ลมทะเลและแสงตะวันที่สาดส่องร้อนแรงตลอดช่วงบ่ายทำให้นักท่องเที่ยวที่ตากแดดนานหลายชั่วโมงเกิดความอ่อนเพลียและไม่อยากจะทำอะไรต่อ กอหญ้ารู้สึกเหนียวเนื้อตัวทั้ง ๆ ที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เธออยากจะกลับเข้าห้องไปนอนตากแอร์เย็น ๆ ฟังเพลงสากลฮิตติดชาร์จประจำสัปดาห์และจัดการเคลียร์งานที่แบกมาทำด้วย แต่ในเมื่อการเดินทางในครั้งนี้มากันเป็นกลุ่ม เรื่องจะให้หนีกลับไปนอนคนเดียวก็คงเป็นไปได้ยาก
กอหญ้าถอนหายใจยาว เธอรับอาสาจากเพื่อน ๆ ดูแลจัดหาเครื่องดื่มและกับแกล้มในราคาประหยัด เพราะจันทร์เจ้าตัวดีเสนอว่าอยากจะนั่งฟังเพลงริมทะเลและจิบเครื่องดื่มที่ราคาไม่แรงมากนัก แทนการสั่งจากบาร์ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม
ยัยตัวแสบไปหาเรื่องทะเลาะกับลูกค้าจนถูกพักงาน ช่วงนี้จึงต้องประหยัดให้มากเพราะยังเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าคอนโดมิเนียมต้องผ่อนจ่าย กอหญ้าเองก็ต้องระวังเหมือนกัน เพราะมีแววว่าจะถูกให้ออกจากงานมากกว่าพักงานเสียอีก
สถานการณ์แบบนี้ ประหยัดเอาไว้ก่อนดีกว่า
หลังจากยืนต่อแถวยาวเหยียดในร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรมนานเกือบสิบห้านาที มือเรียวก็หอบหิ้วเอาเครื่องดื่มกระป๋องหลากหลายสีสันกลับมาด้วย กอหญ้าจำได้ดีว่าเพื่อนคนไหนชอบดื่มอะไร ความเอาใจใส่ทำให้คนรอบตัวเอ็นดูและไม่บ่นหากเธอจะเผลอทำอะไรซุ่มซ่ามไปบ้าง
“มาแล้วววววว” คนมีน้ำใจประจำกลุ่มวิ่งกระหืดกระหอบ สองแขนเริ่มล้าจากการแบกของหนักนานเกือบสิบนาที แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนมีความอดทนสูง เรื่องบ่นว่าปวดเมื่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงไม่มีหลุดออกจากปาก ทว่าสุดท้ายกอหญ้าก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อพบว่าบรรยากาศระหว่างเพื่อนทั้งสามคนที่รออยู่ ดูไม่ราบรื่นเหมือนช่วงบ่ายที่ผ่านมาเสียแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอริน แล้วปลาดาวกับจันทร์เจ้าจะไปไหน”
“สองคนนั้นคงจะไปเดินเล่นชายหาดกันต่อละมั้ง รินขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ” มารินอ้างว่าเธอรู้สึกเหนื่อย จึงไม่อยากออกไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนกับปลาดาวและจันทร์เจ้า
“อืม ว่าแต่หญ้าได้อะไรมาบ้างเนี่ย เยอะแยะไปหมดเลย มาให้ปล้นซะดี ๆ” กอหญ้าพอจะมองว่าเพื่อนกำลังฝืนยิ้ม แต่ก็ไม่กล้าถามไถ่อะไรมาก หากมารินอยากเล่าเมื่อไหร่ เธอก็คงจะได้ทราบเอง
“ก็มีของกินเผื่อหิวตอนดึกนั่นแหละ ต้องทำงานด้วยเลยต้องตุนนิดหน่อย” ในถุงผ้าที่หอบมามีเครื่องดื่มที่มากพอสำหรับทุกคน แต่กลับไม่มีใครยอมรอเธอ กระทั่งมารินก็ขอตัวกลับไปพักที่ห้อง ไม่ได้อยู่สังสรรค์กันอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
