“เดี๋ยวเอลลี่ไปตามคุณชาร์ลส์ให้ค่ะ ป้ามาเรียจะได้ไม่เหนื่อย ถ้าเอลลี่มาช้า ป้าก็กลับไปอาบน้ำนอนเลยนะคะ เดี๋ยวเอลลี่จัดการต่อเองค่า”
“จริงหรือคะครูเอลลี่ แหม...น่ารักจริงๆ มีแฟนหรือยังคะเนี่ย”
มาเรียลองเลียบเคียงถาม
“โอย...ยังไม่มีหรอกค่า ป้ามาเรียหาให้เอลลี่หน่อยสิค้า เอลลี่จีบผู้ชายไม่เป็นค่ะ สงสัยชาตินี้จะขึ้นคาน”
อรุณฉัตรพูดทีเล่นทีจริงกับคุณป้าแม่ครัว แต่มาเรียคิดจริงจังจนวางแผนไว้แล้วว่าจะดักตีหัวคุณชาร์ลส์รูปหล่อแล้วลากไปซ่อนไว้ในห้องของครูเอลลี่ในสักวันหนึ่ง แค่คิดมาเรียก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับไส้กรอกในกระทะที่กำลังสุกได้ที่
ครูสาวออกจากประตูหลังห้องครัวเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมราวกับป่าย่อมๆ เธออยากจะถือไฟฉายมาด้วยจริงๆ เพราะหนทางมันมืดจนน่ากลัว คงไม่ค่อยมีใครเดินมาทางนี้กระมังถึงได้รกขนาดนี้ ความจริงมันก็ไม่ได้ไกลจากตัวบ้านหลังใหญ่นักหรอก แค่มันมืดจนมองทางไม่ถนัดเท่านั้นเอง
“ยู้ฮู เฮลโล! มีใครอยู่ไหมค้า”
อรุณฉัตรป้องปากแล้วส่งเสียงร้อง ก้าวเข้าไปในบ้านที่เปิดไฟสลัวๆ เธอเห็นด้านในไม่ชัดเพราะติดกระจกทึบโดยรอบ เธอเดินขึ้นไปทางบันไดหินเตี้ยๆ ความจริงบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เล็กและเตี้ยอย่างที่เธอคิด อาจจะเป็นเพราะว่าเธอมองจากมุมสูงมันจึงดูเล็กในตอนนั้น
เธอลองเคาะประตูสองสามครั้งแต่เมื่อไม่มีคนมาเปิดจึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป ภายในบ้านที่ล้อมรอบด้วยกระจกสีทึมทึบ ด้านในกลับใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาว ทั้งโซฟา โต๊ะตู้ ไม่เว้นแม้แต่แจกันลายสวยใบใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของบ้านก็เป็นสีขาวขุ่นๆ เหมือนสีงาช้าง เช่นเดียวกับสีของโซฟา และมันช่างตัดกับพรมสีแดงอิฐที่ปูเต็มพื้นเหลือเกิน
“มีใครอยู่ไหมค้า!”
คุณครูพี่เลี้ยงส่งเสียงร้องเรียก แต่ได้รับเพียงความเงียบงันกลับคืนมา เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วผลักประตูห้องหนึ่งในสามห้องที่มีอยู่ในบ้าน เธอเดาว่าห้องนี้แหละที่สมควรจะมีเจ้าของบ้านหลบซ่อนตัวอยู่ แต่แล้วการคาดเดาของเธอก็ได้ผลที่น่าตกใจ เมื่อห้องดังกล่าวมันเป็นมากกว่าห้องส่วนตัว เพราะมีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง ขนาดของมันใหญ่เสียจนเธอสามารถลงไปนอนกลิ้งเกลือกกับผู้ชายได้อีกสักสิบคน
“ตายแล้ว! นี่คิดบ้าบออะไรเนี่ยยัยเอลลี่”
อรุณฉัตรส่ายศีรษะให้กับความคิดห่ามๆ เรื่องเตียงนอน เธอเดินเบาๆ ไม่แน่ใจว่าเจ้าบ้านอยู่ในนี้หรือเปล่า เพราะนอกจากเสียงลมหายใจของเธอและเสียงครางเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ เธอก็ไม่เห็นวี่แววของเขาเลย
ฉับพลันสายตาของอรุณฉัตร ก็ปะทะเข้ากับบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอตรงรี่ไปหามันทันที เพราะแค่สีของขอบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เธอก็จำได้ไม่มีวันลืม
“นี่มันผ้าเช็ดหน้าของฉันนี่นา แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
อรุณฉัตรวกกลับไปคิดเรื่องพ่อเทพบุตรของเธออีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านมากว่าอาทิตย์แต่เธอก็ยังจำได้ไม่มีวันลืมเช่นกัน เรือนผมสีน้ำตาลอมทอง ใบหน้าคมได้รูปจมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวสะอาดและเรือนร่างสูงใหญ่ของเขา เหลือก็เพียงสีนัยน์ตาเท่านั้นที่ถูกบดบังไว้ด้วยแว่นสีชาเข้ม หรือจะเป็นเขาจริงๆ ชาร์ลส์คือพ่อเทพบุตรสุดหล่อจริงๆ หรือ
เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง และก็เห็นเสื้อสูทที่พาดอยู่กับราวหน้าห้องน้ำ และทันทีที่คว้ามันได้ เธอก็ยกมันจ่อจมูกทันที
“โอ...พระเจ้า คุณคือคนนั้นจริงๆ ด้วย!”
ครูสาวยิ้มอย่างดีใจ เธอจำกลิ่นพ่อเทพบุตรสุดหล่อได้ โอ...พระเจ้า อย่างนี้เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาสใช่ไหม ต้องเป็นบุพเพแน่ๆ คุณชาร์ลส์ของเอลลี่
ขณะที่อรุณฉัตรกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งภาพฝันอันบรรเจิด เจ้าของห้องที่หญิงสาวตามหาก็ปรากฏกายที่หน้าห้องน้ำ ทิ้งระยะห่างจากร่างบอบบางเพียงหนึ่งช่วงตัวเท่านั้น
ร่างสูงโปร่งของชาร์ลส์ยืนนิ่งงันอยู่หน้าห้องน้ำในสภาพที่ทั่วทั้งร่างมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว แต่กระนั้นมันก็มิได้พันไว้ที่รอบเอวสอบ แต่กลับคล้องไว้รอบคอแกร่งแบบลวกๆ ก็ใครจะไปนึกละว่าพอเปิดประตูห้องน้ำออกมาจะเจอสาวแปลกหน้ากำลังยืนดมเสื้อของเขาอยู่
นัยน์ตาสีเทาเซ็กซี่ทอดตรงไปยังสตรีแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามาในห้องเขาด้วยความงุนงง เจ้าหล่อนเป็นใคร และจะยืนดมเสื้อกันอีกนานไหม
“เสื้อนั่นไม่ได้ซักมาสามวันแล้ว แต่ถ้าเธอชอบกลิ่นมันนักฉันยกให้เอาไหมล่ะ” เขาถามออกไปแล้วยกสองแขนขึ้นกอดอก รอดูว่าเจ้าหล่อนจะตอบเช่นไร แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะยังไม่หลุดจากภวังค์ ความจริงแล้วแค่เห็นเพียงเสี้ยวหน้า เขาก็ว่าหล่อนหน้าคุ้นๆ ชอบกล
“จริงเหรอ ฉันเอานะ เพราะฉันน่ะ แอบชอบเจ้าของ...”
อรุณฉัตรตาเบิกโพลงเมื่อเสียงของตัวเองแทรกเข้ามาในโสตประสาต เธอกำลังตอบคำถามอยู่ใช่ไหม...ใช่สิ แล้วใครถาม?
“ว่าไง เธออย่าบอกนะว่าเป็นอีกคนที่คลั่งฉันจนบุกเข้ามาในห้องนอนฉันเนี่ย”
ชาร์ลส์ยังเอ่ยต่อไป เขาใช้ผ้าเช็ดตัวซับผมบนศีรษะแรงๆ เมื่อหยดน้ำไหลลู่ลงมาโดนเนื้อตัวที่เขาเช็ดจนเกือบแห้งแล้ว