แค่คืนนี้

1750 Words
“ว้าว หอมจัง” เสียงใสเอ่ยขึ้นเมื่อจานปลาย่างกับกระติบข้าวเหนียวร้อน ๆ ถูกใครบางคนวางมันลงตรงหน้า พร้อมกันนั้นยังมีน้ำพริกถ้วยเล็กกับผักสดสามสี่อย่างวางไว้ข้างกัน “ปกติเธอกินข้าวยังไง” คนที่นั่งลงเอ่ยถามพลางแกะปลาย่างร้อน ๆ ใส่จานให้คนตรงหน้า “ไม่กินค่ะ อยู่ในเขตอาคมของบาดาลจะอิ่มทิพย์ แต่ถ้าขึ้นมาบนนี้ก็จะหิวนิดหน่อย ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ” พวกพรายไม่ได้สนใจอาหารการกินของมนุษย์ ทุกครั้งที่ขึ้นมาทำหน้าที่ก็จะดื่มเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น ยังไงเสียก็ต้องกลับบาดาลอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินอะไร “แล้วตอนนี้ล่ะหิวไหม” เสียงทุ้มถามเมื่อเห็นดวงตากลมเอาแต่จ้องมองเนื้อปลาที่เขาวางใส่จานเธอ “ค่ะ” “หิวก็กินเข้าไป นี่ข้าว” ว่าแล้วก็ดันกระติบข้าวเหนียวไปใกล้คนตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองบ้าง “กลืนลงท้องได้เลยเหรอคะ เหมือนน้ำเปล่าใช่ไหม” “เคี้ยวก่อนสิ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก” “สายชลไม่ตายเพราะอาหารติดคอหรอกน่า” หัวเราะคิกคักใส่เขาแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารของตัวเอง “ปกติคุณกินข้าวคนเดียวแล้วก็อยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้เหรอคะ” “อือ” “เหงาไหมคะ” “ไม่” “ทำไมล่ะ มีเพื่อนเยอะ ๆ สนุกกว่านะ มนุษย์ไม่ได้ชอบสังสรรค์กันหรอกเหรอคะ” “ฉันรำคาญเวลามีคนมาจุ้นจ้านในพื้นที่ของฉัน” ตอบเธอพร้อมตวัดตามองจคนถามรู้ตัว “วู้” ส่งเสียงเบา ๆ ออกมาเมื่อเขาตอบแบบนั้น หลังจากมื้อเช้าผ่านไปเธอก็เอาแต่เดินตามเขาต้อย ๆ ไม่ว่าเพลิงจะเข้าสวนเพื่อไปดูว่ามีหัวปลีสวย ๆ หรือหยวกกล้วยงาม ๆ ไหม เธอก็ตามเขาไป ทั้งยังถามอะไรเยอะแยะจนเขาแสดงท่าทีหงุดหงิดใส่ กระทั่งเพลิงกลับกระท่อมมาซักผ้า ทำงานบ้าน พรายสาวก็ยังตามเขาไม่เลิก ปึก! “อ๊ะ!” “แล้วเธอจะเดินตามฉันทำไม” เสียงดุหันไปว่าคนที่ยืนลูบจมูกตัวเองปอย ๆ พอเขาหยุดเดินคนที่ตามหลังมาติด ๆ ก็ชนเข้าเต็มแรง “ก็สายชลอยากช่วยคุณนี่” “แล้วที่เดินตามฉันทั้งวันนี่ได้ช่วยอะไรบ้างหรือยัง” ดุเธอแล้วก็ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังงุดหน้าลง “ก็คุณไม่สอนสายชลนี่” “เธออยู่ที่นี่แค่คืนเดียว จะให้ฉันสอนอะไร” พูดจบแล้วก็ตวัดตาใส่ เพลิงเดินเข้าไปในสวนกล้วยอีกครั้งโดยไม่หันกลับไปมองคนด้านหลัง เขาเลือกตัดต้นกล้วยต้นหนึ่งเพื่อใช้มันทำเป็นกระทงสำหรับลอยคืนนี้ “แล้วทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ” หนุ่มใหญ่พึมพำ ทุกปีพอถึงงานลอยกระทง ปืนจะรบเร้าให้เขามาเที่ยวงานที่หมู่บ้านโดยให้เหตุผลว่า ‘แม่กูทำกระทงไว้ให้มึงแล้ว’ และนั่นทำให้เขามาลอยกระทงคู่กับเพื่อนรักทุกปี ทั้งที่คนอย่างเขาไม่ได้ใส่ใจกับงานแบบนี้เลย “ทีนี้ก็ไปหาดอกไม้มาใส่ หรือไม่ก็เอาใบตองมาพับใส่ในนี้…” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมหันไปยื่นต้นกล้วยที่ตัดออกเป็นท่อนบาง ๆ ให้คนที่คิดว่าตามมา พอเห็นว่าไม่มีใครก็มองหา “หายไปไหน” ว่าแล้วก็เดินจ้ำอ้าวออกมาจากสวน “...?” พอถึงกระท่อมก็เห็นว่ามีเสื้อผ้าที่ใครบางคนเคยสวมไว้ถูกถอดกองรวมกันบนแคร่หน้ากระท่อม “...กลับไปแล้วเหรอ” ไม่รู้ทำไมก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายถึงกระตุกวูบ จู่ ๆ มือใหญ่ก็โยนต้นกล้วยที่ตัดมาทำฐานกระทงทิ้งไปด้วยความหงุดหงิด ซ่าา! ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นตรงท่าน้ำก็ทำให้หัวใจแกร่งกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง สองขาที่กำลังก้าวขึ้นกระท่อมชะงักไว้ “อึบ!” ร่างอรชนปีนขึ้นมาที่ท่าน้ำ เธอสบตากับเขาแล้วก็ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวให้ “สายชลไปแช่น้ำมาค่ะ” บอกเขาพร้อมโบกมือให้ก่อนจะหอบเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้ามา “ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” ว่าจบก็เดินหนีเข้าไปในกระท่อม ปล่อยให้พรายสาวสวมเสื้อผ้าอยู่ด้านนอก “ไม่ได้อยากรู้หรอกเหรอ?” พรายสาวขมวดคิ้วเอียงคอทำท่าไม่เข้าใจ “แต่แววตาเขาเหมือนสงสัยว่าเราหายไปไหนนี่นา” คิดไปคิดมาก็ส่ายหัวรัว ๆ แล้วสวมเสื้อผ้าตามเดิม ตอนเย็น… “ต้องอยู่ในน้ำตลอดเลยหรือไง” คนที่กำลังขัดห้องน้ำอยู่ถามพรายสาวที่ลอยคออยู่ในโอ่งมังกรข้างผนังห้องน้ำ เพลิงห้ามสายชลลงไปลอยน้ำในคลองอีกเพราะกลัวว่าเธอจะแก้ผ้าแก้ผ่อนแช่น้ำแล้วมีคนพายเรือเข้ามาเห็น ถึงบริเวณนี้จะเป็นท้ายคลองไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา แต่นาน ๆ ครั้งก็มีคนมาหาปลาแถวนี้ อีกอย่างเขาวางเบ็ดและกางแหไว้หลายจุด มันอันตรายเกินไป “อยู่บนบกได้แค่แป๊บเดียวค่ะ เหมือนที่คุณลงไปในน้ำได้แป๊บเดียวนั่นแหละ” โผล่หัวขึ้นมาตอบเขาแล้วก็มุดลงโอ่งอีกครั้ง “ไม่มีวิธีทำให้อยู่บนบกนาน ๆ เลยเหรอ” จู่ ๆ เขาก็อยากรู้ขึ้นมา เพราะสายชลทำให้เขาใช้ชีวิตในน้ำได้ตั้งหนึ่งวัน งั้นก็น่าจะมีวิธีที่มนุษย์ทำให้พรายใช้ชีวิตอยู่บนบกได้ด้วยสิ “มีค่ะ ทำเหมือนที่สายชลทำให้คุณไงคะ แต่คุณต้องเป็นคนเริ่ม” “...” หมายถึงให้เขาจูบเธอก่อน? “ถามทำไมคะ จะทำให้สายชลเหรอ” ไม่ว่าเปล่าแต่โผล่พรวดขึ้นแล้วยื่นหน้าไปหาเขาทั้งที่อยู่ในโอ่ง “กลับเข้าโอ่งไปเลย” เสียงดุว่าพลางกดศีรษะทุยลงโอ่งอีกครั้ง ทำคนนั่งย่อตัวในโอ่งถึงกับมุ่ยหน้า ร่างใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ การอยู่กับสายชลทั้งวันทำให้เวลาวันนี้ของเขาช้าลง กว่าจะเที่ยง กว่าจะบ่าย กว่าจะเย็น แต่พอรู้ตัวอีกทีมันก็เริ่มมืดแล้วนี่สิ ว่ากันว่าถ้าเราเบื่อหน่ายวันนั้น จะรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้า แต่ถ้าเราชอบวันนั้น จะรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็ว ตกลงแล้ววันนี้มันช้าหรือเร็วนะ… กลางดึก… ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> ไอ้ปืน เสียงโทรศัพท์มือถือที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครโทรเข้ามาเพราะสัญญาณไม่ค่อยมีทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนฟูกหยิบมันขึ้นมาดู “ว่า?” พอรู้ว่าใครโทรมาก็ไม่ต้องพิธีรีตองอะไร [สบายดีไหมมึง] ปลายสายเริ่มสนทนา “มึงไม่มาหากูแค่วันเดียวถึงขึ้นต้องโทรมาถามไถ่เลยหรือไง” [เออ ช่วงนี้กูยุ่ง ๆ น่ะ งานจัดพรุ่งนี้แล้ว กูเลยต้องอยู่ช่วยพ่อ] “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ มึงโทรมาแค่นี้?” [เปล่า แค่จะบอกว่าช่วงนี้ถึงงานเสร็จแล้วกูอาจไม่ค่อยได้ไปหามึงนะ] “ดี กูจะได้อยู่แบบสงบ ๆ สักที” [ได้ไปส่งข้าวนะ มึงจะกินข้าวยังไง] “ทำตัวเหมือนเมียกูจริง ๆ เลยนะ แค่ข้าว กูหากินเองได้” [มึงไม่เสียใจที่ไม่เห็นหน้ากูเหรอ] “ไม่” [ไม่สงสัยเหรอว่าทำไมกูไม่ไปหา] “อย่างมึงจะอะไร ติดหญิงอีกล่ะสิ” ปืนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงหมู่บ้านข้าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฐานะ สาว ๆ ติดเขาตรึม ถ้าช่วงไหนปืนอยู่กับเพลิงได้ทั้งวันแสดงว่าช่วงนั้นเขาเทสาวทิ้ง พอเงียบไปได้สักพักเดี๋ยวก็หาสาวใหม่มาควง [อืม… ก็น่าจะใช่แหละ] “อะไรของมึง” [เปล่า ๆ ไม่มีอะไร งั้นแค่นี้นะ] “อือ” [เออ ไอ้เพลิง] “ว่า?” [ถ้ามึงจะมาหากู โทรมาล่วงหน้าหน่อยสักชั่วโมงนะ] “มึงมีพิรุธนะ” [พิรุธอะไร ไม่มี๊ เอาเป็นว่าบอกกูก่อนแล้วกัน เข้าใจ๊] ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด “อะไรของมันวะ” เพลิงวางโทรศัพท์มือถือไว้บนแคร่ไม้ ไม่คิดว่าตัวเองจะคุยกับเพื่อนเพลินจนเผลอเดินออกมาข้างนอก พอออกมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูคนที่เขาปล่อยให้ลอยคออยู่ในโอ่ง ปุ๊ง ปุ๊ง ปุ๊ง เสียงคนในโอ่งเปล่าลมเล่นใต้น้ำ ร่างใหญ่เข้าไปยืนพิงประตูดูก็เห็นว่าศีรษะทุยกำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในโอ่ง จะว่าไปแล้วเธอก็เหมือนลูกปลาที่ดำผุดดำว่าย เป่าลมเล่นฟองน้ำอยู่คนเดียว “ยิ้มอะไรคะ” เสียงใสของคนที่หมุนตัวมาเจอเขาพอดีเอ่ยถาม ตาแป๋วจ้องมองเขาพร้อมฉีกยิ้มให้ ครั้งแรกเลยที่เห็นเขายิ้มแบบนี้ ถึงจะแค่นิดเดียวก็เถอะ แต่พอถูกทักปุ๊บก็หุบยิ้มปั๊บ “ไม่หนาวหรือไง” คนกอดอกถามเสียงเรียบ ไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเธอ “ไม่ค่ะ” “พรุ่งนี้จะกลับตอนกลางวันหรือกลางคืน” “...กลางคืนค่ะ” ตอบเขาเสียงเบา “แต่สายชลจะไปจากที่นี่ตอนเช้าค่ะ คุณสบายใจได้ ตื่นมาแล้วไม่เจอสายชลแน่นอน” พรายสาวย้ำว่าเธอจะไปจากที่นี่จริง ๆ เขาถามแบบนี้คงไม่ยินดีให้เธออยู่ที่นี่นาน ๆ “ไหนบอกว่ากลับได้ตอนกลางคืน” อ่า… เขาจำได้ด้วยแฮะ “ก็… ค่ะ แต่สายชลไปแอบอยู่แถวนี้ก่อนก็ได้ พระอาทิตย์ตกแล้วจะไปค่ะ” “อยู่ต่ออีกก็ได้ ยังไงก็ไม่กี่ชั่วโมง” เสียงเรียบเอ่ยจบก็เดินจากไปไม่รอให้คนในโอ่งได้พูดหรือถามอะไร “ดีจัง” พรายสาวยิ้มร่าเมื่อรู้ว่าจะได้อยู่ที่นี่ต่ออีกนิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD