คืนวันเพ็ญ

1485 Words
บ่ายวันนี้บรรยากาศในหมู่บ้านคึกคักกว่าสองสามวันที่ผ่านมาเพราะเป็นวันลอยกระทง ผู้คนมากหน้าหลายตาจากหมู่บ้านใกล้และไกลเริ่มทยอยกันมาเที่ยวงาน “ทำไมชาวบ้านยังไม่พากันลอยกระทงอีกคะ” เสียงใสถามเจ้าของเรือนร่างกำยำขณะเจ้าตัวเดินกลับเข้ามาในกระท่อม “งานวัดเริ่มจัดตั้งแต่เช้าก็จริง แต่กระทงคนเขาจะเริ่มลอยกันตอนเย็นหรือไม่ก็ช่วงกลางคืน” เสียงทุ้มบอกแบบไม่เงยหน้ามามอง เพลิงก้มหน้าก้มตาเหลาไม้ไผ่ในมือเพื่อทำคันเบ็ดอันใหม่ คนได้ฟังคำตอบถึงกับหน้าหงอยทันที “คิดว่าจะได้เห็นกระทงตั้งแต่ตอนเช้าเสียอีก” เสียงแผ่วงึมงำ วันนี้สายชลออกไปนั่งห้อยขารอดูกระทงที่ท่าน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ เธอเคยได้ยินพรายตนอื่นเล่าให้ฟังว่าในวันลอยกระทง ผู้คนจะนำสิ่งที่เรียกว่ากระทงมาลอยน้ำ แสงเทียนจากกระทงมากมายเมื่ออยู่รวมกันบนผืนน้ำกว้างใหญ่จะให้ความสว่างไสว ทั้งยังสวยงามราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า “ฉันจะออกไปข้างนอก เธออยู่ที่นี่ก็อย่าก่อเรื่องล่ะ” คนทำงานตัวเองเสร็จแล้วเอ่ยขึ้น “สายชลไปด้วยได้ไหมคะ” “ไม่ได้ ฉันไม่ชอบเป็นจุดสนใจใคร” หากสายชลเข้าไปในงานคงมีคนถามว่าเธอเป็นใครแน่นอน ใบหน้ากับผิวกายที่ขาวซีดจนสะดุดตา สีผมเขียวเข้มอมดำแปลกคนอย่างนี้เขาจะบอกคนอื่นว่าอย่างไร ยิ่งเธอยืนกลางแดดนาน ๆ ผิวกายและสีผมที่ต้องแสงแดดยิ่งเด่นชัด “ถ้ามีคนถามก็บอกว่าสายชลเป็นคนรู้จักมาเที่ยวงานลอยกระทงก็ได้นี่คะ” “แต่ฉันไม่ทำความรู้จักกับพวกผู้หญิง” ว่าเธอเสียงดุแล้วเดินไปหยิบเสื้อม่อฮ่อมตัวใหญ่มาสวม ก่อนจะเดินออกไปทางสวนกล้วยด้านหลัง ปล่อยให้พรายสาวตัวน้อยยืนหงอยอยู่คนเดียว ตกเย็นเสียงเพลงในงานวัดดังขึ้นไกล ๆ บนท้องฟ้าเริ่มมีคนปล่อยโคมไฟและจุดพลุ ลำคลองหน้ากระท่อมเริ่มมีบางสิ่งลอยมาทีละอันสองอันและมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากรูปร่างของมันแล้วเธอก็รู้ว่ามันคือกระทง ถึงจะไม่เคยเห็นของจริงแต่ในตำราพรายก็บรรยายลักษณะของมันไว้ “ว้าว สวยจัง” พรายสาวยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเปลื้องผ้าออกแล้วกระโจนลงน้ำ มือเรียวจับกระทงที่ถูกกระแสน้ำพัดมาทีละอัน ดำผุดดำว่ายเล่นกระทงน้อยใหญ่ด้วยรอยยิ้มร่า ยิ่งมืดค่ำกระทงในลำคลองยิ่งเพิ่มมากขึ้น