กอหญ้าถอนหายใจ สงสัยคงต้องปั่นงานยาวแล้วละคืนนี้
“โธ่เว้ย! ทำไมถึงคิดไม่ออกนะ!” สาวสวยที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยบ่นพึมพำ เธอจิ๊ปากหลังจากเห็นว่าภาพในสมุดสเก็ตช์ดูไม่สวยอย่างที่คิดเอาไว้
“พอก็ได้!” ปากบอกแบบนั้นก็จริง แต่มือเรียวกลับขยับร่างภาพไปมาไม่ยอมหยุด และสุดท้ายก็ฉีกกระดาษที่ขูดขีดดินสอลงไปได้ไม่นานออกมา พร้อมกับขยำและปาทิ้งไปที่มุมห้องอย่างแรง
มองดูดี ๆ มีก้อนกลมสีขาวกองอยู่บนพื้นเกือบยี่สิบก้อน
“พอแล้วจริง ๆ ก็ได้” กอหญ้าปรายตามองทรัพยากรป่าไม้ที่เธอเพิ่งจะทำให้มันกลายเป็นของไร้ค่า หมดประโยชน์ใช้งานอะไรไม่ได้อีก ความจริงเพื่อนร่วมอาชีพหลายคนนิยมใช้แอปพลิเคชันในการวาดภาพ แต่เธอยังชอบเนื้อสัมผัสและการร่างภาพบนกระดาษอยู่ ผลก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น
ต้นไม้ตายฟรีไปหลายต้น…
“กอหญ้าเอ๊ย นี่ถ้ายังหาทางทำให้เจ้านายใหม่พอใจไม่ได้ แกคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นกินหญ้าแทนแล้วนะ!” ถ้าตกงานจริง ๆ เธอก็ยังพอมีเงินเก็บและน่าจะอยู่ต่อได้สบาย ๆ อีกเกือบปี แต่ต้องกินแค่วันละสองมื้อและจะต้องเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น
หลังจากเสิร์ชข้อมูลบนโลกออนไลน์ได้อยู่เกือบสิบนาที กอหญ้าก็เริ่มสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเครียด เธอโคลงศีรษะเบา ๆ ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องพัก โดยไม่ลืมพับแล็ปท็อปที่มีคำค้นประหลาด ๆ อยู่บนหน้าจอ
‘คนสามารถกินหญ้าเป็นอาหารได้หรือเปล่า?’
ใจลึก ๆ ก็อยากจะไปตามหาจันทร์เจ้ากับปลาดาว แต่สองคนนั้นไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ส่วนมารินเองก็ทำหน้าเศร้า บอกชัดว่าอยากอยู่คนเดียว
“เอ๊ะ! หรือว่าจะไปกวนฟองคลื่นดี” แต่จะให้เรียกรุ่นน้องคนสวยมารับฟังปัญหาของคนวัยทำงานมันก็คงไม่เข้าท่า ฟองคลื่นอุตส่าห์ให้พักในโรงแรมในราคาพิเศษ ไปกวนใจน้องก็คงไม่เหมาะ
วันนี้คงต้องพึ่งพาตัวเอง… เหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา
สองขาเรียวพาร่างสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรเดินตรงไปยังบาร์ริมสระน้ำเพื่อหาอะไรดื่มคลายเครียด กอหญ้าไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่ซื้อมาจึงมีแค่น้ำอัดลม ส่วนเบียร์ของเพื่อนนั้นขมจนเธอดื่มไม่ไหว ไม่ว่าจะราคาถูกหรือแพง เข้าปากทีไรขมหนักทุกที แต่ถ้าเป็นค็อกเทลสักแก้วก็น่าจะพอไหวอยู่
“ขอโทษนะคะพี่ภู กอหญ้าขอพีนา โคลาดาสักแก้วทันไหมคะ” เธอสั่งค็อกเทลที่ตัวเองชื่นชอบ กอหญ้าชอบกลิ่นของกะทิและน้ำสับปะรดมาก มันทำให้ลืมความขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย จริง ๆ เธอจะขอให้บาร์เทนเดอร์พี่ภูไม่ใส่เหล้ารัมก็ได้ แต่ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์สักสองสามหยดในคืนนี้ เธอคงกลับเข้าห้องไปทำงานต่อแทนการพักผ่อนอย่างที่ตั้งใจ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับน้องกอหญ้า พอดีพี่ปิดบาร์ได้สักพักแล้วละครับ” ภูผา บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่ออารมณ์ดีนิ่วหน้า เขาจำได้ดีว่าสาวสวยคือเพื่อนรุ่นพี่ของคุณฟองคลื่น ลูกสาวเจ้าของโรงแรม เธอมากับเพื่อนหลายคนและดื่มแค่น้ำผลไม้ตลอดช่วงบ่าย แต่ตอนนี้กลับอยู่คนเดียว แถมสั่งเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อีกต่างหาก
“เดี๋ยวกอหญ้ากลับไปหาอะไรดื่มที่ห้องก็ได้ค่ะ” แต่หลังจากภูผาคิดคำนวณอยู่ได้ไม่ถึงนาที เขาก็โพล่งออกไปว่าจะเปิดบาร์และทำเครื่องดื่มให้กับเธอ
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ กอหญ้าเกรงใจ เดี๋ยวไว้กลับมาดื่มพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” รอยยิ้มแฝงความเหนื่อยล้าของเธอทำให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มยืนยันว่าจะเปิดบาร์อีกครั้ง จนเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมา ทั้งสองจึงได้หยุดเกรงใจกัน
“มาดื่มกับผมดีกว่า ไม่งั้นนายภูผาคงตื๊อคุณไม่หยุดแน่ ๆ” กอหญ้าหันไปตามเสียงนุ่ม พบชายหนุ่มร่างสูงมากกว่าเธออย่างน้อยก็ราวยี่สิบเซนติเมตรยืนอยู่ใกล้ ๆ เขาสวมเสื้อสีขาว พับแขนจนถึงข้อศอก กางเกงสีดำถูกพับขึ้นไม่ต่างกัน ความมืดทำให้เธอมองไม่เห็นหน้าของเขา เห็นแค่ฟันเรียงสวยยามยิ้มกว้างและแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ทำให้คนมองต้องกลืนน้ำลายเบา ๆ
หุ่นดีขนาดนี้ สมควรจะปลดกระดุมทั้งหมด ไม่ใช่แค่สองสามเม็ด…
“ดื่มด้วยกันนะครับคุณ” กอหญ้าไม่ใช่คนมนุษยสัมพันธ์ดีถึงขั้นที่จะออกไปกับคนแปลกหน้า แต่พอถูกเรียกเสียงอ่อนเสียงหวานปานตัวเองเป็นนางเอกในละครทีวีที่เคยดูตอนเด็ก ๆ เธอก็อดใจอ่อนไม่ได้ ที่สำคัญคือเกรงใจบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเปิดบาร์ให้ได้
“กอหญ้าไปดื่มกับคุณเขาก็ได้ค่ะ กอหญ้าไม่อยากรบกวนพี่ภู” เธอยิ้มกว้างให้กับบาร์เทนเดอร์ที่ดูแลกันตลอดช่วงบ่าย ก่อนจะเดินนำผู้ชายที่ไม่รู้จักออกจากบาร์ ตั้งใจว่าพ้นบริเวณนี้แล้วค่อยขอตัวกลับห้องไปทำงาน
แต่เสียงแก้วไวน์กระทบกันทำให้เธอเริ่มเกรงใจ เขาคนนั้นขอให้บาร์เทนเดอร์พี่ภูหยิบแก้วให้ ก้าวขายาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็ตามกันทันแล้ว
โลกคงไม่อยากให้กอหญ้าอยู่คนเดียวจริง ๆ
“ไปนั่งที่ริมสระดีกว่านะครับ ตรงนั้นสว่างหน่อย เราจะได้เห็นหน้ากันชัด ๆ” ดวงตาของคนพูดทอประกายวาววับจนกอหญ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย กลิ่นตัวของเขาหอมมาก แต่พอขยับเข้าใกล้กลิ่นเหล้าก็ลอยมาเตะจมูก กอหญ้าจึงถอยห่างตามสัญชาตญาณ ทว่าพอเห็นใบหน้าหล่อคมคร้ามต้องแสงไฟริมสระ เธอก็ถึงกับต้องกลั้นหายใจทันที
หล่อจนกอหญ้าลืมเรื่องกลิ่นเหล้าฉุน ๆ เลยทีเดียว!