ฉันสตั๊นอึ้งไปกับคำพูดของนาง ก่อนที่ไอศกรีมของคนมาใหม่จะหยดแหมะลงกับพื้นอีกรอบ อีพี่เซ้นส์หน้าขึ้นสีอย่างอายๆ ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งเจ๊แกใช้เท้าข้างนึงชี้ไปที่หยดไอศกรีมบนพื้น
“เช็ดให้ด้วย”
“เอ่อ เจ๊มายืนฟังนานละเหรอ?” พี่เซ้นส์อึกอัก ตามด้วยฉันที่เงียบเพราะกำลังเงิบ ไม่รู้ว่าเจ๊แกได้ยินไปถึงไหน ฉันด่าอีพี่เซ้นส์ไปหลายประโยคมาก ฉันคงกู้ความดีงามที่จะพรีเซ้นส์ความน้องสะใภ้แสนดีไม่ทันแล้วแน่เลยอ่ะ แง คนมาใหม่ไหวไหล่แล้วยิ้มนิ่งๆ ไม่ตอบก่อนจะหมุนตัวเดินไปเลย ปล่อยให้ฉันกับอีพี่เซ้นส์มีเครื่องหมายปริศนาลอยไปมาอยู่บนหัว
โห อีเจ๊พี่สาวพี่เซ้นส์จะตรงไปไหน เธอไม่มีความอ้อมค้อม แทบจะผ่าหน้าฉันเลย ฉันก็อายเป็นนะ ฉันอยากจะเบะปากแล้วงอแงใส่นางแต่ด้วยความที่ยังไม่สนิท ฉันเลยต้องหน่อมแน้ม คีพลุคเล็กๆ
“เอาไงดีอ่ะพี่เซ้นส์” ฉันหันไปปรึกษาคนตัวสูงที่มือข้างนึงยังคงถูไถคางไอ้เหมียวไม่เลิก
“ก็คงต้องไปซื้ออ่ะ”
“มันแพงมั้ยอ่ะ” ฉันถามพี่เซ้นส์พร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์หน้าแมวขึ้นมาดู
แพนภาพมาดูมหากาพย์ความจนของฉัน กระเป๋าของคนอื่นมีแบงค์ร้อย แบงค์พันอยู่เต็มไปหมด ตัดกลับมาที่...
เศษเหรียญสิบ -_-
เหรียญบาท -_____-
ยันเหรียญสลึง สะพรึงในความจนกรอบของตัวเองมาก ฉันไม่เคยซื้อและไม่รู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ และฉันรู้สึกเกรงใจในความงบน้อยของตัวเองสุดๆ
ก็นะ ฉันไม่ใช่คนบ้านรวย เป็นเด็กหน้าตาสะสวยที่พ่อแม่ให้เงินวันละสองร้อยไปกลับมหาลัย และเอาตรงๆ ตอนนี้ฉันเหลือเงินอยู่สามสิบบาท พอค่ารถกลับบ้านพอดี เงินเก็บก็ไม่มี เพราะแค่ค่าผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวมื้อเช้า มื้อเที่ยงและมื้อเย็นก็ผลาญเงินสองร้อยไปเกินครึ่ง
“ไม่รู้อ่ะ พี่ก็ไม่เคยซื้อ”
“เอาตรงๆ นะพี่” ฉันแหกกระเป๋าตังค์แมวให้อีพี่เซ้นส์ดูพร้อมเบะปากเล็กๆ ด้วยนัยน์ตาน่าสงสารโคตรๆ “หนูมีกับตัวอยู่สามสิบ บัตรเอทีเอ็มมียอดคงเหลือแปดสิบบาทกับอีกสิบสามสตางค์ ซึ่งมันกดออกมาไม่ได้อ่ะ”
“-*-”
“พี่ซื้อให้หนูหน่อยดิ” ฉันโบ้ยไปให้อีพี่เซ้นส์ “มีตังค์ปะเนี่ย?”
“มีดิ” คนตัวสูงถอนหายใจก่อนจะมองหน้าฉันอย่างสงสารและเวทนาไปพร้อมกันๆ
“เออดี ละไหนอ่ะของขวัญวันเกิดหนู”
“ยาคุมฉุกเฉินนี่ไง เดี๋ยวพี่ซื้อละใส่กล่องห่อกระดาษลายหมีให้” อีพี่เซ้นส์พูดเสียงเรียบแล้วลุกยืนขึ้น ในขณะที่ฉันกลอกตามองบนในความงกของนาง ช่างโอหังและหาญกล้ามากที่จะเอายาคุมฉุกเฉินมาเป็นของขวัญให้ฉันเนี่ย!
“หูย พี่เซ้นส์ทุเรศว่ะ อย่ามางกนักได้มั้ยเนี่ย ทีอาหารอีลัคกื้ซื้อทีเป็นร้อยยังได้เลยนะ”
“หนูแหละ โลภ ได้ตัวพี่ไปแล้ว ยังจะเอาเงินพี่อีก”
“ตลกละ” ฉันจิ๊จ๊ะก่อนจะนึกไปถึงฉากเดินเข้าร้านขายยาและมีอีป้ามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับฉันเป็นเด็กใจแตกตอนที่ขอซื้อยาคุม ฉันก็หยุดแล้วตวัดหางตาไปที่หน้าไอ้พี่เซ้นส์
“พี่เซ้นส์ไปซื้อเลยนะ หนูจะรออยู่นี่ หนูเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ไม่สามารถจะวอล์คต่อไปได้”
“ไม่เอา หนูไปกับพี่ดิ พี่เปล่าเปลี่ยวนะ เดินคนเดียวอ่ะ”
“หนูขี้เกียจอ่ะ มันจำเป็นต้องกินตอนนี้เลยมั้ยอ่ะ” ฉันบิดขี้เกียจ รู้สึกกล้ามเนื้อที่น่องขาอ่อนล้าและต้องการพักผ่อน เซไปเกาะไหล่พี่เซ้นส์แล้วกะพริบตาปริบๆ
“ไม่รู้ว่ะ พรุ่งนี้ค่อยซื้อดีปะ? พี่ก็ขี้เกียจอ่ะ”
ฉันกับพี่เซ้นส์ถอนหายใจยาวพลางสบตากันปิ๊งๆ ว่ากันว่าเป็นแฟนกันแล้วจะมีนิสัยคล้ายกัน ฉันก็ว่าใช่ อานุภาพความขี้เกียจจากสันดานของฉันออสโมซิสเข้าสู่อีพี่เซ้นส์ เรามองกันและรู้ได้โดยที่ไม่ต้องเอ่ย
“พรุ่งนี้เนอะ”
“เออ พรุ่งนี้เถอะ”
พวกเราแปะมือกันทำสัญญาปีศาจ ความขี้เกียจและสันดานเอื่อยเฉื่อยเข้าครอบงำ ทำให้เราทั้งคู่ยืดตัวแล้วเดินลงไปนอนทีวียันเช้า เท้าของพี่เซ้นส์เหยียดอยู่ตรงคอฉันในตอนตื่น ในขณะที่อีลัคกี้ นอนเอาตูดมาแนบหน้าจนฉันผละออกแทบไม่ทัน ฉันงัวเงียตื่นมาหาวใส่พี่เซ้นส์จนเขาไล่ไปแปรงฟัน และวันนั้นพวกเราก็ยังคงขี้เกียจแวะร้านขายยา
วันต่อมา... เราก็ขี้เกียจ
วันของวันต่อมา... เราก็ยังสันดานขี้เกียจ
วันต่อมา และวันต่อๆ มา... ก็ยังขี้เกียจ
และสุดท้าย เราก็ไม่ได้แวะร้านขายยาเลยแม้แต่วันเดียว
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ฉันก็ไปมาหาสู่บ้านพี่เซ้นส์ประหนึ่งบ้านตัวเอง แรกๆ ก็ลับๆ ล่อๆ แล้วลอบไปดึกดำดึ๋ยในห้องกันอยู่สองคน หลังๆ ฉันก็เริ่มจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน มาทุกวันหลังเลิกเรียน คือเหลือแค่ย้ายข้าวของมาไว้ห้องพี่เซ้นส์ ฉันก็จะเป็นภรรเมียของนางเต็มยศเลยอ่ะ
ตอนนี้ฉันกับอีพี่เซ้นส์กำลังนอนอยู่บนโซฟา หันหัวกันคนละทาง ฝ่าเท้าหันเข้าหน้าของอีกฝ่าย แต่ด้วยความที่อีพี่เซ้นส์นางตัวยาวกว่า เท้านางจึงแทบจะทาบหน้าฉัน รักกันแค่ไหน ก็ไม่ควรจะให้ฉันนอนดมเท้าเขานะ =_=
“โอ๊ย พี่เซ้นส์ ตีนอ่ะจะจิ้มหน้าหนูอยู่ละนะ” ฉันโวยวายขณะที่ไอ้คนโดนด่าก็ไม่รู้สึกรู้สา นอนลูบหัวแมวเหมือนไม่แยแส นางปรายสายตานิ่งๆ มามองฉันละก็หันไปดูทีวีต่อ
หนอยแน่ะ!
“นอนเป็นเจ้าที่กันเลยนะ” เจ๊ซิน พี่สาวของอีพี่เซ้นส์ยืนค้ำหัวของพวกฉันอยู่ เจ๊แกยังคงความสโลแกนหน้านิ่งมือขวาถือไอศกรีมที่เปลี่ยนรสไปแต่ละวัน เธออยู่ในช็อปของคณะ กับกางเกงยีนส์สีเรียบ มัดผมครึ่งหัวและนั่นทำให้เธอดูเท่มาก เจ๊แกถอนหายใจแล้วมองฉันเล็กๆ
ตอนแรกฉันก็เกร็งๆ เจ๊แกอยู่เหมือนกัน แต่พอฉันเริ่มจะเข้ามาสนิทชิดเชื้อก็เห็นได้ว่านางไม่ได้น่ากลัวอะไร ใจดีแถมวันๆ กินแต่ไอศกรีมอีกต่างหาก
“ไอ้เซ้นส์ ป๊าจะกลับมาละนะ” เธอเตือน ในขณะที่พี่เซ้นส์ชะงักเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะลูบหัวแมวต่อ ฉันกับพี่เซ้นส์มองหน้ากัน ความขี้เกียจออสโมซิสผ่านทางสายตา ยังไงสักวันป๊าก็ต้องรู้อยู่แล้วก็ให้รู้ๆ ไปเหอะ วันนี้ฉันไม่ได้มาทำอะไรเสียหาย ฉันจะทำก็ต่อเมื่ออยู่กันสองคนเท่านั้นแหละ
พูดไม่ทันขาดคำ ประตูก็เปิด ปรากฏร่างชายหน้าตามุมิ อีพี่เซ้นส์เด้งตัวขึ้นนั่งตัวตรงแด่ว ฉันเลยเลิ่กลั่กแล้วทำตามเขา คนมาใหม่ผมสีอ่อน ใบหน้าดูยังไม่แก่นัก ดูเหมือนพี่ชายวัยยี่สิบหกในเสื้อเชิ้ตสีเรียบ ตัวสูงร้อยแปดสิบกว่าได้ เขาสบตาฉันแวบนึง และไม่รู้เป็นอะไร หัวใจฉันก็ทำงานหนัก ใบหน้าร้อนและไม่กล้าจะมองหน้าเขานาน
อุ๊ย ใครอ่ะ พี่ชายพี่เซ้นส์อ๋อ หล่อจัง อยากได้อ่ะ