“ฮือออ...มันไปหรือยังคะ แองจี้กลัวจนเข่าอ่อนไปหมดแล้วค่ะ โอยๆๆ ที่รักขา แองจี้จะเป็นลม...” เธอแสร้งเข่าอ่อน ร่างทั้งร่างซวนเซอย่างคนไม่มีแรงจะทรงกาย เดือดร้อนสามีหนุ่มใหญ่แต่หัวใจฟิตเปรี๊ยะ ต้องช้อนร่างเมียรักขึ้นมาด้วยสองแขนแกร่งอย่างเต็มอกเต็มใจ
“แองจี้? เป็นอะไรหรือเปล่าที่รัก โอ๋ๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคนดี”
โจนาธานทอดมองเมียรักที่ซบหน้าหลับตาแน่นอยู่กับแผ่นอกของเขา แองจี้น้อยคงจะกลัวหนอนแก้วจริงๆ กระมัง
ขณะที่โจนาธานกำลังนึกสงสารเมียรัก ฝ่ายเอลิซที่ยืนมองสถานการณ์ในระยะประชิดก็ถึงกับขบกรามกรอดๆ ทีเดียว ก็เพราะเธอรู้ดีไงเล่าว่ามันไม่มีหนอนบ้าบออะไรนั่นตั้งแต่แรก แต่ยัยแองจี้ตัวร้ายกลับเอาสิ่งที่เธออุปโลกน์ขึ้นมา เรียกคะแนนสงสารจากโจนาธานไปเต็มๆ เธอไม่น่าเสียท่ายัยเด็กนรกนี่เลย น่าโมโหนัก
“แองจี้กลัวค่ะ ที่รักพาแองจี้เข้าบ้านนะคะ แองจี้กลัวจนไม่มีแรงจะเดินแล้ว” เสียงเล็กเสียงน้อยบอกสามี คิ้วมนขมวดเข้ากันแทบจะเป็นโบ ริมฝีปากบนล่างขบเม้มเข้าหากันและสั่นน้อยๆ ขณะที่สายตาแลไปรอบกายอย่างหวาดระแวง
“จ้ะๆ เราเข้าบ้านกันดีกว่านะ โธ่เอ๋ย ฉันไม่น่าปลูกต้นไม้เยอะๆ อย่างนี้เลย เจ้าพวกหนอนบ้าบอนี่มันเลยได้มีที่หลบแดดหลบฝน คอยดูนะ พรุ่งนี้จะให้โรเบิร์ตตัดต้นไม้รกๆ พวกนี้ออกไปให้หมดเลย”
หนุ่มใหญ่พูดเอาใจภรรยาขณะอุ้มเจ้าหล่อนเดินเข้าบ้านไป โดยไม่ได้รู้เลยว่าภรรยาที่รักได้ทิ้งความเจ็บเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ไว้ในหัวใจของสตรีที่มีเรือนผมสีบลอนด์
“ฝากเอาไว้ก่อนก็แล้วกันยัยแองจี้ ไม่เกินวันนี้พรุ่งนี้ แกได้ระเห็จกลับเมืองไทยพร้อมแฝดนรกลูกของแกอย่างแน่นอน!”
เจ้าของริมฝีปากสีแดงสดพึมพำกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน ในเวลานี้ความเคียดแค้นชิงชังได้ถูกกักขังไว้ในหัวใจของเอลิซจนหมดสิ้นแล้ว และมันลุกโชนราวกับพระเพลิงกองใหญ่ที่กำลังเผาไหม้จิตใจของเจ้าของ แน่นอนว่าไฟแค้นหนนี้จะมอดดับลงไปก็ต่อเมื่อเจ้าหล่อนได้ครอบครองอาณาจักรของโจนาธาน คิงส์ อีกครั้ง และวันนั้นก็ต้องไร้ร่างของสตรีที่ชื่อนิลอรเช่นเดียวกัน
คุณครูพี่เลี้ยงกับสองสาวใช้ชาวสิงคโปร์กำลังปล้ำกับเด็กๆ ทโมนทั้งสี่คนที่กำลังเล่นซนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เวลาในตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว เด็กๆ รับประทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อยแต่เธอยังไม่สามารถพาพวกเขาเข้านอนได้สักที
“กรี๊ด! อันโทนี่อาวเป็ดน้อยของเจสซี่คืนมาน้า!”
หนูน้อยเจสซี่พยายามแย่งยื้อเจ้าตุ๊กตาผ้านิ่มเป็ดสีชมพูมาเป็นของตน ความจริงแล้วตุ๊กตาตัวนี้เป็นของอลิเซียและเจ้าหล่อนมอบให้เจสซี่เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่ดูเหมือนว่าอันโทนี่ผู้เป็นพี่ชาย จะไม่เห็นด้วย
“นี่! ปล่อยนะยัยเด็กอ้วน! นี่มันเป็ดของอลิเซีย” อันโทนี่วัยหกขวบปลายๆ ร้องบอกและพยายามยื้อยุดสุดชีวิตเช่นกัน ในขณะที่พี่น้องคู่หนึ่งกำลังแย่งตุ๊กตา แต่กับอีกคู่กลับนั่งจ้องการ์ตูนในจอโทรทัศน์และหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“คุณอันโทนี่คะ ดื่มนมเถอะค่ะ คุณแม่เรียกกลับห้องแล้วนะคะ”
สาวใช้นางหนึ่งบอกคุณหนูคนโตสุดให้รีบมาดื่มนมเพื่อที่หล่อนจะได้พากลับไปส่งที่ห้องของเขา แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไม่ทำตาม แน่นอนว่าหากคนหนึ่งไม่ดื่ม อีกสามคนก็อย่าหวังเลยว่าจะยอมดื่มแต่โดยดี หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วยการันตีได้ว่าเด็กสี่คนนี้ช่างว่านอนสอนง่ายจนครูเอลลี่อยากจะลาออกวันละสามเวลา
อรุณฉัตรนั่งมองนมสี่แก้วตาปริบๆ และก่อนที่เธอจะได้เรียกเจ้าหนูทั้งสี่อีกครั้ง เสียงใบพัดหึ่งๆ ของเฮลิคอปเตอร์ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ตัวบ้านก็ช่วยเรียกความสนใจของเด็กๆ ไปที่มันแทน
เพียงชั่ววินาที เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก็ดังก้องห้องทางปีกซ้าย ก่อนที่เด็กๆ จะไปยืนออที่ระเบียง เพื่อชมการลงจอดของแมลงปอยักษ์บนลานโล่งของบ้านหลังเตี้ยๆ ที่อยู่ถัดกัน
ตอนนี้อรุณฉัตรเพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดบ้านหลังนั้นจึงไม่มีหลังคา ที่แท้ก็เพราะว่ามันถูกดัดแปลงให้เป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของเจ้าบ้านนี่เอง เธอรีบรุนหลังเด็กๆ ให้เข้าห้องทันทีที่เห็นว่าเฮลิคอปเตอร์ยุติการโชว์อันน่าทึ่ง เธอขู่ว่าถ้าไม่ยอมดื่มนมแล้วเข้านอน พรุ่งนี้เธอจะเพิ่มวิชาภาษาไทยในชั่วโมงเรียนอันน้อยนิดให้กับพวกเขา ซึ่งเด็กๆ ไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่เธอทำกับพวกเขาเหมือนนักโทษเช่นนั้น แต่นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เธอคิดออก
นาทีต่อมาการพาเด็กๆ เข้านอนจึงเรียบร้อยลงได้ด้วยดี อรุณฉัตรนึกขอบคุณคุณเอลิซที่ไม่ได้ให้ลูกๆ ของหล่อนนอนที่นี่รวมกับลูกๆ ของคุณแองจี้ ไม่เช่นนั้นเที่ยงคืนก็คงไม่ได้หลับได้นอน
อรุณฉัตรปิดห้องให้เด็กๆ จนเรียบร้อยแล้วกลับห้องตัวเอง ตั้งใจไว้ว่าจะอาบน้ำอาบท่าอย่างเร็วที่สุดแล้วลงไปกินมื้อค่ำ ก่อนที่ป้ามาเรียคนสวยจะปิดครัว และเธอก็ไม่ผิดหวัง เพราะป้ามาเรียกำลังทำอะไรสักอย่างบนเตา มันส่งกลิ่นหอมฟุ้งจนเธออดชมไม่ได้
“โอ...หอมน่ากินจังเลยค่ะ”
มาเรียหันมายิ้มให้คุณครูพี่เลี้ยง ก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่ทอดอยู่ในกระทะ อรุณฉัตรสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะกลางห้องครัวที่เธอนั่งกินมื้อค่ำคนเดียวมาเกือบอาทิตย์ วันนี้มีจานเพิ่มมาอีกใบ
“ป้ามาเรียยังไม่ได้กินมื้อค่ำหรือคะ” เธอถาม
“อ้อ...เปล่าจ้ะ ของคุณชาร์ลส์น่ะ เขาเพิ่งกลับมาเมื่อกี้ คงยังไม่ได้กินอะไร ป้าเลยทำเผื่อ เดี๋ยวเสร็จแล้วป้าจะไปเรียกมากินพร้อมกับครูเอลลี่ไงคะ” นางมาเรียชี้แจงพลางปาดเหงื่อที่เริ่มซึมเพราะความร้อนจากหน้าเตา
อรุณฉัตรเห็นเช่นนั้นก็อยากแบ่งเบาภาระของแม่ครัวร่างท้วมที่เหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เธอเลยอาสาไปตามคุณชาร์ลส์ให้ แล้วคุณชาร์ลส์อะไรนี่ไม่ใช่เจ้านายหรอกหรือ ถึงต้องมากินอาหารในห้องครัวเหมือนเธอ