“เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย นั่งลงแล้วกินต่อเถอะ ฉันสัญญาว่าจะนั่งเงียบๆ เหมือนว่าฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยก็ได้” เขาเอ่ยด้วยเสียงเป็นงานเป็นการไม่ได้มีแววล้อเล่นใดๆ อรุณฉัตรเลยใจอ่อนและยอมนั่งลงข้างเขาเพื่อจัดการสลัดผักของเธอต่อ “ไม่ลองไส้กรอกแน่เหรอ” เขาถามขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าไร้แววล้อเล่นแต่อรุณฉัตรมั่นใจว่าในข้อนี้เขาต้องการยั่วเธอแน่ๆ
“ชาร์ลส์! ถ้าฉันมีมีดอยู่ในมือตอนนี้ คุณได้พรุนไปทั้งตัวแน่!”
“โอ...น่ากลัวจังเลย หึๆๆ”
ชาร์ลส์พูดพลางหัวเราะน้อยๆ ใบหน้าเขาสว่างสดใสในหน่วยตาคู่สวยของอรุณฉัตร ทั้งๆ ที่ด่าทอเขา แต่สายตากลับชื่นชมรอยยิ้มของพ่อเทพบุตรซาตาน มันคงชัดเจนมากกระมังเพราะแม้แต่เจ้าของรอยยิ้มยังรับรู้ได้เลย
“เธอชอบรอยยิ้มของฉัน...” พ่อเทพบุตรซาตานของครูสาวกล่าวอย่างขมขื่น มิได้ดีใจสักนิด ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองหล่อเหลาน่าหลงใหล ยามที่เขาเผยรอยยิ้มทีไร ต้องมีเสียงเอ่ยชมตามมาเสมอ แต่ทว่าคนที่เขาอยากให้มองเห็นและชื่นชมกลับไม่เคยเลยสักนิดที่จะหันมามองและใส่ใจ นิลอรก็คือคนคนนั้น คนที่เขาปรารถนาแต่ไม่สามารถครอบครอง หล่อนไม่ได้อยู่สูงจนเกินคว้า แต่มันไม่คุ้มค่าหากว่าได้หล่อนมาแต่เจ้าชีวิตของเขาต้องใจสลาย โจนาธาน คิงส์ จะต้องไม่เจ็บช้ำเพราะเด็กในปกครองอย่างเขาอีกเป็นครั้งที่สอง นี่ต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องจดจำให้ขึ้นใจ
“ปะ...เปล่านะ! ใครจะไปชอบรอยยิ้มของคุณ ยิ้มหรือแยกเขี้ยวก็ไม่รู้ น่ากลัวจะตาย” เอ่ยไปเรื่อยทั้งที่ในใจกำลังชื่นชมรอยยิ้มบาดทรวงของชายหนุ่มอยู่จริงๆ
“เอลลี่...ฉันว่าเธอคงอยากกินไส้กรอกอุ่นๆ ของฉันใช่ไหม ถึงได้พูดอย่างนั้นออกมาน่ะ”
อรุณฉัตรยกมือขอยอมแพ้ในทันทีที่ถูกขู่กลายๆ เธอไม่มีทางอยากกินไส้กรอกยักษ์ของเขาเป็นเด็ดขาด!
ชาร์ลส์ยิ้มน้อยๆ เมื่อครูสาวหุบปากช่างจ้อและเริ่มลงมือรับประทานอาหารอย่างจริงจังเสียที เขาลุกไปที่ตู้เย็นเพื่อรินน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เจ้าหล่อน เลยได้รับรอยยิ้มสดใสเป็นสิ่งตอบแทน
“ความเป็นสุภาพบุรุษกลับคืนมาแล้วห้าเปอร์เซ็นต์เจ้าค่ะนายท่าน” เอลลี่พูดพลางส่งยิ้มสดใสไปให้ และอยากถามเขาเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นของเธอ แต่ว่าแขกไม่ได้รับเชิญโผล่มาขัดจังหวะเสียก่อน
“โอ...ที่นี่มีปาร์ตี้ชุดนอนหรือไงจ๊ะ ทำไมพวกเธอใส่ชุดนอนแต่ยังไม่ไปนอนกันล่ะ” เอลิซเปิดฉากจิกกัดครูสาวเล็กน้อย ก็เจ้าหล่อนเล่นสวมชุดนอนมานั่งรับประทานอาหาร ถึงแม้จะมีเสื้อคลุม เธอก็ไม่ชอบใจอยู่ดี สาวโสดกับชายหนุ่มที่มากด้วยเสน่ห์อยู่ด้วยกันสองต่อสองในชุดที่ปลดเปลื้องง่ายๆ เธอไม่อยากคิดต่อหรอกว่ามื้อค่ำของพวกเขาจะไปจบลงที่ใด
“อ้อ...คือ คือเอลลี่เพิ่งจะมีเวลามากินมื้อค่ำค่ะ คุณเอลิซต้องการอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวเอลลี่จัดการให้” ครูสาวอาสาแม้ว่ามือข้างหนึ่งจะถือช้อนค้างอยู่ก็ตาม
เอลิซมองบุรุษที่นั่งรับประทานอาหารเงียบๆ แล้วชักเคืองใจ ตั้งแต่เธอกลับมาอยู่ที่นี่ เขาไม่ยอมร่วมโต๊ะอาหารกับเธอตามลำพังสักครั้ง แต่เขากลับยอมให้ยัยครูพี่เลี้ยงที่เพิ่งมาใหม่มานั่งร่วมโต๊ะด้วย อย่างนี้เหมือนหยามกันชัดๆ เขาจะบอกให้เธอรู้ใช่ไหมว่าหากต้องการร่างกายเขา คงมีทางเดียวเท่านั้นก็คือวางยาแล้วลากเข้าห้องซะ และมันใกล้จะทำให้เธอหมดความอดทนแล้ว สักวันเธอจะลากคนหยิ่งยโสคนนี้เข้าห้องของเธอและจัดการกำราบให้เขายอมสยบอยู่แทบเท้าให้ได้ คอยดู!
“ฉันอยากได้น้ำส้มสักแก้ว เธอรินให้ฉันหน่อยสิ” เอลิซสั่งครูพี่เลี้ยง ในความคิดของเธอ ยัยเอลลี่คนนี้ก็มีหน้าที่ไม่ต่างจากคนใช้
“ค่ะ เดี๋ยวเอลลี่รินให้ รอแป๊บเดียวนะคะ” อรุณฉัตรยิ้มให้เอลิซก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปรินน้ำส้มในตู้เย็นให้เจ้านายสักแก้ว แต่ทว่าฝ่ามือของบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในห้อง กลับดึงข้อมือเธอไว้อีกครั้ง นี่เขาจะเอาอะไรอย่างนั้นหรือ อะไรล่ะ รีบบอกมาสิ เธอจะได้หยิบมาให้
“เอลลี่เลิกงานแล้วครับคุณเอลิซ แล้วสาวใช้ประจำตัวของคุณล่ะ ทำไมไม่ใช้ให้หล่อนลงมาเอา เกรงว่าคุณคงต้องรินน้ำส้มเองแล้ว เพราะว่าครูเอลลี่ไม่ว่าง” เขากล่าวด้วยเสียงเรียบเย็นจนอรุณฉัตรขนลุกซู่ สองคนนี้ไม่ถูกกันเหรอ เธอรู้สึกว่ากระไอความมึนตึงกำลังลอยวนอยู่รอบๆ ตัว และดูเหมือนว่าจะคลี่คลุมทุกอณูอากาศภายในห้องครัวเสียด้วย
เอลิซยืดกายขึ้นอย่างถือดี ใบหน้าสวยเชิดขึ้นน้อยๆ อย่างคุณหนูผู้ดีที่หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรี
“อ่า...คือว่า...แค่รินน้ำส้มแก้วเดียว ฉันทำให้คุณเอลิซก็ได้ มันไม่ได้หนักหนาอะไร” ครูสาวเถียงเจ้าของมือที่ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือเธอเสียที
“ได้ยินไหมชาร์ลส์ เอลลี่เต็มใจทำให้ฉัน” เอลิซเอ่ยออกมาอย่างผู้ชนะ ริมฝีปากคลี่ยิ้มเย้ยหยันพร้อมๆ กับดวงตาของหล่อนที่เปล่งประกายความสะใจ
“นั่งลงเถอะเอลลี่ เดี๋ยวฉันรินน้ำส้มให้คุณเอลิซเอง”
อรุณฉัตรชักงง เขาคิดจะทำอะไรของเขากันล่ะ ตอนแรกทำเหมือนไม่พอใจที่เธอถูกใช้ แต่ตอนหลังกลับอาสาเป็นคนที่ถูกใช้แทนเสียนี่
ครูสาวนั่งลงแต่โดยดี ไม่ใช่เพราะหล่อนเชื่อฟังที่เขาสั่งหรอกนะ แต่เพราะแรงบีบที่ข้อมือและนัยน์ตาสีเทาน่ากริ่งเกรงคู่นั้นต่างหาก
“กินต่อสิเอลลี่ หรือว่าต้องได้รับกำลังใจก่อนถึงจะมีแรงยกช้อนกับส้อม”
เขาถามเธออยู่หรือเปล่า อรุณฉัตรก็ไม่ค่อยแน่ใจ ได้แต่อ้าปากหวอเพราะกะจะอ้าปากถาม แต่เขากลับใช้ริมฝีปากกดลงข้างแก้มเธอแทนคำตอบ
จุ๊บ...