สายชลเก็บกระทงของผู้คนที่ยังมีสภาพดีอยู่ขึ้นมาบนท่าน้ำสองสามอัน แล้วปล่อยมันลอยไปกับสายน้ำราวกับเป็นกระทงของตัวเอง “ลอยไปเลย ลอยไปเลย” เสียงใสก้องกังวานไปทั่วสองฝั่งคลอง พรายสาวตัวน้อยดำผุดดำว่ายเล่นกระทงที่ลอยมาเกาะกันเป็นกลุ่มอย่างสนุกสนาน ยิ่งฟ้ามืดเท่าไหร่ ดึกมากแค่ไหน แสงไฟในกระทงที่ลอยมารวมกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ลำคลองที่เคยมืดมิดยามตะวันลาฟ้า ในวันนี้กลับสว่างไสวมีแต่แสงไฟเต็มไปหมด “เหมือนดาวบนท้องฟ้าจริง ๆ ด้วย” พรายสาวคุยกับตัวเองขณะขึ้นมานั่งห้อยขาบนท่าน้ำ เวลาผ่านไปนานจนดึกดื่นเมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นว่าใครบางคนจะกลับมาสักที พรายสาวจึงส่งยิ้มบาง ๆ ให้กระท่อมหลังน้อยก่อนจะโบกมือลามันแล้วกระโจนลงน้ำไป “ไปแล้วนะเจ้ากระท่อมน้อย สายชลต้องไปอยู่ที่อื่นแล้ว” เพลิงให้เธออยู่ที่นี่วันนี้เป็นวันสุดท้าย ถึงจะไม่รู้ว่าจากนี้ต้องไปอยู่ที่ไหนเพราะกลับบาดาลไม่ได้ แต่ก็ไม่ดึงดันที่จะอยู่ต่อเพราะเพลิงคงไม่สะดวกใจที่เธออยู่ที่นี่ พรายสาวดำดิ่งลงสู่ก้นคลอง นาน ๆ ครั้งจะผุดขึ้นจากน้ำ ลอยคอไปเรื่อย ๆ ซ่อนตัวตามกระทงกลางน้ำที่ลอยเกาะกันเป็นกลุ่มไม่ให้ผู้คนบนบกมองเห็น ในใจนึกถึงพี่สาวที่หายตัวไปตั้งแต่วันนั้น ได้แต่ภาวนาให้พี่สาวปลอดภัย ขอให้ไม่ถูกจับได้ และกลับบาดาลไปแล้ว “จะว่าไปแล้วทำไมถึงยังไม่มีพรายขึ้นมาอีกนะ ที่จริงพอพระอาทิตย์ตกดินก็ต้องพากันขึ้นมาแล้วนี่นา” เสียงใสพึมพำขณะดำน้ำไปเรื่อย ๆ คืนนี้เป็นคืนที่เหล่าพรายจะขึ้นมาบนโลกมนุษย์ น่าแปลกที่เธอสัมผัสถึงพลังพรายด้วยกันไม่ได้เลยสักตน ยิ่งไปกว่านั้นมีลางสังหรณ์ว่าจะไม่มีใครขึ้นมาที่นี่ด้วยสิ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ “ตั้งใจว่าถ้าเจอพรายจะถามข่าวพี่สายธารสักหน่อย” ตู้มม! เสียงของหนักตกกระทบน้ำก่อนจะมีเสียงผู้คนกรีดร้องตามมาติด ๆ ร่างอรชรใต้ผืนน้ำเงี่ยหูฟังแล้วก็รีบดำดิ่งไปยังต้นเสียง “กรี๊ดด! ช่วยด้วย ไอ้ดำลูกอีส้มตกน้ำ!” เสียงผู้คนบนบกร้องโหวกเหวกโวยวาย เด็กผู้ชายตัวน้อยกำลังร่วงลงสู่ก้นคลอง พรายสาวเมื่อดำน้ำไปถึงก็รีบเข้าไปช่วยดันตัวเด็กให้โผล่พ้นน้ำ โดยใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งปิดตาเด็กน้อยเอาไว้ด้วย “แง้! แม่ช่วยด้วย ในน้ำมันมีผีพราย” เมื่อดันเด็กน้อยขึ้นสู่ผิวน้ำใกล้ท่าน้ำได้ คนถูกช่วยก็รีบร้องบอกคนบนบกด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว สายชลไม่ได้โผล่ขึ้นไปเหนือน้ำพร้อมกับเด็กน้อย เธอเพียงแค่ช่วยออกแรงดันเด็กน้อยอยู่ใต้น้ำเท่านั้น “ผีพรายเหรอ!” “ไหน ๆ เอาแหมาจับมันเร็ว แหปลุกเสกของพ่อหมอน่ะ รีบเอามาจับมัน” ขณะที่บนบกยังคงวุ่นวาย พรายสาวที่อยู่ใต้ผืนน้ำก็เริ่มตื่นตระหนก เมื่อได้ยินเสียงของหนักบางอย่างกระทบผืนน้ำ มองขึ้นไปถึงรู้ว่าเป็นแหผืนใหญ่กำลังจมดิ่งลงมา สายชลทำอะไรไม่ถูก เธอดำน้ำวนเวียนอยู่จุดเดิมด้วยความตื่นกลัว “ไม่นะ…” โพรงปากน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อแหผืนใหญ่จมดิ่งลงมาใกล้มากขึ้น ร่างอรชรดำน้ำวนไปมาเพราะรอบ ๆ แหมีเม็ดทรายปลุกเสกหว่านลงมาด้วย หากแตะต้องมันเพียงนิดกายนี้จะเจ็บปวด และจะค่อย ๆ แห้งตายเมื่อแตะต้องมันในปริมาณที่มากขึ้น “ช่วยด้วย พี่สายธารช่วยสายชลด้วย” เสียงสั่นของพรายสาวดังก้องผืนน้ำ สองตางามสั่นระริกกวาดมองไปรอบตัว อีกคืบเดียวเท่านั้นที่แหปลุกเสกจะสัมผัสกายบาง พรายสาวหลับตาปี๋กอดตัวเองแน่น พลันนั้นร่างใหญ่ของใครบางคนที่ดำดิ่งตรงเข้ามาก็โอบกอดกายนี้เอาไว้ “คุณ…” สองตางามเบิกกว้างด้วยความยินดีปนตกใจเมื่อสบตากัน ใต้น้ำตอนนี้เพลิงพูดอะไรไม่ได้ เขาโอบกอดสายชลไว้ด้วยแขนข้างเดียว ก่อนจะค่อย ๆ พาลอยขึ้นไปเหนือผืนน้ำ มืออีกข้างก็ไม่ได้ปล่อยว่าง เขากระชากแหผืนใหญ่ที่ขวางทางออก ซ่าา! “จะโยนแหลงมาทำไมเนี่ย!” เสียงดุของคนลอยคอเหนือผืนน้ำเอ่ยกับกลุ่มคนบนบก แสร้งว่าในน้ำไม่มีอะไรนอกจากเขา ขณะเดียวกันร่างบางใต้ผืนน้ำก็ซบหน้าเข้าหาหน้าท้องแกร่งไว้ “อ้าว?” / “ไอ้เพลิง!” คนบนบกหลายคนเริ่มเอะอะเมื่อเห็นว่าคนที่โผล่เหนือน้ำไม่ใช่ผีพรายที่ไหน “โธ่ กูก็นึกว่าผีพรายเหมือนไอ้แดงมันบอก” ลุงคนหนึ่งว่า “แต่แดงเห็นผีพรายจริง ๆ นะลุง มันเอามือปิดตาแดงไว้” เด็กชายตัวน้อยรีบเถียง “ถ้าผีพรายมันปิดตามึงไว้ แล้วมึงเอาตาไหนมาเห็นมัน” เพลิงว่าพลางตวัดสายตาใส่เจ้าเด็กน้อยนั่น ถึงจะรู้ว่าเด็กไม่ได้โกหกแต่เขาก็บอกความจริงไม่ได้เหมือนกัน “ก็…” “ลอยเสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยวในงานโน่น อย่ามานั่งเขี่ยกระทงคนอื่นเล่นแถวนี้” ว่าเด็กน้อยเสียงดุแล้วก็ลอยคอหนีไปโดยมีร่างเล็กใต้ผืนน้ำกอดรอบเอวสอบไว้แน่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD