บ้านหลังเล็กอยู่ในเขตปลอดภัย มีบ้านครอบครัวหัวหน้าคนงานสองสามหลัง แม่เขาจ้างคนมาสร้างและยกให้เป็นของขวัญในวันเรียนจบ ท่านรักและห่วง ไม่อยากให้แยกบ้าน แต่ก็ต้องตามใจเพราะปลายฝนไม่ถูกกับภาคภูมิ ไม่รู้ทำไม สองคนนี้ไม่ถูกกัน ถึงขั้นเจอหน้ากันไม่ได้ เจอกันทีไรเหมือนหมากับแมว ทะเลาะกันตลอด
“จากวันที่พ่อแม่หย่ากัน ผ่านมาเกือบสิบปีได้แล้วมั้ง เหมือนจะนานแต่ฉันจำได้หมด” เขาไม่เคยเห็นว่าอารยาเป็นคนนอกจึงเล่าให้ฟัง
“อายจะไม่หย่ากับอาภีมหรอกนะคะ ถ้าอาภีมมีเมียน้อย อายก็จะมีบ้าง” แม่คนหัวดื้อพูดแทรกขึ้นมาอย่างคนเอาแต่ใจ กลัวเขาจะเจ้าชู้เหมือนคุณกรเดช พ่อของเขา ถ้าหากเขามีใหม่จริงหล่อนคงทำใจไม่ได้ มีหวังร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเป็นปี จะไปไหนก็ไม่ได้เพราะมีแค่เขา
“รู้แล้วน่า ฉันเห็นคาตาว่าแม่เสียใจมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นฉันจะไม่มีวันทำให้อายต้องเสียใจแบบนั้นแน่นอน” ภีมพลสบสายตากับแฟนสาว เลื่อนมือจากเกียร์ไปกุมมือบอบบาง เจ้าหล่อนทำหน้าเขินๆ
“ขอบคุณค่ะ อายรักอาภีมที่สุดในโลกเลย”
“รู้แล้ว พูดออกจะบ่อย”
“อาภีมขา...” อารยามองนอกตัวรถเห็นสภาพถนนแล้วหวั่นๆ “ทำไมทางเปลี่ยวจังเลยคะ แถมถนนยังโล่งๆ ไม่ค่อยมีรถผ่านมา”
“ทางลัดเข้าเมืองน่ะ ถนนแย่หน่อยแต่ทางใกล้ใช้ได้ สิบห้านาทีก็ถึง อายมองไปทางซ้ายสิเห็นกังหันลมไหม ตรงนั้นเป็นจุดชมวิว มีที่เที่ยวด้วยนะ” ภีมพลทำตัวเป็นไกด์ ชี้ชวนให้หญิงคนรักดูสถานที่น่ารักในแถบอาณาเขตไร่แม่ตัวเอง สาวน้อยตาวาวชอบเป็นพิเศษ
“สูง สวยจังเลยค่ะ รู้งี้อายแอบออกมาเที่ยวเล่นกับฟ้าใสบ่อยๆ ซะก็ดี” อยู่กับอาภีม เขาแทบไม่ออกไปไหนเลยวันๆ พักผ่อนอยู่บ้าน ลาพักร้อนก็ยังติดต่อประสานงานกับเลขาฯ ทุกวัน แทบไม่พาหล่อนไปเที่ยวนอกบ้านเลย หล่อนบ่นอุบอิบไปงั้น รู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้อยู่ห่างสายตาหรอก อารยาปลงในชีวิตตัวเองพลางยิ้มอ่อนหวาน
ภีมพลไม่ได้ตอบรับหรือพูดอะไรกับแฟนสาว สถานที่กุ๊กกิ๊กน่ารักเหมาะสำหรับถ่ายรูปแบบนั้น ไม่เข้าตาเขาอย่างแรง เขามันเป็นผู้ชายประเภทบุกป่าฝ่าดง สู้ให้ไปปีนหน้าผาหรือว่ายน้ำกับปลาฉลามยังดีกว่า ดวงตาคู่คมคายละจากถนนดินแดงมามองคนรัก เห็นหล่อนกดลดกระจกลงและโผล่ใบหน้าออกไปรับอากาศสดชื่นจากนอกตัวรถ
“สดชื่นนนนนนน อายชอบโคราชที่สุดเลยค่ะ”
“หึหึ อยากถ่ายพรีเวดดิ้งในไร่องุ่นว่างั้น” ชายหนุ่มกระเซ้าไปนิดเดียวแม่คุณทูนหัวหันมาแยกเขี้ยวใส่ ท่าทางสถานที่จะไม่ถูกใจแฮะ
“ไม่เอาค่ะ อายอยากถ่ายพรีเวดดิ้งแบบสาวประเทศสยามสมัยเก่า นางทาสกับคุณหลวง หรือไม่ก็แบบเจ้าหญิงเจ้าชาย เอ๊ะ ริมทะเลก็น่าสน หรือจะเกาหลี ญี่ปุ่น เลือกไม่ถูกเลยค่ะ ขอถ่ายหมดเลยได้ไหมแล้วค่อยมาเลือก” เจ้าของเสียงใสแจ๋วพูดไปเรื่อยเปื่อย มีความสุข
โธ่ เด็กหนอเด็ก แต่ละธีมที่พูดมาล้วนตลกขบขันในความคิดของภีมพลมาก เขาขำ แต่ไม่พูดออกมาเพราะสุดท้ายก็จะตามใจอารยาอยู่ดี เมียเขาสวย เชื่อสิว่าถ่ายพรีเวดดิ้งคอนเซ็ปไหนก็ออกมาดูดีทั้งนั้นแหละ อืม... แต่คอนเซ็ปคุณหลวงกับนางทาสก็เข้าท่าดีนะ
