3

1390 Words
“ครับคุณแม่ กลับก็กลับ เชิญทุกคนทางนี้ครับ” หนุ่มเมืองกรุงผายมือเชิญไปยังตำแหน่งรถยนต์ ที่ยังคงสตาร์ทเครื่องอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ดีที่ตอนนี้เย็นมากแล้วรถไม่เยอะจึงไม่กีดขวางการจราจร ทุกคนเดินออกห่างจากทางเข้าโรงพยาบาลเรื่อยๆ ชายคนนั้นทนไม่ไหวตะคอกตามหลัง จงใจพูดกับปลายฝนด้วยโทนเสียงก้าวร้าว “ปลายฝน! แล้วเธอจะเสียใจที่กล้าปฏิเสธคนอย่างฉัน!” เสียงเข้มเกรี้ยวกราด ปลายฝนหยุดชั่วขณะ ทว่าสุดท้ายก็ก้าวเท้าเดินต่อไปไม่สนใจคำขู่คนพาล เขาจะกลับไปเอาเรื่องเมียรักก็กอดแขนไว้แน่น ให้ตายเถอะ ได้เจอกันแค่ไม่กี่นาทีแต่ภีมพลก็โคตรจะเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนั่น อยากกลับไปต่อยสักหมัดสองหมัดเมียก็กระตุกแขนไว้ กำแน่นบังคับให้เดินต่อไป เขาปลง ยอมเดินตามเมียรักต้อยๆ กลับมายังรถเป็นสารถีพาทุกคนกลับไร่ เขาขับรถแวะไปส่งปลายฝนที่บ้านเล็ก คุณแม่จะอยู่เป็นเพื่อน ปลายฝนก็ปฏิเสธบอกอาการดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างต้องเคลียร์งานด้วยท่านจึงยอมกลับบ้าน ภีมพลเป็นห่วงปลายฝนเนื่องจากไม่ไว้ใจสายตาน่ากลัวของไอ้หมอนั่น ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาก็เริ่มซักถามคุณแม่ทันที ท่านมองหน้าเขาแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ แม่อยากให้น้องมีแฟนจังเลย ภีมพอจะมีเพื่อนผู้ชายโสดนิสัยดีมาแนะนำให้น้องรู้จักหรือเปล่า เพื่อนภีมออกจะเยอะนี่นา” ปลายฝนเป็นสาวหน้าตาดี มีหนุ่มมาจีบเพียบ ถูกปฏิเสธกลับไปไม่น้อย แต่ละคนต่างไม่พอใจโกรธเคืองปลายฝนกันทั้งนั้นรวมถึงพ่อหนุ่มคนนั้นด้วย เท่าที่รู้มาเห็นว่าเขาเป็นลูกชายผู้มีอิทธิพลแถวนี้ซะด้วย ถึงกับถอนหายใจตามมารดา เหนื่อยอกเหนื่อยใจ “ยากครับ ผมว่าให้ไปงมเข็มในมหาสมุทรอินเดีย ยังง่ายกว่าหาชายโสดและดีนะครับคุณแม่” ภีมพลหัวเราะแห้งๆ ไอ้พวกโสดนี่แหละตัวดี เจ้าชู้ มีเมียเก็บมีเด็กในสังกัดเป็นสิบเป็นร้อย ไม่รู้ว่าไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนบ้างหรือเปล่า “ก็นั่นสิ แม่ถึงได้ปวดหัวอยู่นี่ไง แถวนี้ผู้ชายพอเข้าตาก็มีแค่ตาเมฆ แต่ตาเมฆก็ดูเหมือนจะไม่ได้รักชอบน้องปลายฝนไปมากกว่าน้องสาว” ปลายฝนทำงานในรีสอร์ทของครอบครัวลายเมฆ เจอหน้ากันเกือบทุกวันก็หลายปีแต่ไม่มีวี่แววจะเข้ามาจีบ ท่านคงต้องตัดช้อยนี้ทิ้ง “นายเมฆเนี่ยนะ คุณแม่คิดยังไงถึงว่ามันดีครับ” ภีมพลกลอกตามองบน ยัวะเข้าให้ ยังเคืองไม่หายที่มันแสดงออกชัดเจนว่าอยากจีบหนูอายเมียรักของเขา ถ้าจะจีบจริงรอให้เขาตายก่อนเถอะ เรื่องอะไรจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาจีบ มาเห็นขาอ่อนเมียสุดที่รัก “อ้าว แล้วเขาไม่ดีตรงไหนล่ะลูก ตาเมฆหน้าตาดีจะตาย หล่อกว่าดาราบางคนอีก ฐานะก็ดี การศึกษาก็ดี เพอร์เฟ็ครอบด้าน” “ก็มัน... ช่างเถอะครับ ดีก็ดี” ยอมไหลตามน้ำ สุดท้ายก็ต้องยอมเออออตามคุณแม่ ก่อนจะวกกลับมาคำถามเดิม “สรุปแล้วเรื่องราวเป็นมาเป็นไปยังไงครับ ผมงงไปหมดแล้ว” “ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ แค่ผู้ชายคนนั้นเข้ามาจีบน้องปลายพักใหญ่แล้วแต่น้องไม่เล่นด้วย เขาออกอาสาขอมาส่งน้องที่บ้าน” “แล้วทำไมมันต้องจับมือ โอบเอวน้องด้วยครับ” “ไม่รู้สิ ก็อย่างที่แม่บอกภีมไป ว่าน้องปลายไม่ยอมเล่นด้วย” “ผมว่าสีหน้ามันไม่เหมือนคนดีเลยนะ” “แม่ก็คิดงั้น เพราะอย่างนี้ไงแม่ถึงอยากให้น้องมีแฟน” ท่านทุกข์ใจแทนลูกบุญธรรมคนนี้เหลือเกิน ถ้ามีคนรู้จักหน่วยก้านดีก็อยากจะแนะนำให้รู้จักปลายฝน “น้องสาวภีมน่ะสวยจนเป็นที่รู้จักในหมู่หนุ่มๆ ทั่วอำเภอ แต่ไม่มีทีท่าจะเปิดใจรับใครเข้ามาดูแล นานวันก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นทุกที แม่หนักใจ ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” “น้องปลายก็เพิ่งยี่สิบห้าเองนี่นา คุณแม่น่าจะให้เวลาน้องอีกนิด” อายุเท่านี้ยังไม่ถือว่ามาก ภีมพลเอนหลังพิงโซฟาส่งยิ้มให้คู่หมั้นสาวที่เข้ามานั่งลงข้างๆ สายตาคุณแม่มองมาในเสี้ยววินาทีนั้น เขาหัวเราะแห้งๆ เข้าใจความนัยแฝงจากท่าน อารยาเองก็ยังอายุน้อย น่าจะให้เวลาหล่อนได้ใช้ชีวิตอีกนิด “อะแฮ่ม! แต่พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว ผู้หญิงอายุยี่สิบห้า เป็นวัยที่เหมาะสมมากกับการแต่งงานครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ ถ้าคุณแม่จะเชียร์ให้น้องปลายฝนมีแฟน” “ย่ะ” คุณนายดุจตะวันมองค้อนลูกชายคนโต ก่อนจะมองผ่านไปยังว่าที่ลูกสะใภ้ “หนูอาย พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่ปลายฝนกับแม่ไหมจ๊ะ” “ไปค่ะ วันนี้เกิดเรื่องซะก่อน อายก็เลยยังไม่ได้คุยกับพี่ปลายเลยสักคำ คุณแม่จะไปกี่โมงเหรอคะ” เผื่อจะได้เตรียมของกินไปด้วย “เช้าๆ จ้ะ รายนั้นดื้อ หัวแข็ง หัวรั้น ไม่รอให้หายป่วยก่อนจะกลับไปทำงานให้ได้” ท่านอยากให้ปลายฝนมาทำงานที่นี่มากกว่า ตำแหน่งสำหรับปลายฝนพิเศษสุดคงจะเป็นผู้ช่วยภาคภูมิ ลูกชายคนเล็กจอมดื้อ รายนี้ก็หัวแข็งไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่รู้จะเวิร์คไหมเพราะสองคนนี้แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย เจอหน้ากันไม่เมินก็ทะเลาะ “ถ้าอายไป ผมไปด้วยนะครับคุณแม่” ภีมพลรีบแทรกขึ้นมา คุณดุจตะวันมองแรงทางหางตา “ภีมกลัวแม่จะแนะนำหนุ่มหล่อนิสัยดีให้แฟนเรารู้จักหรือยังไง ถึงอยากตามไปประกบ” “โธ่... คุณแม่ครับ กว่าจะหาแฟนได้สวยขนาดนี้ ไม่ง่ายนะ ให้ผมตามไปประกบหน่อยเถอะ” เขาตอบติดตลก ริมฝีปากมีรอยยิ้ม แฉลบสายตามองแฟนสาว เจ้าหล่อนเองก็กำลังเขินยิ้มจนตาหยี “อาภีม ชมแบบนี้อายก็เขินแย่สิคะ” พวงแก้มเนียนแดงระเรื่อ “ไม่ต้องเขินหรอก ฉันล้อเล่น” จบประโยคนั้นรอยยิ้มอ่อนหวานหุบลงฉับพลัน ถลึงตาใส่ไม่พอยังแยกเขี้ยวใส่อีก มือเล็กหวดลงบนหัวไหล่กำยำเต็มแรง แรงซะจนภีมพลต้องหัวเราะเสียงหลง “โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า อายออกจะสวย น่ารัก น่าเอ็นดูขนาดนี้ ยิ้มหน่อยเร็วคนดี อย่าทำหน้าบึ้งตึงนักเลย” ชายหนุ่มสั่งเสียงห้าว ใช้นิ้วชี้สองข้างจิ้มลงมุมปากสวยบังคับให้หล่อนยิ้ม แกล้งจับแก้มคนน่ารักนานสองนาน ผู้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวถึงกับถอนหายใจ บอกให้ทั้งสองเชิญจีบกันตามอัธยาศัย ก่อนจะปลีกตัวไปพักผ่อน ได้ทีภีมพลก็จุ๊บปากบางเข้าให้หนึ่งทีและจุ๊บแก้มสองที “น่ารักจัง เมียใครก็ไม่รู้” “อาภีม...” เรียกเขาเสียงสั่น เหมือนจะห้ามแต่เอาเข้าจริงก็ชอบ “อย่าทำอีกนะ เดี๋ยวก็มีใครผ่านมาเห็นเข้าหรอกค่ะ” “เห็นก็เห็นสิ แคร์ซะที่ไหน ก็ฉันรักของฉันนี่นา” เขาทำเสียงเจ้าเล่ห์หัวเราะหึหึในลำคอ เหลือบสายตาลงมองนาฬิกาบนหลังมือดูเวลา ยังเหลืออีกหลายชั่วโมงก่อนถึงเวลาอาหารเย็น “เรายังมีเวลาเหลือเฟือเลยแฮะ อาย... ขึ้นห้องกันเถอะ ร้อน... อยากอาบน้ำ นะๆ” “อาภีม...” แก้มอารยาแดงแล้วแดงอีก ผลักอกเขาออกห่างกลัวจะมีใครผ่านมาเห็นอากัปกิริยากลัดมันกับสายตาแสนหื่น เปล่งประกายความอยากมีสัมพันธ์ทางกาย แต่ก็นะ ขัดใจเขาได้ซะที่ไหนกัน “ห้ามเกินสองรอบนะคะ” แก้มใสป่องเล็กน้อย ต่อรองคนหื่น ภีมพลจับนิ้วชี้คนแง่งอนมาจุ๊บเบาๆ ขยิบตาให้เมียตัวน้อย ตอบเสียงแหบพร่า “เมียสวยขนาดนี้ จะให้จัดน้อยกว่าสองรอบได้ไงจ๊ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD