"จอมยุทธหลิว จอมยุทธหลิว…เป็นท่านจริงๆ ฮือ ฮือ ฮือ…."
ดาบทองไท้ซานโผมาด้วยน้ำตานองหน้า เมื่อทุกองครักษ์หายไปจากลานกว้าง เผยให้มันเห็นชายหนุ่มร่างระหงในชุดครามมีลายปักสีเงินเป็นรูปหงส์โบยบิน
" ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว จอมยุทธหลิว !...ฮือ ฮือ ฮือ…! " ชายแขนเดียวยิ่งฟูมฟายหนักหน่วง เมื่อมันวิ่งมาถึงตัวหลิวหงเหิน มันทิ้งดาบไม่ใยดีแล้วใช้มือเดียวจับไหล่น้ำตารินมาไม่หยุดหย่อน
" ดาบทองไท้ซาน ท่านก็กระดูกเหล็กใช่ย่อยเหมือนกันนะ ! " หลิวหงเหินทักทายไปกับเสียงหัวเราะเริงร่า พร้อมกับยื่นมือตบไหล่มันเบาๆ
" ตั้งแต่จากกันที่ทางเข้าเขาวงกต ข้ามีเรื่องนับร้อยนับพันต้องถามไถ่แล้ว " หลิวหงเหินยังคงแย้มยิ้มกล่าวต่อ
" ถูกต้องแล้วจอมยุทธหลิว ข้าพเจ้าก็มีเรื่องมากหลายยากถามท่านเช่นกัน ฮือ ฮือ ฮือ…" ดาบทองยังคงสะอึกสะอื้นกล่าว
" พี่สาวชุดเหลือง เหตุใดบุรุษแถวนี้จ้าวน้ำตากันนัก หากข้าพเจ้าเผลอไผลไปเหยียบเท้ามันเข้า คงมีน้ำตาไหลท่วมเสื้อผ้าแล้ว " เด็กสาวกล่าวแย้มยิ้มเบิกบาน จนเห็นลักยิ้มบุ๋มตรงสองข้างแก้ม
" อย่าไปใส่ใจกับชายใจเสาะเหล่านี้นักเลยน้องสาว พวกเราสมควรหาที่เงียบสงบสนทนาประสาผู้หญิงดีหรือไม่ ? "
" ประเสริฐยิ่ง ! "
เด็กสาวตอบรับด้วยความลิงโลด ก่อนหญิงสาวทั้งคู่จะลอยตัวขึ้นไปบนเชิงผา ราวสองวิหคโบยบิน
หลิวหงเหินส่ายหน้าน้อยๆให้กับกิริยาสองสาว แล้วจึงหันมากล่าวกับชายแขนเดียวเบื้องหน้า
" พวกเราก็สมควรหาสถานที่ร่มรื่น นั่งจิบสุราคลายเรื่องค้างคาใจกันด้วยนะ "
ดาบทองไท้ซานยิ้มกว้างทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา มันตอบรับอย่างยินดียิ่ง
" สมควร ! สมควรอย่างยิ่งจอมยุทธหลิว ! "...
…อัสดงสาดแสงสีส้มจางๆอาบไล้ไปทั่วพื้นหล้า
ความหว้าเหว่ยามเย็นดูจะคลายความเปลี่ยวเหงาไปถนัดใจ เมื่อมีเสียงปืนใหญ่ยังคงยิงใส่เกาะมาเป็นระยะๆ
บนจุดที่สูงล้ำที่ยอดเนินผา หลิวหงเหินสังเกตเห็นที่มาของแรงปืนใหญ่จากที่ไกลตา
ชายหนุ่มมองกองเรือนับร้อยลำที่ทอดสมออยู่หน้าเกาะ ด้วยอารมณ์หดหู่ยิ่ง
เมื่อครั้งที่มันเริ่มเดินทางมากับกองเรือเป่าฉวน มันมองกองเรือสำเภาเป็นดั่งพาหะนะนำทางสู่โลกใหม่อันแปลกหูแปลกตา
แต่เมื่อมาเห็นกองเรือสำเภาที่เอาแต่กระหน่ำยิงปืนใหญ่มาไม่หยุด ชายหนุ่มจึงสลดไปกับสันดานมนุษย์นัก พวกมันจ้องจะทำลายล้างไม่สิ้นสุดจริงๆ
" พวกมันระดมยิงปืนใหญ่มาสิบกว่าวันแล้วจอมยุทธหลิว " ดาบทองไท้ซานเดินปรี่มา โดยมีไหสุราสะพายมาบนไหล่
ส่วนเหล่าลูกศิษย์ในสำนักสิบกว่าคนต่างตั้งวงล้อมรอบกองไฟ ตระเตรียมย่างเนื้อไว้เป็นอาหารเย็น
" สิบกว่าวันอย่างนั้นรึ ? ประหลาดยิ่ง ถ้ายิงปืนใหญ่มานานขนาดนั้น เหล่าพืชพันธ์สัตว์ป่าบนเกาะไม่มอดไหม้ไปหมดแล้วเหรอ ? "...
หลิวหงเหินถามพลางยื่นมือไปหยิบไหสุรา ขึ้นมายกดื่มอย่างกระหายอยาก
" การยิงของพวกมันส่วนใหญ่ มุ่งยิงเข้าค่ายพักของพวกเรา เป็นการยิงเพื่อก่อกวน หาได้มุ่งถล่มทลายโดยตรง "
" ทำไมเป็นเช่นนั้นเล่า ? "
" เพราะสิ่งที่พวกมันปราถนายังอยู่ภายในเกาะนี้ พวกมันจึงไม่อาจทำลายให้แตกหักไปได้ แต่เพราะเหล่าชาวยุทธล้วนป้องกันไม่ให้ฝ่ายต้าหมิงสมปราถนา มันจึงทำได้แต่กระทำการก่อกวน ลอบทำร้ายพวกเราตลอดมา "
หลิวหงเหินกระดกไหสุราขึ้นดื่มอีกครา พลางครุ่นคิดตามคำบอกเล่า
" เกรงว่าท่านต้องบ่งบอกให้ละเอียดกว่านี้อีกเล็กน้อยเถิด ให้เวลาทัดเทียมกับการดื่มสุราหมดไหนี้จะดีไม่น้อย "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ยินดี..ยินดี…"
ดาบทองไท้ซานยิ้มรับร่า รู้สึกพึงพอใจกับอุปนิสัยของชายหนุ่มผู้นี้ไม่น้อย
จากนั้นชาบแขนเดียวจึงเริ่มไล่เรียงเหตุการณ์ นับตั้งแต่พรากจากหลิวหงเหินมา
ครั้งนั้นดาบทองไท้ซานบาดเจ็บสาหัสนัก ยังดีที่มีพัคนารินคอยช่วยเหลือ..ประคับประคองมันตลอดหลายวัน จนเหล่าศิษย์ไท้ซานตามมาสมทบ ช่วยพาทั้งพัคนาริน อมิตาร์และมันไปรักษาตัว ยังเรือของสำนัก
ผ่านไปเพียงสิบกว่าวัน จึงมีเหล่าเรือสำเภากว่าสามสิบลำนำชาวยุทธภพมากันครบครัน ทั้งสำนักเส้าหลิน บู้ตึ๊ง คุ้นลุ้น ง๊อไบ้ แชเซีย และเหล่าพรรคเล็กพรรคน้อยอีกยี่สิบกว่าพรรคร่วมขบวนมา
ที่สำคัญคือในกองเรือชาวยุทธนั้น ยังมีสี่ตระกูลใหญ่ที่ราชวงศ์หมิงยังเกรงใจตืดตามมาด้วย
ชาวยุทธเหล่านั้นล้วนมายังเกาะทิพย์โอสถด้วยจุดหมายเดียวกันทั้งสิ้น คือผู้อาวุโสของสำนักพวกมันต่างมีสภาพเป็นคนเสียสติโดยไม่นึกฝัน
และเมื่อพวกมันได้พบกับแม่นางพัคนารินกับอมิตาร์ ทั้งสองร่วมมือกันรักษาพวกมันอยู่เกือบๆสองเดือน จนเหล่าผู้อาวุโสล้วนมีอาการดีขึ้นกันทั่วหน้า
แต่ไม่มีใครคาดคืดว่า ในสถานการณ์ที่ดีวันดีคืน กลับปรากฏกองเรือนับร้อยของวังเมฆาขจี เคลื่อนกำลังพลท่องนทีมาราวจะออกศึก
พวกมันส่งหัวหน้าองครักษ์อันดับหนึ่งขึ้นมาเจรจา ขอตัวพัคนาริน และแม่นางอมิตาร์ กลับไปพิพากษาดำเนินคดี
ครั้งนี้เกิดการแตกแยกเป็นสองฝ่าย พวกหนึ่งคิดส่งนางทั้งคู่ให้จ้าววังเมฆาขจี ส่วนพวกที่ชิงชังราชสำนักเป็นทุนเดิม ล้วนยืนหยัดแข็งขัน จะเอาชีวิตเข้าแลกแทนคุณแม่นางทั้งสอง
มิคาดว่าองครักษ์อันดับหนึ่งของมัน จะยื่นข้อเสนอ ให้พวกเราตกลงกันภายในสิบวัน ถ้าไม่เห็นนางทั้งคู่บนชายหาด มันจะระดมพลโจมตี
ความระส่ำระสายเริ่มก่อกำเนิดขึ้นในเหล่าชาวยุทธ ที่เริ่มไม่ไว้วางใจกันและกัน แล้วหายนะพลันบังเกิด เมื่อสามผู้อาวุโสแห่งเส้าหลิน ถูกหมัดราชสีห์พิโรธลอบทำร้าย
" หมัดราชสีห์พิโรธ สำนักคงท้งอย่างนั้นรึ ! "...หลิวหงเหินพลันอุทานขึ้น เมื่อได้ยินชายแขนเดียวเล่ามาถึงหายนะที่เริ่มกร่ำกราย
" ถูกต้องแล้วจอมยุทธหลิว เพียงแต่ความตายของผู้อาวุโสเส้าหลิน นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะก็ว่าได้ เพราะเมื่อผ่านไปเพียงข้ามวัน จ้าวสำนักง้อไบ้กลับถูกวิชาวัชชิรปราบมารของเส้าหลินเข้าทำร้าย เท่านั้นละชุมชนชาวยุทธถึงได้มีอันปั่นป่วนไปหมด "
หลิวหงเหินชะงักการดื่มกระทันหัน ใจมันนึกไปถึงพยัคฆ์เร้นกาย ที่วางแผนร้ายให้มิตรสหายทำร้ายกันเอง
" และก่อนที่จะถึงกำหนดของจ้าววังเมฆา ผู้อาวุโสของสี่ตระกูลใหญ่กลับถูกเพลงกระบี่พรากนภาเข้าทำร้าย จนเสียชีวิตไปถึงสามคน ถึงจุดนี้ความโกลาหลได้บังเกิดไปทั่ว
" ปราดเปรื่องนัก..หลี่ปู้เวย " หลิวหงเหินพลันเปรยถ้อยคำ ไปกับเรื่องราวของดาบทองไท้ซาน
" เกิดการกระทบกระทั้ง แบ่งฝ่ายกันในหมู่ชาวยุทธ จวนเจียนจะเกิดจารจลย่อยๆขึ้น กระทั่งตระกูลซือหม่ากับจอมยุทธห้าพิสดารยื่นมือเข้าคลี่คลาย สถานการณ์จึงสงบลง "...
" อาจารย์ทั้งห้าของข้าอย่างนั้นรึ ? " หลิวหงเหินอุทานในใจ ไปพร้อมๆกับอกสั่นหวั่นไหวเมื่อนึกถึงตระกูลซือหม่า ที่อาจมีตวนผิงผิงอยู่ภายในกลุ่มพวกมัน
" ซื่อมาเทียนฟงนับเป็นอัจฉริยะแห่งยุคโดยแท้ เพียงมันปรากฏตัวก็เปิดเผยแผนร้ายของมารชั่วจนสิ้น ที่เยี่ยมยอดคือมันเสนอแผนรับมือกับกองทัพเมฆาขจีได้หมดจรด จนเหล่าชาวยุทธล้วนยกให้มันเป็นผู้นำชาวยุทธ เป็นประมุขยุทธภพขึ้นมาตั้งแต่นั้น "...
…สามีของตวนผิงผิงขึ้นสู่ตำแหน่งประมุขยุทธภพไปแล้ว !.... หลิวหงเหินได้แต่ยิ้มข่มขื่น ผสานเข้ากับอาการเจียมตัวสุดแสน …มันนับว่าฝากฝังสิ่งที่ตนรักที่สุด ไว้กับชายถูกคนแล้ว !....
" เมื่อถึงวันกำหนดนัดของจ้าววังเมฆา กองทัพเรือของมันก็เริ่มระดมยิงปืนใหญ่ใส่ชุมชนชาวยุทธ แต่ยังเชื่องช้ากว่าแผนแบ่งกำลังพลของซือหม่าเทียนฟงไปหนึ่งก้าว "...
" เพราะประมุขยุทธภพได้แบ่งกองกำลังชาวยุทธออกเป็นสามชุมชน วางกำลังเป็นสามป้อมค่ายรอบเกาะ เพื่อต้านรับศึก ไปพร้อมๆกับแบ่งแยกผู้มีความขัดแย้งให้ห่างจากกัน "
หลิวหงเหินผงกหัวรับ พลางมองไปรอบๆ รู้สึกถึงการใช้ปัญญาอันแหลมคมของซือหม่าเทียนฟงอย่างยิ่ง…
" ทางเหนือเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุด มีสี่ตระกูลใหญ่และวัดเส้าหลินเป็นผู้นำ ทางตะวันออกมีสำนักบู้ตึ๊งและคุ้นลุ้นเป็นผู้นำชาวยุทธอยู่กว่าร้อยชีวิต และทางตะวันตกมีสำนักคงท้งกับเตี้ยมชังเป็นผู้นำ…"
" การแบ่งแยกตั้งรับศึกทำให้เราสามารถต้านทัพวังเมฆาขจีได้เกือบเดือน ตราบกระทั้งเกิดเหตุเปลี่ยนแปรเมื่อมีอสุกายคางคกบุกเข้าทำลายกองรบตะวันตกจนแตกพ่าย ซ้ำกองทัพเมฆาขจีก็เข้ายึดพื้นที่ตะวันตกไว้จนหมดสิ้น ! "...
…เทพอสรพิษยังอยู่บนเกาะนี่จริงๆ ที่ร้ายคือมันเหมือนจะร่วมมือกับกองทัพเมฆา ครานี้ชาวยุทธประสบหายนะที่แท้จริงแล้ว !...
" พวกข้ากับแม่นางอมิตาร์ล้วนอยู่ในกองกำลังตะวันตก และเมื่ออสูรคางคกเข้าโจมตี แม่นางอมิตาร์พลันพบว่าในหมู่อสูรมีสหายของนางร่วมอยู่
" ฉางยิ่น ! "
หลิวหงเหินอุทานขึ้นอย่างลืมตัว ใจนึกไปถึงชายร่างอ้วนใหญ่ ผู้ครอบครองจักรกาลย้อนทวนไว้ที่หน้าอก…
" แม่นางอมิตาร์ติดตามสหายนางไปด้วยความห่วงใย เช่นเดียวกับข้าและเหล่าศิษย์ที่ร่วมตืดตามมา แต่เมื่อมาถึงยังเชิงผาแห่งนี้ กลับได้พบกับกองทัพเกาะเงินพวกนั้น จนพวกเราทั้งหมดต่างถูกต้อนเข้าไปภายในถ้ำ…แล้วเหตุการณ์ก็เป็นดั่งที่ท่านประสบมานั้นล่ะ จอมยุทธหลิว ! "
สุราในไหหมดเกลี้ยงไปพร้อมวาจาสุดท้ายของดาบทองไท้ซาน โดยชายหนุ่มได้แต่ทอดถอนใจ รู้สึกเหตุการณ์ตึงมือเช่นนี้ มันเพียงลำพังจะแก้ไขอันใดได้
หลิวหงเหินจ่อมจมในความคิดอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องรับรู้ความแตกตื่นที่วิ่งปรี่เข้ามา
" แย่แล้ว แย่แล้วท่านรองประมุข นางก่อเรื่องอีกแล้ว ! "....หนึ่งในศิษย์ไท้ซานวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนเนินผาที่คนทั้งคู่ยืนอยู่
" เกิดเหตุอันใดขึ้นศิษย์หลาน ? "...ชายแขนเดียวเร่งรีบถามว่องไว ตามแรงปรี่ตกใจที่ถาโถมมา
" ก็แม่นางอมิตาร์ กับเด็กสาวเท้าเปล่าผู้นั้น ได้ออกเดินทางไปยังค่ายตะวันออกแล้ว พวกข้าห้ามเท่าใดก็ไม่ฟัง ! "...หลานศิษย์วัยเยาว์ตอบด้วยอาการแตกตื่น เหงื่อโทรมกาย
" ประหลาดยิ่ง !...นางบอกหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรีบไปค่ายตะวันออก ? "...
" เด็กสาวเท้าเปล่าผู้นั้นกล่าวว่า นางจะไปทวงคืนตำแหน่งจ้าวสำนักคุ้นลุ้น ขอรับอาจารย์ลุง "
หลิวหงเหินพลันเหลือกตาโพลง รับรู้ได้ทันทีว่าภารกิจหนึ่งในสามของซียี้ คือการขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าสำนักคุ้นลุ้นนั้นเอง แต่นางไปในเวลานี้ จะก่อเกิดเภทภัยมากกว่าโชควาสนาแล้ว
ความตกใจของหลิวหงเหินพลันเพิ่มเป็นเท่าทวี เมื่อเห็นกองเรือในน่านน้ำได้ยิงพลุสีแดงสดขึ้นฟ้าเป็นสายยาวตรงไปทางทิศตะวันออก
…สัญญาณเรียกระดมองครักษ์…หลิวหงเหินอ่านสัญญาณพลุควันนั้นออกได้ทันที ใจมันพลันประหวั่นสั่นคอน เพราะกองทัพเมฆาขจี สั่งการณ์โจมตีค่ายตะวันออกพร้อมกัน
" ผิดท่าแล้ว !..."
หลิวหงเหินตระโกนลั่น ก่อนจะหันไปบอกกับดาบทองไท้ซานให้ไปรวมตัวกับค่ายใหญ่ เพื่อเตือนภัยการโจมตี
แล้วร่างระหงจึงเผ่นโผนขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ที่ซึ่งมีองครักษ์หลายร้อยชีวิตรอคอยมันอยู่…