นางทาสสาว ‘บำเรอสวาท’ บนเตียงให้คุณหลวง
“ยิ้มแบบไม่มีสาเหตุ แอบคิดอะไรหื่นๆ อยู่หรือเปล่าคะ” อารยาหรี่สายตาลงคมแคบจับผิดชายหนุ่ม ก็เขาน่ะหื่นขั้นเทพ และคาดว่าคงจับผิดตรงจุดมั้ง เขาถึงได้หัวเราะออกมาแล้วลอยหน้าลอยตา ไม่ยอมตอบคำถาม “คิดหื่นเรื่องไหนเล่าให้อายฟังเลยนะ ไม่งั้นคืนนี้อด”
“เปล๊า”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด หัวเราะชอบใจ หมุนพวงมาลัยพารถออกจากถนนขรุขระมายังถนนสายหลักตัดเข้าสู่ตัวอำเภอ
“ไม่ได้คิดหื่นจริงๆ แค่กำลังนึกภาพตามว่าคอนเซ็ปไหนดีที่สุด อายคิดไว้เยอะๆ เลยนะ ไว้เรียนจบเราก็ถ่ายพรีกันก่อน หลังรับปริญญาค่อยแต่ง” จัดแจงเองหมดเสร็จสรรพตามประสาผู้ใหญ่ชอบวางแผน อารยายิ้มกว้างบิดกายไปมา เขินเขา ภีมพลเห็นแล้วยิ่งเอ็นดูเมียรัก
“อาภีมของอายน่ารักที่สุดในโลกเลย พรีเวดดิ้งยังคิดไม่ออก แต่ฮันนีมูน...เราไปยุโรปกันนะคะ นะๆ อายไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว” โดยเฉพาะประเทศสเปน อารยาชอบเป็นพิเศษ หลงใหลในเสน่ห์และวัฒนธรรมมากถึงขั้นเรียนเป็นภาษาที่สาม แต่ก็ได้แบบงูๆ ปลาๆ
“ได้สิ อายอยากไปไหนฉันพาไปหมดแหละ ให้เต็มที่หนึ่งเดือนเลย” ใจสปอร์ตมาก ให้ได้หมดขอแค่อารยามีความสุข ในรถเขามีเสียงหัวเราะอ่อนหวานไม่สร่างซาจนกระทั่งถึงทางเข้าโรงพยาบาล มือเขาเลี้ยวพวงมาลัยรถยนต์เคลื่อนเข้ามา มองหาที่จอดรถบริเวณทางเข้า
ทว่ายังไม่ทันได้ที่จอด สายตาก็มองไปเห็นเหตุการณ์หน้าโรงพยาบาลซะก่อน นั่นคุณแม่คุณยายกับน้องปลายฝนนี่นา
ภีมพลจอดรถไว้ตรงนั้นเปิดประตูวิ่งพุ่งออกไป ด้านหลังอารยาวิ่งตามมาติดๆ ด้วยความตกใจ เบื้องหน้ามีชายคนหนึ่งเข้ามาจับแขนและโอบเอวปลายฝน โดยมีคุณแม่เขาพยายามห้ามปราม
สีหน้าปลายฝนไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องมาจากพิษไข้ หล่อนเองก็พยายามแกะมือชายคนนั้นออกเช่นเดียวกัน ไม่ได้เต็มใจ ภีมพลรุดกายเข้าไปใกล้กระชากคอเสื้อชายแปลกหน้า ให้ถอยออกห่างคนในครอบครัวของเขา “คุณแม่ คุณยาย น้องปลาย ปลอดภัยไหมครับ”
“ปลอดภัยดีจ้ะ หยุด อย่ามีเรื่องเลยนะภีม” คุณดุจตะวันกลัวลูกชายคนโตจะเข้าไปเอาเรื่องฝ่ายนั้นอีก รีบเดินเข้ามาขวางหน้าไว้
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมไอ้หมอนี่มาเกาะแกะน้องปลาย”
ภีมพลยังอารมณ์เสียไม่หาย ปากถามคนในครอบครัวแต่สายตามองดุไปยังชายคนนั้น ไอ้หมอนั่นก็ไม่ยอมแพ้จ้องเขากลับมาตาแข็งไม่แพ้กัน มันมองเขาแว้บเดียวเท่านั้นและมองผ่านไปยังปลายฝน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะภีม เขาเป็นเพื่อนน้องปลายน่ะลูก ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถอะนะ” คำตอบของมารดาไม่กระจ่างชัด เขาหันหน้าไปขอคำตอบจากคุณยาย ทว่าท่านส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบที่ว่าไม่รู้เรื่อง ปลายฝนยังไม่ยอมหันหน้ากลับมามองใคร เขาถอดใจเลิกซักถาม เอื้อมมือไปจับมืออารยาเข้ามายืนเคียงข้างกาย