เด็กหญิงผู้แข็งแกร่ง

2528 Words
“อะไรนะคะ! จะให้พิมพ์ไปเรียนต่อเมืองนอก! ดิ..ดิฉัน..ดิฉันไม่ต้องการค่ะ!” สุรีย์อุทานเสียงสูงตัวสั่นแทบจะเป็นตะโกนเมื่อจรัสพงษ์มาหาที่บ้านเพื่อบอกถึงอนาคตของลูกสาวคนเดียวของเธอ “คุณสุรีย์ครับ ผมก็ไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่ผมจำเป็นจริงๆ คุณการินลูกชายคนเดียวของคุณการัณเชื่อว่าเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาเกิดจากคุณสองแม่ลูกเพียงเพราะเขาเจอรูปถ่ายแค่ไม่กี่ใบเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าผมจะอธิบายยังไงว่ามันไม่น่าจะใช่อย่างที่เขาคิดแต่เขาก็ไม่ฟัง ถ้าผมไม่ทำตามที่เขาร้องขอเขาจะตั้งหน้าตั้งตาระรานคุณและลูกจนกว่าคุณจะยืนอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ไม่ได้เลยทีเดียว ชีวิตคุณและเด็กที่จะมีอนาคตต่อไปข้างหน้าจะหาความสุขไม่ได้ ผมอยากช่วยพวกคุณ..แต่ผมห้ามเขาไม่ได้ครับ เขามีทั้งอำนาจและเงินทองที่พ่อของเขาหาไว้ให้ หากผมไม่ทำเขาก็จะหาคนอื่นมาทำแทนผมซึ่งมันจะแย่ยิ่งกว่าผมรับอาสาจัดการเองนะครับ” จรัสพงษ์อธิบายอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด “แต่ดิฉันยืนยันได้นะคะว่าระหว่างคุณการิณกับเราสองแม่ลูกไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนอกจากความเป็นมิตรที่ดีเท่านั้นค่ะ จะให้ดิฉันไปอธิบายกับคุณการินเธอก็ได้นะคะแต่อย่ามาพรากพิมพ์ไปจากดิฉันเลยค่ะ ดิฉันรักแกมาก ดิฉันมีแกคนเดียวค่ะ ฮือ~..” สุรีย์สุดจะอดกลั้นเมื่อคิดว่าจะต้องจากลูกสาวคนเดียวจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “ผมเข้าใจและผมก็ทราบดีครับว่ามันไม่น่าจะเป็นอย่างที่คุณการินคิด แต่ถ้าคุณยิ่งไปให้เขาเห็นหน้านอกจากไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นแล้วมันจะยิ่งทำให้ไฟแค้นในใจเขาคุกรุ่นขึ้นมาอีกคราวนี้จะยิ่งแย่ไปใหญ่นะครับ เพราะเขาอาจจะทำอะไรบ้าๆ ลงไปโดยขาดสติก็ได้ ผมจึงไม่อยากให้เขาพบหน้าคุณทั้งสองอีก และเพราะเหตุที่กลัวว่าเขาจะทำอะไรร้ายแรงผมจึงอาสาจัดการสิ่งที่เขาต้องการให้เรียบร้อยด้วยตัวผมเองซึ่งมันจะดีต่อทั้งสองฝ่าย การินได้แยกคุณแม่ลูกสมใจแต่คุณก็ยังได้อนาคตที่ดีของลูกมาแทนที่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักนะครับ คุณรักลูกแต่คุณต้องจากลูกไปเพื่อให้แกไปมีอนาคตที่ดีมันก็เหมือนคุณส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอกนั่นแหละครับ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยผมรับรองด้วยเกียรติ ลูกสาวคุณจะไปอยู่กับลูกสาวผมที่อังกฤษและเล่าเรียนจนกว่าแกจะจบปริญญาตรี หลังจากนั้นผมจะหาทางพาแกกลับมาหาคุณ” “จริงเหรอคะ...พิมพ์จะไปอยู่กับลูกสาวคุณเหรอคะ? แล้ว..คุณการินจะไม่ว่าอะไรเหรอคะ?” มารดาพิมพ์กานต์สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น อย่างน้อยถ้าไม่สามารถขัดอำนาจของการินได้แต่ลูกสาวของนางจะมีคนดูแลไม่ได้โดดเดี่ยวนางก็ไม่ทุกข์ใจมากนัก “จริงครับ พิมพ์กานต์จะไปอยู่ในอุปการะของครองขวัญลูกสาวผม โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดคุณการินเป็นคนรับผิดชอบ โอ๊ะ! ..ไม่ต้องสงสัยหรอกครับเขาไม่ได้ยินยอมแบบนี้หรอก ผมหาวิธีของผมเองถึงออกมารูปนี้” จรัสพงษ์รีบดักคอสุรีย์เมื่อเห็นเธอทำท่าจะทักถามเรื่องค่าใช้จ่ายที่การินต้องรับผิดชอบสำหรับลูกสาวเธอ “งั้นเหรอคะ.. ถ้าพิมพ์ไปอยู่กับลูกสาวคุณดิฉันก็เบาใจลงไปมากค่ะแต่ถึงยังไงก็ไม่อยากให้แกไปจากอกอยู่ดีค่ะ เรามีกันสองคนแม่ลูก ถ้าหากลูกไม่อยู่แล้วดิฉันคงเหงามากๆ คงคิดถึงแกมากๆ ไม่มีทางที่จะอธิบายให้คุณการินเข้าใจเลยเหรอคะ?” สุรีย์พยายามหาหนทางที่ลูกจะไม่ต้องจากไป จรัสพงษ์ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้เธอ “คุณการินไม่รับฟังสิ่งใดหรอกครับเวลานี้ ผมพยายามแล้วทุกทางเพื่อจะได้ไม่ต้องทำเรื่องนี้แต่ก็จนปัญญา ผมจึงเลือกทางที่จะดีกับทุกๆ ฝ่าย เลือกทางที่เราจะไม่ต้องทำร้ายกันและไม่มีบาปต่อกันก็คือทางนี้ทางเดียวละครับ” “ถ้าดิฉันปล่อยให้แกไป...ดิฉันจะได้เจอแกอีกเมื่อไหร่คะ?” สุรีย์ถามเสียงแห้งแล้งสิ้นหวัง “คงอีกนานครับผมตอบตรงๆ คุณรินจะกลับมาเมืองไทยทุกปีและคงจะต้องมาดูคุณสองแม่ลูกทุกๆ ครั้งที่กลับมา ถ้าครั้งใดเค้าเจอว่าพวกคุณยังอยู่ด้วยกันผมเกรงว่าเค้าจะอาละวาดเคืองแค้นคุณสองคนมากขึ้นไปอีกและอาจจะทำการอะไรเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม ผมจึงคิดว่าจะให้หนูพิมพ์อยู่กับขวัญจนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อย และถ้าหากหนูพิมพ์ยังประสงค์จะเรียนต่อปริญญาโทก็สามารถเรียนต่อได้ด้วยอันนี้ก็แล้วแต่เธอครับ แต่ระหว่างที่หนูพิมพ์ไปเรียนต่อผมจะส่งข่าวของเธอให้คุณทราบตลอดเวลาคุณไม่ต้องห่วงครับ สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกลสามารถคุยออนไลน์เห็นหน้าเห็นตากันได้ โลกกว้างใหญ่จะแคบลงจนคุณนึกว่าเธอไม่ได้จากไปไหนเลยทีเดียวครับ คุณสามารถอบรมสั่งสอนลูก ดูแลลูก ดูพัฒนาการของลูก ซักถามพูดคุยสารทุกข์สุขดิบได้เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่คุณคิดถึงเธอเท่านั้น” “แต่..ดิฉัน..เอ่อ..ใช้อะไรแบบที่คุณว่านั่น..ไม่เป็นเลยค่ะ” สุรีย์อ้อมแอ้มตอบทนายใหญ่ไปแบบอายๆ ด้วยเพราะตัวเองไม่เคยมีอุปกรณ์อะไรอย่างว่ามาก่อนเลยในชีวิต “ไม่เป็นไร ทุกอย่างผมจะจัดหาและสอนคุณให้เอง คุณจะได้คุยกับลูกได้สะดวก” ทนายหนุ่มใหญ่ตอบยิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนหน้าแดงของสุรีย์ “ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณว่าจริงๆ ดิฉันก็พอจะทำใจได้ค่ะ เพราะถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วจะต้องเดือดเนื้อร้อนใจเพราะความเข้าใจผิดของคุณการิน..ดิฉันก็ยินดีให้พิมพ์ไปเรียนต่อค่ะ ถึงแม้ว่าดิฉันจะต้องเสียใจมากเพราะคงจะไม่ได้พบไม่ได้กอดลูกอีกนาน” น้ำตาแม่คลอเบ้าอีกแล้วเมื่อคิดถึงว่าลูกกำลังจะจากไป “เวลามันผ่านไปเร็วจะตายครับ หนูพิมพ์ไปเรียนไม่ทันไรคุณก็จะพบว่ายังไม่ทันหายคิดถึงเธอก็กลับมาแล้ว ผมจะพาเธอกลับมาแน่นอนครับ..ผมสัญญา” จรัสพงษ์เอื้อมมือไปบีบมือสุรีย์แนบแน่นให้คำมั่นสัญญา “ค่ะ..ดิฉันเชื่อคุณ แล้วคุณจะพาพิมพ์ไปเมื่อไหร่คะ?” สุรีย์มั่นใจในคำสัญญาหนักแน่นของทนายหนุ่มใหญ่ทำให้บรรเทาความตกใจและเสียอกเสียใจลงไปได้ “ไม่เกินอาทิตย์หน้าครับ ผมให้คนไปจัดการเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับหนูพิมพ์ไว้แล้ว เหลือเพียงเอกสารที่ต้องขอที่คุณและพาเธอไปถ่ายรูปเท่านั้น” “อาทิตย์หน้า! ..เร็วเหลือเกิน! ..” สุรีย์อุทานยกมือทาบอก แม้จะทำใจแล้วแต่ได้ยินก็ยังใจหาย “ไม่เป็นไรนะครับ..เชื่อผม ถ้าหนูพิมพ์ไปถึงแล้วผมจะให้คุณคุยกับหนูพิมพ์ทันที และถ้าหากคุณมีอะไรต้องการปรึกษาผมโทรหาผมได้ตลอดนะครับไม่ต้องเกรงใจ นี่นามบัตรผมครับ” จรัสพงษ์ยื่นการ์ดนามบัตรส่งให้สุรีย์ “ค่ะ..” นางรับนามบัตรมาถือน้ำตายังคลอเบ้าเมื่อคิดว่าลูกสาวจะต้องจากไปไกลอีกนานกว่าจะได้พบกันอีก “ทำใจให้สบายครับ ผมรับประกันว่าหนูพิมพ์จะอยู่อย่างสุขสบายและมีอนาคตที่ดีแน่นอนครับ” ทนายหนุ่มใหญ่บีบต้นแขนให้กำลังใจมารดาพิมพ์กานต์เบาๆ “ดิฉันจะพยายามค่ะ ถ้าพิมพ์ไปแล้วรบกวนคุณนำอุปกรณ์สำหรับคุยกับพิมพ์มาให้ดิฉันเลยจะได้มั้ยคะ?” คุณแม่ผู้สมถะมาตลอดชีวิตไม่อยากได้ใคร่ดีอะไรกับใครเขาถึงกับเร่งรัดร้องขอสิ่งที่จะทำให้ติดต่อกับลูกสาวได้แบบเต็มปากเต็มคำ ด้วยเกรงว่าลูกสาวจะห่างหายจากเธอไปหน้าก็จะไม่ได้เห็นเสียงก็จะไม่ได้ยิน ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงจะทุรนทุรายตายแน่ๆ “ได้แน่นอนครับ ผมเสร็จเรื่องหนูพิมพ์แล้วจะรีบเอาอุปกรณ์ต่างๆ มาให้พร้อมกับสอนคุณด้วยตัวเองเลยทีเดียวครับ” จรัสพงษ์รับปากยิ้มๆ นึกเอ็นดูความซื่อของคุณแม่ยังสวยวัย 40 คนนี้ขึ้นมาเฉยๆ “ขอบคุณมากค่ะ แล้วนี่..คุณจะมารับพิมพ์ไปจัดการธุระต่างๆ ด้วยตัวเองรึเปล่าคะ ถ้าให้คนอื่นมาดิฉัน..เอ่อ..ไม่อยากให้พิมพ์ไปกับคนแปลกหน้าค่ะ ขอโทษที่เรื่องมากนะคะแต่ดิฉันไม่เคยปล่อยให้พิมพ์ไปไหนมาไหนคนเดียวเลยค่ะนอกจากไปโรงเรียน” “โอ๊ะ! ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะพาหนูพิมพ์ไปดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเองเลยครับ คุณเองก็ต้องไปด้วยครับเพราะมีเอกสารที่คุณต้องเซ็นด้วย พรุ่งนี้ผมจะมารับทั้งคู่นะครับ แล้วเอ่อ..กับหนูพิมพ์นี่คุณจะอธิบายให้เธอเข้าใจได้มั้ยครับ ถ้าคุณไม่สะดวกผมยินดีที่จะอธิบายให้เธอฟังเองนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ พิมพ์เป็นเด็กฉลาดและมีเหตุผล ดิฉันเชื่อว่าจะอธิบายให้แกเข้าใจได้ แกเป็นเด็กเข้มแข็งค่ะ..เข้มแข็งกว่าดิฉันมาก ฉลาด เรียนเก่ง น่ารัก.. ดิฉันคงคิดถึงแกมากๆ เลยค่ะ” สุรีย์น้ำตาคลอเบ้าอีกแล้ว “เธอจะกลับมาพร้อมกับความสำเร็จในชีวิตครับ ผมสัญญา” “ดิฉันก็หวังเช่นนั้นค่ะ..” สุรีย์ทอดถอนใจกับชะตาชีวิตที่พระเจ้าเล่นตลกสร้างบททดสอบบทใหม่ให้กับเธอ สามีจากไปเธอแทบจะตายตาม ตอนนี้...กลายเป็นลูกสาวที่รักสุดหัวใจต้องออกจากอ้อมอกที่มีกันสองคนแม่ลูกไปไกลแสนไกลจนเธอไม่สามารถตามไปได้ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามเข้าใจก็ตามที เธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าต่อจากนี้ล่ะ..เธอจะอยู่คนเดียวโดยไม่มีพิมพ์กานต์ได้อย่างไร? ตลอดสัปดาห์จรัสพงษ์วิ่งวุ่นกับการดำเนินการส่งเด็กหญิงพิมพ์กานต์ไปอังกฤษ เธอรับฟังเรื่องราวจากมารดาอย่างสงบจนจบ เธอไม่พูดอะไรได้แต่โผเข้ากอดแม่แนบแน่น..สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ทั้งคืน พิมพ์กานต์เป็นเด็กเข้มแข็งมากเธอยอมรับชะตากรรมโดยไม่ปริปากงอแงหรือโวยวายใดๆ เหมือนเด็กคนอื่นๆ เธอเข้าใจเป็นอย่างดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขัดขืนได้ หากเธอไม่ยินยอมมารดาของเธอจะต้องเป็นคนเดือดร้อนแสนสาหัสแน่นอน เธอยินดีทำเพื่อแม่ เธอจะพลิกวิกฤตินี้เป็นโอกาส เธอจะกอบโกยความรู้ที่คุณลุงจรัสพงษ์กรุณาเปลี่ยนชะตากรรมมอบให้เธอเพื่อกลับมาทดแทนคุณมารดาในอนาคตข้างหน้าให้จงได้ “พิมพ์.. แม่จะรอหนูนะลูก หนูตั้งใจเรียนนะลูกนะ” สุรีย์ลูบหลังลูบไหล่ลูกสาวคนเดียวที่กำลังจะเดินเข้าไปในเกทของสนามบินอย่างอาลัยอาวรณ์สุดหัวใจ อีกไม่กี่ชม.ข้างหน้านี้ลูกสาวที่น่ารักของนางจะต้องจากอ้อมอกไปไกลแสนไกลไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา “ค่ะแม่...พิมพ์จะรีบเรียนให้จบ พิมพ์จะรีบกลับมาหาแม่ค่ะ พิมพ์สัญญาว่าพิมพ์จะขยันเรียน พิมพ์จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่ขวัญ แม่รอพิมพ์นะคะ สัญญานะคะว่าแม่จะดูแลตัวเองทานอาหารดีๆ พักผ่อนเยอะๆ นะคะ” พิมพ์กานต์วัย12ปีดูเข้มแข็งเกินวัย เธอน้ำตาไหลพรากแต่ก็ยังปลอบใจมารดา “แน่นอนจ๊ะ...แม่จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แม่จะรอพิมพ์กลับมาไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ” สุรีย์น้ำตาไหลอาบแก้ม นางรู้สึกเหมือนใจจะขาดเลยทีเดียว “ลุงขอเอาเกียรติเป็นประกันเลยหนูพิมพ์ว่าลุงจะดูแลแม่หนูอย่างดีหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ ส่วนคุณสุรีย์..ผมก็ขอยืนยันว่าครองขวัญจะดูแลหนูพิมพ์อย่างดีที่สุดเช่นเดียวกันครับ” จรัสพงษ์ที่เตรียมเดินทางไปพร้อมพิมพ์กานต์เพื่อส่งเด็กหญิงให้ถึงมือครองขวัญด้วยตัวเองรับปากรับคำหนักแน่น “ขอบคุณค่ะ..” สุรีย์สะอึกสะอื้นพยักหน้าเปล่งเสียงขอบคุณอย่างยากเย็น “ผมกับหนูพิมพ์ต้องเข้าไปแล้วครับ ขากลับผมจะให้คนขับรถเรียกรถแท็กซี่ไปส่งคุณที่บ้าน เพราะวันนี้ผมโกหกคุณรินว่าผมจะพาหนูพิมพ์ไปส่งให้ครอบครัวผู้อุปการะที่ประเทศแถบอาหรับและได้ขออนุญาตให้คุณมาส่งลูกสาวได้เป็นครั้งสุดท้าย เขาคงเฝ้าดูคุณอยู่เมื่อคุณกลับบ้าน ถ้าเห็นคนขับรถผมไปส่งคุณอาจจะเกิดจุดชนวนเดือดดาลขึ้นมาอีก ดีว่าคุณรินไปเฝ้าคุณดาที่รพ.ทุกวันเลยไม่ซักไซร้เรื่องราวของหนูพิมพ์มากนักคงกำลังเครียดเรื่องแม่เห็นคุยกับคุณหมอทุกวัน” “ได้ค่ะ ไม่เป็นไรไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ ดิฉันกลับเองได้” สุรีย์ไม่สนใจอะไรยังคงจับจ้องมองแต่ใบหน้าลูกสาว “ต้องไปแล้วครับ...ผมไปถึงแล้วจะโทรมาบอกคุณนะครับ ระหว่างทางกลับคนขับรถของผมจะขับตามคุณไปจนถึงบ้านคุณไม่ต้องกังวลนะครับ แล้วผมจะรีบส่งข่าวมาทันที” จรัสพงษ์บีบมือสุรีย์แนบแน่น “แม่...พิมพ์ไปนะคะ.. แม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” พิมพ์กานต์โผเข้ากอดร่ำลามารดาหยาดน้ำใสๆ กลบดวงตาคู่งามจนตาพร่าเลือน “พิมพ์! ..พิมพ์! ..พิมพ์! ...โฮ! ~~” สุรีย์ร้องไห้โฮกอดลูกสาวแน่นไม่ยอมปล่อย จรัสพงษ์น้ำตาซึมแต่ต้องปลอบใจให้นางคลายอ้อมกอดพาพิมพ์กานต์เดินเข้าเกทไป เด็กหญิงหันมาโบกมือลามารดาด้วยน้ำตานองหน้า สุรีย์โศกเศร้าแทบขาดใจ รู้สึกเช่นนี้เองสินะยามต้องพลัดพรากจากคนที่รัก....มันเจ็บปวดเหลือเกิน ความรู้สึกแบบนี้สินะที่คุณการินได้ประสบ หากแต่เขาไม่เพียงแค่พลัดพราก..พวกเขาไม่อาจพบกันได้อีกตลอดกาล มันคงเจ็บปวดเหลือคณานับทีเดียว น้ำตาแม่ที่ไหลริน...กลับทำให้เข้าใจผู้ที่สุญเสียยิ่งกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD