“ณิชา” เสียงที่คุ้นเคยที่ได้ยินตลอดปีกว่าที่ผ่านมา เหนือสมุทรทรุดตัวลงนั่งข้างณิชา “ทำไมถึงไม่ทำข้อสอบ”
“คนที่ชื่อภีมะ เป็นยังไงกัน” เหนือสมุทรแย้มยิ้มน้อยๆ “บอกตามความจริงคือหน้าตาเขาเป็นแบบไหนฉันก็ไม่รู้หรอก ส่วนเสียงของเขาฉันก็ได้ยินเพียงไม่กี่ครั้ง ฉันรู้เพียงว่าเขาคือน้องชายของฉัน”
“ณิชาจะจำชื่อนี้ไว้ ณิชาเกลียดเขา เขามันเป็นคนสารเลว”
จุ๊จุ๊ เหนือสมุทรทำเสียงเตือน“อย่าหยาบคายมันไม่เหมาะกับณิชา”
“ถ้าณิชาได้ออกจากที่นี่ ณิชาจะแจ้งความค่ะ”
“กฎหมายของที่นี่ทำอะไรภีมะไม่ได้หรอก”
“ทำไมละคะ” คำถามนี้ไม่มีคำตอบใดๆ “ถ้าณิชาตั้งใจเรียน เมื่อเติบโตขึ้น ในห้องเรียนจะมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองทายาทของตระกูล เหมือนที่ณิชาเองก็มีสิทธิ์ในเรื่องนี้ กระทำผิดเรื่องเดียวเท่านั้นที่จะเอาผิดกับภีมะได้...คือเขาต้องเป็นฆาตกร”
“กฎหมายนี้ไม่คุ้มครองพี่เหนือเหรอคะ”
“ฉันไม่ใช่ทายาท ฉันเป็นแค่ลูกชายและพี่ชายเท่านั้น”
เฮ้ยยยย “ชีวิตแลกชีวิตอย่างงั้นสินะคะ...ถ้างั้นก็ช่างเถอะค่ะ ณิชาให้อภัยสิ่งที่คนที่ชื่อภีมะทำกับณิชา เพราะความชั่วร้ายของเขาก็มีส่วนที่ดีค่ะ”
เหนือสมุทรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ได้รู้จักกับพี่เหนือที่แสนดีไงค่ะ” รอยยิ้มสว่างกระจ่างบนใบหน้าของพวกเขาเผยออกมาทันที
“แบบนี้พี่เหนือก็ไม่ได้รับการรักษาดวงตาสิคะ”
“ไม่ได้รักษาก็ไม่ใช่เหตุผล แต่อาจจะรักษาไม่ได้ก็ได้ ฉันตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด มันเป็นความผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์ คุณแม่ร่างกายไม่แข็งแรงนัก เลยทำให้การมอบชีวิตให้กับภีมะทำให้พวกเราเสียท่านไป” คุณคงต้องเลือกระหว่างแม่กับลูกครับ เสียงของหมอที่เขาเผอิญได้ยินในครั้งนั้น ความลับที่อยู่ในใจของเหนือสมุทร ยี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมาคือคำตอบของประโยคนั้น
เอ่อ “ณิชาเองก็เสียแม่ไปเช่นกัน ณิชาไม่เคยรู้จักแม่ ทำไมผู้หญิงของประเทศเราถึงมีร่างกายไม่แข็งแรงคะ”
“อย่างงั้นเหรอ” ควับ! ณิชาตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็ถูกชายที่ตนหลงรักในวัยฮอร์โมนว้าวุ่นโอบกอดไว้ ณิชาเกร็งนิ่งเพราะเป็นครั้งแรกของเธอ นอกจากพ่อของเธอแล้ว เธอไม่เคยแตะต้องตัวผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย
ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น นี่เป็นการใกล้ชิดมากที่สุดเป็นครั้งแรกระหว่างเขากับเธอ ยามที่ใบหน้าเธอแนบที่แผ่นอกของเขากลิ่นกายเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจและสงบ
“ณิชาไม่เสียใจแล้วค่ะ”
“ฉันรู้ และฉันเองก็เช่นกัน...เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว”
?
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด อื้มมมม ภีมะบิดขี้เกียจ เมื่อถูกรบกวนจากเสียงเรียกของโทรศัพท์ “มีอะไร”
“เกิดอุบัติเหตุที่เกาะครับ”
“ใครเป็นอะไร?” น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันที
“คุณเหนือสมุทรครับ” รัสรีบแจ้งทันที “ตอนนี้ ฮอร์ฯ รอคำสั่งของคุณภีมครับ”
“ตรวจสอบดีแล้วเหรอ”
“ครับ กฤษคือคนของเราครับ” ภีมะนิ่งไป
“ได้ พาออกมาทั้งสองคน”
“พี่เหนือจะปลอดภัยใช่มั้ยคะ”
“เขาต้องผ่าตัดด่วน” ฮือฮือ เสียงร่ำไห้ของณิชาดังก้องกังวาล พวกเธอทำได้เพียงรอ รอความเมตตาเท่านั้น
“มาแล้ว!!!” เสียงตื่นเต้นของกฤษดังแทรกความโศกเศร้า ณิชาหยุดเงียบฟัง จริงด้วยนี่มันเสียงเครื่องยนตร์ของเฮลิคอปเตอร์ ณิชายิ้มทั้งน้ำตา
“พี่เหนือ ได้ยินมั้ย...พี่จะปลอดภัย
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามรถเข็น กึกก้องในหูของเหนือสมุทร เสียงเรียกหาเขาดังไม่ขาด
“พวกคุณเข้าไปไม่ได้ค่ะ” พยาบาลห้ามณิชาไว้ ณิชาเข้าใจถอยออกมาทันที ควับ!ประตูห้องผ่าตัดปิดลง ด้านนอกเหลือเพียงเธอและกฤษ
“คุณณิชา คุณต้องไปแล้ว รีบเถอะครับ” ณิชามองกฤษอย่างไม่เข้าใจ “ผม ผมเป็นคนของคุณชายภีมะ สิ่งเดียวที่ผมจะไถ่โทษให้กับคุณได้คือ คุณต้องรีบไปจากที่นี่ครับ ก่อนที่...”
“เลี้ยงไม่เชื่อง!...” ก่อนที่กฤษจะพูดจบ เสียงของบุคคลที่สามก็ดังขึ้น ณิชาหันหลังทันที เธอยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวนัก แต่คนตรงหน้าเขาคือใครกัน เขา...
ทุกอย่างรอบตัวเธอเงียบสงัด แม้แต่เสียงลมหายใจเธอก็ยังไม่ได้ยิน ทำไมถึงมีแต่เขากับเธอ ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาช่างน่ามองและน่าหลงใหล แต่แววตาของเขามันช่าง...
“คุณชาย” กฤษโน้มตัวลงทันที และเสียงนี้ทำให้ภวังค์ของณิชาหายไป ที่แท้เขาคือผู้ชายที่เธอเกลียดมาตลอดปีกว่า
“พาเธอไปที่รถ” ภีมะสั่งการออกไป
นี่!!! เสียงร้องของณิชาดังทันทีที่รัสเดินเข้าไปยืนตรงหน้า ท่าทางเขาคุกคามไร้ซึ่งมิตรภาพที่ดี
“เชิญคุณไปกับผมครับ”
“ถอยไปนะ ฉันไม่ไป” ภีมะขยับทันที ทุกย่างก้าวของเขาไม่มีลังเล มุ่งตรงมาที่เธอ
“เหนือสมุทรสำคัญต่อเธอมั้ย” เสียงของเขาเป็นแบบนี้เองเหรอ เยือกเย็นไร้ความรู้สึก
“หมายความว่าไง”
“เขาต้องผ่าตัดไม่ใช่เหรอ...ถ้าไม่ได้รับคำยินยอมจากฉัน ทุกอย่างที่อุตส่าห์พยายามกันมาก็จะสูญเปล่า” !! ณิชาเบิกตากว้าง คำพูดของเขาได้ยินเพียงเธอเท่านั้น
“อย่าดื้อ...ไปรอที่รถ” คราวนี้เสียงของเขาดังขึ้นกว่าเดิม ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้ยินทุกคน ณิชาไม่มีทางเลือกทำเพียงเดินไปตามทิศทางที่รัสนำไป
พรึ่บ พรึ่บ นี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอต้องรอเขาอยู่ในรถ แม้เธอจะเป็นห่วงเหนือสมุทร แต่เขาบอกกับเธอแล้วว่าพี่เหนือจะไม่เป็นอะไร แต่นี่นานขนาดนี้มันผิดปกติมากๆ
