บทที่ 1/1 สุดแค้นแสนรัก
ตราบาปนางบำเรอ
บทที่ 1
สุดแค้นแสนรัก
พระจันทร์วันเพ็ญที่แผ่รัศมีสีเหลืองนวลในยามราตรี กำลังถูกบดบังอย่างช้าๆ ด้วยแสงสีศิวิไลซ์ที่สาดท้องทั่วเวิ้งฟ้า มวลหมู่เมฆจำนวนไม่น้อย ทิ้งตัวห้อยย้อยต่ำลงตามน้ำหนักของไอละอองความชื้นที่แบกรับไว้ ประหนึ่งจะบอกกล่าวเป็นนัยๆ แก่ผู้ที่จ้องมองมันว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มันจะปลดปล่อยหยาดธาราพร่างพรมสู่ผืนปฐพี
โจนาธาน คิงส์ บุรุษวัยสี่สิบเศษ ร่างสูงหนานัยน์ตาสีฟ้าคราม เขาดูหนุ่มแน่นกว่าอายุจริง ด้วยว่าใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่งและการเอาใจใส่ดูแลรักษาสุขภาพอยู่เสมอ ขณะนี้หนุ่มใหญ่กำลังนั่งมองละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายผ่านกระจกใสบานหนา ด้วยดวงตาที่ฉายแววโกรธกรุ่นอย่างปิดไม่มิด หมู่โลหิตในเรือนกายสูบฉีดเร็วแรง สองมือกำหมัดแน่นเข้าหากันอย่างต้องการระงับความเจ็บแค้นที่ผลิพุ่งขึ้นมาจากหัวใจ
เป็นเวลาสี่ปีเข้าไปแล้วตั้งแต่วันที่หล่อนจากไป แต่เหตุใดเขาจึงลืมหล่อนไม่ได้ ใบหน้าของสตรีผิวสีน้ำผึ้งซึ่งครั้งหนึ่งเคยนอนร่วมเตียง ได้มาแวะเวียนมอบความขื่นขมให้หัวใจเขาอยู่มิคลาย ทั้งในโลกความฝันเมื่อยามนิทราและในห้วงคะนึงหาเมื่อยามตื่น หรือแม้แต่ในโลกของความเป็นจริงเช่นในเวลานี้
ณ ร้านอาหารสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร สถานที่ที่คนอย่างหล่อนมีโอกาสน้อยนักที่จะได้มาเยือน แต่หล่อนก็ยังอุตสาห์พาตัวตนอันจริงแท้มาปรากฏให้เขาได้เห็นจนได้ เขาอยากจะถามหล่อนนักว่ากล้าดีอย่างไรถึงได้ทอดทิ้งเขาไป หล่อนทำได้อย่างไร!
ขณะที่หนุ่มใหญ่กำลังสาดซัดความน้อยเนื้อต่ำใจผสมกับความขุ่นแค้นไปยังหยาดละอองฝนที่อยู่นอกหน้าต่าง ณ มุมหนึ่งของห้องอาหารภายใต้แอร์เย็นฉ่ำ ปรากฏร่างอรชรของหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาของโจนาธาน หล่อนนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ล้อมรอบด้วยโต๊ะหลายสิบตัว ทุกโต๊ะถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวมีเชิงเทียนทองเหลืองและแจกันแก้วทรงสูงปักกุกลาบแดงหนึ่งดอกวางไว้ตรงกลาง แน่นอนว่าทุกโต๊ะมีลูกค้าทั้งบุรุษและสตรี นั่งชื่นชมบรรยากาศและรสชาติอาหาร พร้อมทั้งดื่มด่ำความสุนทรียะจากเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงเป็นท่วงทำนอง
นิลอร รวิยานนท์ หญิงสาวผู้มีเครื่องหน้าสวยคมประดุจสาวซึ่งสืบเชื้อสายจากดินแดนภารตะ มีผิวเนื้อเนียนสีน้ำผึ้งคมขำอย่างที่นางอัปสรสวรรค์ได้ยลแล้วยังต้องนึกอับอาย ขณะนี้นิลอรได้ประสานฝ่ามือชื้นเหงื่อของตัวเองอยู่บนหน้าตักที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าปูโต๊ะอีกที รังสีอัมหิตซึ่งสถิตอยู่ ณ ที่นี้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอก้าวเข้ามา กำลังกลืนกินความเก่งกล้าของเธอจนเหลือเพียงความหวาดหวั่น และมันกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขน
“คุณอรครับ?” ชายหนุ่มในชุดสูทโก้หรูที่นั่งอยู่ตรงข้าม เอ่ยถามสาวงามด้วยความห่วงใยระคนใคร่รู้ เจ้าหล่อนดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าหล่อนยังไม่พร้อมงั้นเหรอ
“เอ่อ...อร อรว่าเรานัดเจอกันใหม่ดีไหมคะ วันนี้อรรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
หญิงสาวบอกปัด ภัทรพงษ์ นักธุรกิจหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงข้าม หากไม่เพราะสายตาคมเข้มของผู้ชายคนนั้นที่เอาแต่มองมายังร่างเธอ เธอคงตอบรับคำขอแต่งงานของภัทรพงษ์ไปแล้ว ‘ตาแก่บ้ากาม’ คนนั้น จะกลับมาวุ่นวายกับเธอทำไม! หรือที่ทำร้ายกันลงไป มันยังไม่พอ!
หญิงสาวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว ปากก็ละล่ำละลักเอ่ยขอโทษขอโพยภัทรพงษ์ยกใหญ่ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ตรงไปยังประตูทางออกท่ามกลางความงุนงงระคนตกใจของภัทรพงษ์
“เอ้า? คุณอรรอผมด้วยครับ!”
ภัทรพงษ์รีบจ่ายเงินค่าอาหาร เขาเห็นใครบางคนในชุดสูทสีนิลเดินตามนิลอรออกไปติดๆ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!
นาทีต่อมา บริเวณลานจอดรถของโรงแรม...
นิลอรรีบไขกุญแจรถด้วยมืออันสั่นเทา ความเจ็บปวดรวดร้าวขยายพองโตบีบรัดอวัยวะในร่างแทบแตกปริ เขาช่างกล้าหาญจ้องมองเธอราวกับติเตียนว่าที่เธอนั่งอยู่กับชายอื่นเป็นเรื่องผิดมหันต์ หน้าด้านเสียจริง! เขากล้าดีอย่างไรปรักปรำเธอด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนอย่างนั้น เธอจะไม่อยู่เผชิญหน้ากับเขาอีกครั้งแน่ๆ ถึงได้ยอมเสียมารยาทลุกออกมาจากโต๊ะของภัทรพงษ์อย่างนี้
“กล้าดียังไงฮะ!”
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อตะคอกถามใครบางคนที่อยู่ในห้วงคำนึง หยดน้ำตารินหลั่งทีละน้อย สองมือแทบจะยัดกุญแจเจ้ากรรมเข้าไปในรูแต่มันก็เปล่าประโยชน์ มือของเธอสั่นเกินกว่าจะทำมันได้สำเร็จ
“จะรีบไปไหนฮะ! ผู้หญิงร่าน!”
เสียงกร้าวแผดลั่นก้องลานโล่ง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเฮือก โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นนิลอรคงได้อับอายกับคำกล่าวหาอันทุเรศทุรังที่เขาหยิบยื่นให้
นิลอรในตอนนี้หวาดหวั่นจนเผลอทำพวงกุญแจรถยนต์ร่วงหล่นสู่พื้นซีเมนต์
“อย่ามากล่าวหาฉันนะคนสารเลว! คุณต่างหากที่ไม่รักษาสัญญา ทั้งๆ ที่ฉันกำลัง...” ฟันขาวราวไข่มุกขบกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่ออย่างต้องการลงโทษตัวเอง ที่เกือบจะสารภาพความจริงบางอย่าง หยาดน้ำตายังรินไหลไม่ยอมหยุดแต่มันไม่อาจลบล้างความผิดที่เขาก่อไว้ได้ และต่อให้เธอร้องไห้จนน้ำตาท่วมใจ เขาก็คงไม่สำนึกอยู่ดี
“กำลังอะไรฮะ!? เธอต่างหากที่หนีไปดื้อๆ ทั้งที่ฉันให้ทุกอย่าง! ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง รถยนต์ หรือเสื้อผ้าเครื่องประดับ เธอมันจอมวายร้าย โกหกหลอกลวงได้แม้กระทั่งคนที่นอนเตียงเดียวกับเธอ ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าเธอทำได้ยังไง!? นิลอร!”
สิ้นคำกล่าวหาครั้งที่สอง นิลอรก็หมดสิ้นความอดทน เธอปรี่เข้าไปฟาดฝ่ามือใส่แก้มเขา
เผียะ!
“ถ้าฉันมันเลวขนาดนั้น ก็อย่ามายุ่งกับฉัน! ไสหัวไปให้พ้น ผู้ชายเฮงซวย!”
โจนาธานกัดกรามแกร่งอย่างต้องการควบคุมมือสองข้างไม่ให้เอื้อมไปบีบลำคอของคนตรงหน้า หล่อนกล้าดีอย่างไรมาตบหน้าเขาแล้วยังยืนด่าเขาฉอดๆๆ อย่างนี้
“ฉันว่าเราคงต้องคุยกันยาวแล้วล่ะนิลอร และมันก็ไม่ใช่ที่นี่ เพราะผู้หญิงร่านๆ อย่างเธอ มันต้องคุยกันบนเตียง!”
“กรี๊ดดด!!!”