สัมผัสที่ยังตราตรึง

1336 Words
ตั้งแต่จางจินเยว่ฟื้นตื่นขึ้นมานางผิดแปลกไปจากเดิมมาก นางคงไม่ได้แสดงละครตบตาข้าอย่างแน่นอน เมื่อก่อนนางไม่มองหน้าข้าด้วยซ้ำเพราะไม่พอใจที่จำต้องแต่งเข้าจวนข้า นางมีใจรักผูกพันกับโจวมู่เฉินน้องชายของข้าที่เป็นรัชทายาท และยังมีสัญญาใจว่าจะหมั้นหมายกันแต่ก็เกิดเหตุนั้นเสียก่อน วันนั้นนางและคณะเดินทางมายังแคว้นโจวเพื่อเจรจาเรื่องการหมั้นหมายของนางกับรัชทายาทและในคืนนั้นเองที่ข้าได้ลอบเข้าห้องของนางเพื่อหวังจะเจรจากับนางให้เลื่อนกำหนดการต่างๆ ออกไปก่อนเพราะสถานการณ์ในวังไม่ค่อยสงบนักแต่ใครจะรู้ว่าพอข้าเข้าไปถึงนางกำลังโดนคนชุดดำลอบเข้าห้องหวังทำร้ายในระหว่างที่นางหลับอยู่ ข้าประมือกับคนร้ายทำให้คนร้ายหนีไปได้แต่นางดันตื่นขึ้นมาและคนภายนอกก็เข้ามาเจอพอดีข้าจึงต้องสร้างสถานการณ์ว่านางตกเป็นของข้าแล้วขึ้นมาเพื่อที่จะเก็บนางไว้ข้างกายเผื่อจะได้สืบเบาะแสเกี่ยวกับคนชุดดำที่จะทำร้ายนางในคืนนั้นได้และหลังจากที่แต่งเข้าจวนมานางก็แทบจะไม่มองหน้าข้าด้วยซ้ำ นางพยายามเลี่ยงข้าทุกทางไม่แม้แต่จะพูดจาและเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในตำหนัก จนกระทั่งวันที่ข้าต้องเข้าวังไปร่วมงานอภิเษกของมู่เฉินที่เสด็จพ่อมีราชโองการให้แต่งกับองค์หญิงเล็กของแคว้นเหวินโจวนางตัดสินใจกระโดดน้ำปลิดชีพตนเองกว่าข้าจะรู้เรื่องก็มีคนช่วยนางขึ้นมาแล้ว โชคยังดีที่หมอหลวงยื้อชีวิตนางให้กลับคืนมาได้ นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปนั่นคือสิ่งที่หลี่อันชายาเอกของข้าบอกมา หลี่อันผู้นี้ที่ข้าจำใจต้องแต่งนางเข้ามาเพราะราชโองการของเสด็จพ่อหรือฮ่องเต้แห่งแคว้นโจวนางเป็นหลานสาวของอัครเสนาบดีฝ่ายขวาและเป็นพระญาติห่างๆ ของฮ่องเต้ พอข้าได้มาเห็นจางจินเยว่กับตาข้าก็รู้สึกได้ว่านางผิดแปลกไปจากปกติแม้ตอนแรกข้าจะไม่เชื่อก็ตามแต่พอลองหยั่งเชิงดูแล้วหลายครั้ง นางคงจะจำไม่ได้จริงๆ นางเชื่ออย่างสนิทใจว่าข้ากับนางเคยมีสัมพันธ์กันมาก่อนแล้วแม้นางจะต่อต้านที่ข้าล่วงเกินนางในตอนแรกแต่สุดท้ายนางก็ยอมให้ทำล่วงเกินนางอย่างเอาแต่ใจ ข้าเองก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่เช่นกันตอนที่สัมผัสนาง ตัวของข้าร้อนรุ่มไปหมดเสียทั้งตัวแม้ในยามนี้ที่ข้าอยู่ในตำหนักอ่านหนังสือมาหลายชั่วยามแล้วแต่รสชาติที่ข้าได้สัมผัสและกลิ่นกายของนางก็ยังตราตรึงอยู่ไม่คลาย ในใจเพรียกหาแต่อยากสัมผัสนางอีกครั้ง "ท่านอ๋องในวังส่งข่าวมาแล้วขอรับ"เสียงของหนานจิ้งดึงสติข้าให้ออกจากห้วงคำนึง "ว่ามา" "อัครเสนาบดีฝ่ายขวามีแผนจะก่อกบฏขอรับ หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าอาจจะส่งผลต่อการขึ้นครองบัลลังก์ของรัชทายาทในอนาคตเป็นแน่" "ข่าวนี้แน่ชัดแล้วหรือ หากแน่ชัดแล้วเจ้าจงเฝ้าจับตาดูให้ดีอย่าให้มีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับรัชทายาทและพระชายาซีเหนียงเป็นอันขาด ข้าเชื่อว่าอัครเสนาบดีผู้นี้ต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องที่หลี่อันแต่งเข้าจวนข้ามาอย่างแน่นอน" "พระชายาเป็นหลานสาวที่อัครเสนาบดีรักที่สุดเขาจะใช้นางเป็นหมากได้หรือขอรับ" "หากเพื่ออำนาจแล้วไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้หรอกตัวข้าเองก็อาจจะถูกวางในหมากกระดานนี้ด้วยเช่นกัน อีกอย่างข้าก็พอจะรู้ว่าหลี่อันมีไมตรีให้ข้าอยู่แล้วและเสด็จพ่อยังทรงโปรดหลี่อันมากอีก ถ้าปู่ของหลี่อันจะกราบทูลขอพระสมรสพระราชทานให้หลี่อันนั้น ก็ย่อมเป็นอีกทางที่เขาจะสามารถควบคุมข้าให้อยู่ในกำมือได้เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากข้าในการกุมอำนาจวังหลังหากข้าได้ครองบัลลังก์" "ท่านอ๋องหมายถึง..." "ใช่! เรื่องข้อพิพาทที่ข้าเป็นโอรสองค์โตและเป็นโอรสของฮองเฮาองค์ก่อนนั้นยังไม่หมดสิ้นไปภายในวังยังมีผู้ที่อยากให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์อยู่ เพราะเรื่องนี้ข้าจึงต้องเล่นละครมาหลายปีตบตาว่าข้าและมู่เฉินผิดใจกันมาตลอดเพื่อไม่ให้ผู้ที่ฝักใฝ่ในอำนาจนั้นพุ่งเป้าไปที่มู่เฉินจนเกินไปอีกทั้งเพื่อความปลอดภัยของจางจินเยว่เองด้วยแม้นางจะปักใจรักมู่เฉินเพียงใดก็ตามแต่มู่เฉินหาได้มีไมตรีอย่างที่นางต้องการตอบไม่ต่อให้นางแต่งงานกับมู่เฉินนางก็คงจะจมอยู่กับความทุกข์ไปชั่วชีวิต" "ท่านอ๋องแล้วท่านคิดจะบอกเรื่องนี้กับนางหรือไม่" "บอกไปให้นางเสียใจทำไมกันอีกอย่างตอนนี้นางจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำมันย่อมดีแล้ว อย่าให้นางต้องมารับรู้เลย" "ท่านใส่ใจนางถึงเพียงนี้หมายความว่าท่านพึงใจในตัวนางใช่หรือไม่ขอรับ?" "เหลวไหล! ข้ามีหลายอย่างที่ต้องทำจะมีเวลาไปรู้สึกพึงใจต่อผู้ใดได้อย่างไร ตอนนี้หน้าที่ของเจ้าคือแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวจากทางในวังให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องในจวนข้าจะจัดการเอง ไม่แน่ว่าข้าอาจจะต้องได้เล่นละครฉากใหญ่!" "ขอรับข้าน้อยจะทำตามบัญชาของท่านให้ดีที่สุด! ข้าน้อยขอตัว" เมื่อหนานจิ้งออกไปแล้วข้าจึงกลับมาอ่านตำราต่อแต่ก็ไม่อาจที่จะทำสมาธิให้อ่านได้ ความรู้สึกภายในกายมันพลุ่งพล่านไปหมดใบหน้าของจางจินเยว่ยามอยู่ใต้ร่างของข้านั้นช่างน่ามองเหลือเกิน ทั้งริมฝีปากนั่น ดวงตานั่น กลิ่นกายนั่น ทุกอย่างล้วนยังตราตรึงไม่หายไป จนข้าก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้วงความคิดของข้ากัน ความรู้สึกที่ข้ามีต่อนางมันต่างออกไปตั้งแต่ได้เจอนางหลังจากที่นางฟื้นตื่นขึ้นมาราวกับว่านางมิใช่นาง นางกล้าสบตากล้าเอ่ยวาจากับข้าและกล้าขัดขืนข้าทุกอย่างล้วนผิดแปลกไปจากจางจินเยว่คนเดิมทั้งสิ้น "ทะ...ท่านเรียกข้ามาทำไมเจ้าคะ?" เสียงหวานของนางเอ่ยขึ้นเมื่อข้าให้บ่าวไปตามนางมาพบข้าที่ตำหนัก "นั่งสิ ข้าพบเจ้าไม่ได้หรือ?" "มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะเพียงแต่เวลานี้ดึกแล้วเป็นเวลาพักผ่อนข้าเลยแปลกใจว่าท่านเรียกหาข้าทำไม" นางเอ่ยขึ้นเสียงสั่นหลังจากนั่งลงตรงหน้าข้า "คืนนี้ข้าจะนอนกับเจ้า" "ห้ะ!! อะไรนะ! นอนกับข้า!" นางเอ่ยวาจาเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืนทำให้ข้าต้องส่งสายตาดุใส่นางที่ทำกริยาไร้มารยาทเช่นนี้ออกมา "ทะ...ท่านทำไมไม่เรียกพระชายามาล่ะเจ้าคะ ขะ...ข้าไม่สะดวกที่จะนอนกับท่าน" นางเอ่ยเสียงอ่อนพร้อมกับนั่งลงเมื่อสบตากับข้า "ข้าอยากให้เจ้าอยู่ไม่ใช่ให้คนอื่นอยู่ มานั่งนี่สิ" ข้าบอกกับนางพร้อมกับเรียกให้นางมานั่งข้างๆ แม้นางจักมองข้าด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมลุกมานั่งข้างข้าแต่โดยดี "ทะ...ท่านอ๋องให้ข้ากลับตำหนักเถิดเจ้าค่ะ" นางเอ่ยเสียงหวานพลางช้อนตามองข้าอย่างอ้อนวอน หึ! ช่างน่ามองยิ่งนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD