5

1529 Words
“ขอบคุณชาย ที่ท่านเมตตา” เจินเอ๋อพึมพำ รู้สึกเย็นวาบที่แผล เพราะเจียวลู่ป้ายยาน้ำที่แผลของนาง “ข้าเอาแป้งย่างมาแบ่งให้ เผื่อเจ้าสองคนจะหิว” อาหารกินกันตายที่ทหารทุกนายมักมีพกติดตัว เป็นแป้งสาลีย่างไฟอ่อนๆ ผสมงา หรือธัญญะพืชเพิ่มสารอาหาร “ถ้าไม่รบกวนเกินไป ข้าอยากได้น้ำร้อนสักกา” เจินเอ๋อพึมพำ “ได้สิ เดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาให้” ฟางหรงไหวไหล่ แล้วก็ถอยหลังกลับออกไป เพื่อดรุณีน้อยสองนางนั่นมีความเป็นส่วนตัว “ท่านพี่” ฟางหรงเดินเลยไปหาพี่ชายซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือ หรือบางทีอาจจะกำลังอ่านจดหมายที่ท่านแม่ทัพส่งมาให้ “ยังไม่นอนอีกรึ” ฟางซินวางกระดาษในมือ แล้วก็เงยหน้ามองน้องชาย “ข้าติดใจเรื่องดรุณีน้อยสองคนนั่น” ฟางหรงเปรย แล้วก็ทรุดนั่งหน้าโต๊ะทำงานเตี้ยๆ ของฟางซิน “ติดใจดรุณีน้อยคนไหนละ” ฟางซินพูดดักคอ ฟางหรงย่นปลายจมูก “เกลียดคนรู้ทัน” ตอนที่ซัดอาวุธลับใส่ถังเหวิน ฟางหรงเต็มไปด้วยโทสะ แววตาของเขาเย็นเยียบกว่าเกล็ดหิมะ ฟางซินแปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อพินิจดีๆ แล้ว ดรุณีน้อยสองนางนั้น เขาและน้องชายเคยเจอมาก่อน อาจเป็นความพึงใจส่วนตัว ประกอบกับบุรุษผู้นั้นเป็นถังเหวินด้วย บุตรชายสกุลถังที่เสเพลและทำตัวเกะกะเกเรไปทั่ว ชาวบ้านเอือมระอา แต่ไม่มีใครกล้าจัดการ คงเพราะสกุลถังทำงานรับใช้สกุลเฉิน เป็นคนสนิทที่ค้าขายกับวังหลวง สินค้าหลายอย่างที่สกุลถังเพียงผู้เดียวที่เป็นคนส่งมอบให้กับกองคลัง ไม่ว่าจะแพรไหม ผ้าสำหรับตัดชุดให้บรรดาพระสนมหรือกุ้ยเฟย รวมทั้งอาภรณ์ของฮ่องเต้ “ทั้งสองคนนั่น ไม่เหมาะที่เจ้าจะไปยุ่งด้วย” “ทำไมรึ?” ฟางหรงหันมารอคำตอบ “ไม่ทำไม ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา” ฟางซินตอบ ถึงจะแต่งตัวธรรมดา แต่ความไม่ธรรมดาก็ยังเผยออกมา กริยาสุขุม ท่าทางเหมือนถูกฝึกมารยาทมาอย่างดี แววตาก็นุ่มลึกเดาความคิดในใจไม่ออก “นางคงจะมาเพื่อคัดเลือกนางกำนัล” “ถ้าใช่แล้วจะยังไง” ฟางหรงยังดึงดัน “ไม่ยังไง ข้ากับท่านพี่อยู่ในเมืองไม่นาน ที่ของพวกเราคือนอกด่าน คงเจอกันได้เท่านี้” ฟางหรงพูดเหมือนปลงตก ทั้งที่ความจริงเขาสลัดแววตาแข็งกร้าวของดรุณีน้อย นามเจินเอ๋อไม่ได้เลย เปลือกตาฟางหรงหลุบลง วิถีทหารที่ทำศึกอยู่นอกด่านทิศใต้ มีหน้าที่ปกป้องดินแดนเสี่ยวเป้ย หาความสงบสุขยาก แม้เขาอยากมีใครสักคนคอยปรนนิบัติ แต่สตรีคนใดละจะทนความลำบากและหนาวเย็นแบบนั้นได้ 5. แสงอรุณโผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อนค่อยๆ เข้มขึ้น เสียงเจินเอ๋อขยับตัว สักพักวงหน้าเกลี้ยงเกลาก็ชะโงกมามอง “ตื่นแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” เจียวลู่บิดขี้เกียจทรงตัวนั่ง “น้ำเย็นเฉียบเลย รออยู่นี่นะคะคุณหนู ขอข้าไปขอน้ำร้อนที่เรือนครัวก่อน” เจินเอ๋อพูดจบก็ดันประตูโรงเก็บฟืนออกไป สายลมเย็นพัดแทรกช่องว่างของช่องประตูเข้ามา เจียวลู่กระชับเสื้อคลุมที่ใช้ต่างผ้าห่มเข้าหาตัว เสียงคมกระบี่ตัดอากาศ ผสมกับเสียงหอกที่กระแทกใส่กัน เจียวลู่ทนเก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว นางขยับตัวไปที่ฝาโรงเรือนเก็บฟืน แนบใบหน้ามองผ่านรอยแยกของเนื้อไม้ บุรุษรูปร่างกำยำกำลังฝึกเพลงทวน รูปร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้เจียวลู่อดค่อนแคะไม่ได้ คนอะไรร่างใหญ่ปานต้นตาล พอก้มมองตนเอง นางไม่ต่างจากคนแคระเลย เจียวลู่ไล่สายตาต่ำลง ลมหายใจของนางเริ่มสะดุด คงเพราะการออกกำลังกลางแจ้ง แม้อากาศจะเย็นจัด แต่เหงื่อก็ยังผุดออกมา รอยเปียกชื้นเผยร่องรอยของรูปร่าง แผงอกหนั่นแน่น รวมทั้งเอวสอบที่หายไปใต้กางเกงผ้าที่แนบลู่ติดกับลำตัว ดรุณีน้อยที่ไม่เคยได้เห็นเพศตรงข้ามมาก่อนรู้สึกตระหนกจนอกสั่น เจียวลู่กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ กลั้นใจแทบหมดลม “แค่กๆ” เสียงไอดังแว่วๆ ฟางซินก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม เขาเห็นแววตากระจ่างใสของใครบางคนเฝ้าแอบมองอยู่นานแล้ว ความจริงเขาควรพักการฝึกฝีมือตั้งแต่เมื่อหนึ่งเค่อก่อน อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาฝืนรำทวนต่อ “พี่ใหญ่ ข้าหิวแล้ว” ฟางหรงตะโกนเรียก ถึงเวลาอาหารมื้อเช้าแล้วแท้ๆ พี่ชายของเขายังคงรำทวนไม่หยุด “เจ้าไปก่อนเถอะ” ฟางซินหยุดร่ายรำ เขาพาดทวนไว้ที่บ่า แล้วก็ใช้ชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อใต้ปลายคาง “ข้าไปก่อนละ” ฟางหรงวิ่งเหยาะๆ ไป เขาชะงักกลางครัน เจินเอ๋อประคองโถใบใหญ่ที่มีน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้า วันนี้ตอนสายนายสาวต้องเข้าไปคัดเลือกนางกำนัลฝ่ายใน ดังนั้นเจียวลู่ควรมีน้ำสะอาดล้างตัวสักหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นขออ้างให้นางข้าหลวงฝ่ายในปัดตก เพราะขาดคุณสมบัติ “เจ้ากินอะไรหรือยัง” สีหน้าอิดโรย ริมฝีปากสีซีดๆ ของดรุณีน้อยตรงหน้า ฟางหรงเลยลดความแข็งกร้าวลง เจินเอ๋อส่ายหน้า นางไม่กล้าละลาภละล้วง แป้งย่างเมื่อคืน นางเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ยังไงวันนี้หากเจียวลู่ผ่านการคัดเลือก ก็ไม่ต้องคำนึงเรื่องปากท้องหรือที่หลับที่นอน “เดี๋ยวข้าเอาไปให้” ไหนๆ ต้องไปที่โรงครัวแล้ว ฟางหรงเลยอาสาเป็นธุระให้ เจินเอ๋อค้อมศีรษะแล้วก็เดินตัวลีบ กลับไปที่โรงเก็บฟืน นางควรต้องคิดเรื่องของตนเองแล้ว หากเจียวลู่เข้าไปในวังสำเร็จ จากนี้ไปนางต้องหาที่ซุกหัวนอน อย่างน้อยการได้รับข่าวสารของเจียวลู่บ้าง ก็ทำให้นางพอจะวางใจได้บ้าง “คุณหนูรอง มาล้างหน้าเถอะเจ้าค่ะ” เจียวลู่ยกมือลูบหน้าอก หัวใจของนางยังเต้นแรงอยู่ “เจินเอ๋อ หากข้า” เจียวลู่กระอึกกระอัก นางกำนัลไม่สามารถพาคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในวังด้วยได้ จากนี้ไป เจินเอ๋อจะไปอยู่ไหน นางลืมคิดเรื่องนี้ เจียวเจี๋ยเองก็คงไม่ได้คิดเหมือนกัน “เรื่องนั้น คุณหนูไม่ต้องห่วงข้าหรอก” ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าตนเองจะไปอยู่ตรงจุดไหน เจินเอ๋อก็ไม่อยากให้เรื่องของตนเอง ทำให้เจียวลู่มีความกังวลติดค้างอยู่ในใจจนเสียงานใหญ่ “แต่...” “คุณหนูลืมแล้วเหรอเจ้าคะ ข้ายังมีท่านพ่อ ท่านแม่อยู่นะ” เจินเอ๋อพูดตัดบท เทน้ำในโถใส่อ่าง และเร่งให้เจียวลู่รีบจัดการตัวเอง “ล้างหน้าก่อนเถอะเจ้าค่ะ” เจียวลู่หน้ามุ่ย นอกจากวิชาการเรือนแล้ว นางแทบไม่มีสมอง ทุกอย่างเจียวเจี๋ยเป็นคนคิดและจัดการให้ทั้งหมด “ข้าอดคิดไม่ได้นะเจินเอ๋อ คนอย่างข้าจะไปทำอะไรได้ ข้าไม่ใช่พี่ใหญ่ที่ฉลาดไปทุกเรื่อง” เจียวลู่พึมพำ นางแบกความหวังของพี่สาวและคนทั้งสกุลไว้ หากทำไม่ได้เสี้ยวหนึ่งที่เจียวเจี๋ยคาดหวังไว้ พี่สาวของนางจะผิดหวังแค่ไหนนะ “คุณหนูทำแบบที่ฝึกมาทุกวันก็พอเจ้าค่ะ” เจินเอ๋อให้กำลังใจ นางช่วยเจียวลู่ทำความสะอาดร่างกาย “ถุงหอมของข้า” เจียวลู่พูดจบก็เม้มปาก นางสะเพร่าเอง แม้แต่ของใช้ส่วนตัวก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ “ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว” เจินเอ๋อส่งถุงหอมอีกใบให้นายสาว “เจินเอ๋อ” “อย่าคิดมากสิเจ้าค่ะ คุณหนูมีงานใหญ่ที่ต้องทำ” “นั่นสิ คนอย่างข้ามีข้อเสียเรื่องเดียวนั่นแหละ ข้าอยากเป็นอย่างพี่ใหญ่ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้เท่านาง” เจียวลู่บ่นพึมพำ ทั้งที่ถูกฝึกมาไม่ต่างกัน แต่ความสามารถของนางก็ไปไม่ถึงสิ่งที่เจียวเจี๋ยทำได้ ฟางหรงขมวดคิ้ว เขาคิดไว้ไม่ผิด ดรุณีน้อยสองนางมาเพื่อคัดเลือกการเป็นนางกำนัลฝ่ายในจริงๆ ท่าทางดรุณีน้อยน่าจะเป็นสตรีจากสกุลใดสกุลหนึ่ง ที่น่าจะผ่านเกณฑ์ตามกฎของวังหลวง “อะแห้ม” เขาแสร้งกระแอมเตือน “ข้าแวะเอาหมั่นโถวกับเศษเนื้อแห้งมาให้” เจินเอ๋อรีบถลาไปที่ประตู ตอนนี้เจียวลู่ยังไม่เรียบร้อยนัก “ขอบคุณ คุณชาย” “ไม่เป็นไร แล้วพวกเจ้าสองคนจะไปไหนต่อ” “ข้ากับคุณหนู จะเข้าวัง” เจินเอ๋อพึมพำตอบ ฟางหรงพยักหน้า “เจ้าคงไม่ได้เข้าวังทั้งสองคนเลยใช่ไหม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD