยยย!!เจ็บจังเลย เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง นี่ฉันตายไปแล้วเหรอไงกันเนี่ย!! มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันตายไปแล้ว แล้วมาอาศัยอยู่ในร่างของนางสนมผู้ถูกลืมไป๋หนิงอ้ายนี่นะ ยากที่จะเชื่อจริง ๆ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้วสินะ”
จางหนิงเอ๋อพึมพำกับตัวเองเสียงเบาด้วยความประหลาดใจ
“เอาละไป๋หนิงอ้าย ในเมื่อฉัน จางหนิงเอ๋อ บรรณารักษ์แสนสวย และสายลับที่น่ารักที่สุดในปักกิ่งได้มาอาศัยอยู่ในร่างของเธอแล้ว ฉันสัญญาว่าจะทะนุถนอมร่างกายของเธอให้ดี และจะใช้ชีวิตแทนเธอให้มีความสุขในวังหลังแห่งนี้นะ”