“นี่! เปิดประตูนะ” ตุบ ตุบ ณิชาเปิดประตูรถไม่ได้เลย แน่นอนว่ามันถูกล็อคจากฝั่งคนขับ ผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่มั้ยนะ เขานั่งนิ่งมาตั้งแต่ยี่สิบนาทีก่อนแล้ว
ณิชามองดวงตาที่สะท้อนอยู่ในกระจกส่องมองหลัง เขา!!! นี่เขากลับมาตั้งนานแล้ว แต่นั่งบื้อแกล้งเธอชัดๆ “นี่! เปิดประตูนะ”
“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วย...ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่ต้องทำตามที่ฉันสั่ง”
“คุณมันสารเลว” โอ้ย!! บรื้นนนน เสียงเครื่องยนตร์ดังกระหึ่มก่อนที่รถจะออกตัวไปอย่างรวดเร็ว “นี่จะบ้าเหรอ อยากตายเหรอไง” ณิชาตกใจกับความเร็วของรถ เธอแทบจะมองสองฟากข้างทางไม่เห็น
“ความตายของฉัน...มันไม่ง่ายขนาดนั้นแน่” เอี๊ยดดดด การเบรกกระทันหันทำให้ตัวณิชากระแทกกับด้านหลังเบาะหน้าอย่างแรง โอ้ย! ณิชาสลบไปทันที มันไม่ใช่เพราะแรงกระแทกแน่ๆ แต่ความเครียดที่ถึงขีดสุดของเธอทำให้ร่างกายเธอเกินรับได้
กุก กัก เสียงรอบข้างรบกวนการหลับของณิชาในที่สุด ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้น แสงสว่างลอดเข้ามาจากหน้าต่างที่ถูกเปิดม่านไว้
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณชาย” ณิชามองตามฝีเท้าของหญิงสาวเจ้าของเสียงที่เดินออกไป อื้ม ณิชาค่อยๆลุกขึ้น เขายืนอยู่ที่หน้าต่าง แผ่นหลังเขาตระหง่านตั้งตรง
“การผ่าตัดประสบความสำเร็จ...ยินดีด้วย” ณิชาเผยรอยยิ้มออกมาในทันที “มีความสุขสินะ” ณิชาไม่ตอบ แต่พยายามจะลงจากเตียง เธอเดินไปที่ประตูทางออกจากห้อง
! เธอไม่มีรหัส ประตูเปิดไม่ออก “อยากไปเหรอ” เขาหันกลับมามองเธอ “คิดเหรอว่าจะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ”
“พี่เหนือบอกว่า กฎหมายเอาผิดคุณไม่ได้”
“ก็ดีที่รู้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอต้องรู้” ภีมะมองไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียง มีแฟ้มเอกสารวางไว้ ณิชาเดินมาหยิบและเปิดอ่านตามสายตาคำสั่งของเขาซึ่งเธอยินดีกับคำสั่งนี้ ดวงตากลมเบิกกว้าง มันคือพินัยกรรม
“ทรัพย์สมบัติของฉันไม่น้อยเลยนะ”
“ใครเขาอยากได้กัน”
“ไม่อยากได้ แต่ก็ได้อยู่ดี” เสียงภีมะเปลี่ยนไป ไร้ซึ่งความเย้ยหยัน “ที่รัก” ณิชามองเขา สาเหตุเพราะเรื่องนี้เองเหรอที่เขาลักพาตัวเธอไปปล่อยเกาะ “ระหว่างทรัพย์สินของฉัน กับชีวิตที่ไร้ประโยชน์ของเธอ อะไรคือสิ่งที่ฉันควรสละ”
“นี่คุณต้องการให้ฉันฆ่าตัวตายอย่างงั้นเหรอ” ภีมะมอบรอยยิ้มเยือกเย็นให้กับเธอ
“คิดว่าทำได้มั้ยละ...ไม่ต้องรีบร้อน เธอยังมีเวลาหาวิธี ออ ฉันจะต้องไม่แปดเปื้อนด้วยนะ เพราะไม่งั้นพี่เหนือที่รักของเธอ...ฉันไม่ต้องพูดออกมาหรอกนะ”