1
ณ บ้านกลางไร่องุ่นของคุณยายบุหลัน
“อะไรกัน เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วันทำไมถึงไวไฟขนาดนี้ อิจฉานะเนี่ย”
นักร้องนำวงนี้อารยาเองก็ชอบไม่แพ้กัน อิจฉาเพื่อนที่ได้ออกเดทกับพี่โอมแถมเขายังมาดักรอหน้าบ้าน เพื่อเอาบัตรคอนเสิร์ตมาให้
“แหม อย่าทำเป็นอิจฉาหน่อยเลย คู่ของตัวเองไม่ค่อยจะไวไฟเลยนะ เผลอแป๊บเดียวสอยได้แม้กระทั่งอาภีมสายขรึม”
อารยาย่นจมูกใส่เพื่อนสาว ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่
“ไวไฟที่ไหนกัน อาภีมเป็นวัตถุทนทานต่อไฟต่างหากเล่า กว่าจะจุดติดได้ อายถอดใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง” หลุดปากพูดออกไปจนจบประโยค มารู้ตัวว่าไม่ควรพูดมากก็ตอนได้ยินเสียงกระแอมกระไอจากภีมพล เขากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ไกลจากโซฟาของสองสาวนัก ใช้สายตาคมเข้มปราบปรามพวกหล่อน น่ากลัวเชียว
“โอ้ว ขนลุกค่ะ สัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่าง” สาวน้อยฟ้าใสลอยหน้าลอยตา ไม่กลัว แม้จะได้รับสายตาดุๆ จากผู้ใหญ่ขี้เก๊ก
“พลังงานซ่อนเร้นหลบอยู่หลังโซฟา เขากำลังมองมา กำลังใช้สายตากดดันให้เราสองคน...” ยังไม่ทันได้พูดจบ ภีมพลก็รีบขัด
“เดี๋ยวเถอะอาย ฟ้าใสก็ด้วย จะเม้าส์อะไรก็เม้าส์ไปแต่อย่าลามปาม” คนหล่อตีสีหน้าขรึมทั้งที่แก้มแดงหมดแล้ว สองแสบพูดไปเรื่อยราวกับเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ เฮ้ย เห็นตัวโตเป็นภูเขาแบบนี้แต่เขาก็เขินเป็นนะ เมียเขานี่ตัวดีเลย เล่าสามวันแปดวันไม่จบไม่สิ้นว่าเขาขอหล่อนแต่งงานยังไง เล่าทุกฉากทุกตอนไม่มีตกหล่น เขาถูกน้องชายแซวทุกวัน เดี๋ยวเถอะ ถ้ามันยังแซวไม่เลิกเขาจะงัดไม้ตายมาใช้ เขาจะแฉให้หมดว่าผู้หญิงที่มันแอบชอบ ตอนนี้กำลังปิ๊งรักนักร้องหนุ่มวงด้องแด้ง
“อย่าดุเราสองคนเลยค่ะ เพราะดุไป... ก็ไม่ได้ผล!” ท้ายคำสองสาวประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย เปล่งเสียงหัวเราะคิกๆ
ปลงเถอะ ใครใช้ให้นายมีเมียเด็กเองทำไม ภีมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ส่ายหน้าไปมา ล้มตัวลงนอนอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ คราวนี้กางหนังสือพิมพ์ออกกว้างกว่าเดิม อ่านข่าวร่วมกับการฟังเสียงเมียรักคุยกับฟ้าใสนานเข้าก็ชักจะง่วงนอน นอนกลางวันผ่านไปไม่รู้กี่นาทีนางฟ้าตัวน้อยเข้ามาคลอเคลียปลุก ภีมพลยิ้มกว้างทั้งที่ตาสองข้างยังปิด ทางสะดวก วันนี้คุณย่ากับคุณแม่ไปทำธุระในเมืองตอนเช้า ส่วนนายภูมิก็เข้าฟาร์มขลุกอยู่กับเมียสี่ขา กลับบ้านอีกทีคงหลังฟ้ามืด
ภีมพลลืมตาขึ้นมอง ตวัดมือหนารั้งเอาเจ้าของเอวคอดเล็กให้ขยับกายเข้ามาใกล้ตนเองอีกนิด บังคับหล่อนให้โน้มริมฝีปากลงมาจูบเขา ทว่าอารยาส่ายหน้าไปมา ใช้นิ้วชี้มาแตะลงบนริมฝีปากคมคาย
“ขี้หวง ขอจูบนิดเดียวก็ไม่ได้” เมียไม่ให้จูบปาก เปลี่ยนมาเป็นจูบนิ้วหล่อนแทนแล้วกัน ว่าแล้วภีมพลก็ทำปากขึ้นจุ๊บเบาๆ ซะเลย
“อดใจไว้ก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว” กระซิบ สัมผัสใบหน้าคู่หมั้นลูบไล้ไปมา เขาจับมือหล่อนออกมาหอมและพรมจูบลงนิ้วนางข้างซ้าย ตำแหน่งนั้นมีแหวนหมั้นวงสวย เขาสวมให้หล่อนเองกับมือ ปลายนิ้วอารยาเรียวสวย มีแหวนเขาประดับเพิ่มนิ้วหล่อนก็ยิ่งสวย
“ก็ได้ อายขอหรอกนะถึงยอม ไม่งั้นจับปล้ำไปนานแล้ว โทษฐานขยันทำตัวน่ารัก...” ความจริงเมียเขาไม่ทำอะไรก็น่ารัก นั่งอยู่เฉยๆ เขายังคึกคักอยากจับหล่อนมารักเลย เด็กแสบของเขาน่ารักที่สุด
“อายก็น่ารักแค่กับอาภีมเท่านั้นแหละค่ะ คนอื่น... หมดสิทธิ์ แค่คิดก็ผิดแล้ว” อ้อนเขา “รักอาภีมจังเลย ขออายหอมแก้มหน่อยนะคะ”
แมวเหมียวตัวน้อยแนบริมฝีปาก จูบแก้มสากระคายไปหลายฟอดเต็มปอดชื่นอกชื่นใจ จะว่าหื่นก็ไม่เถียง หล่อนชอบที่สุดก็ช่วงเวลาได้สัมผัสภีมพลแบบนี้แหละ ก็เขาทั้งตัวโต แข็งแรง อบอุ่น ได้อยู่ใกล้ครั้งไหนหล่อนละม้ายคล้ายคลึงแมวน้อยเกือบทุกครั้ง
“ขี้โกง ฉันขอจูบทำเป็นหวง ทีอย่างนี้ละหอมเอาหอมเอา” ภีมพลเอ็นดูหญิงคนรัก ลูบศีรษะบอบบางเบาๆ ผมอารยาดำสลวยแถมยังนุ่มมาก ฝีมือเขาทั้งนั้น เมื่อคืนมือคู่นี้แหละที่สระผมให้หล่อนนานสองนาน ผลัดกันดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันหมดคืนจนฟ้าสาง
“ไม่รู้ไม่ชี้...”
หัวเราะคิกๆ อย่างน่ารัก ฉุดภีมพลให้ลุกขึ้นนั่ง “อาภีมสัญญากับอายหลายวันแล้วนะคะ ว่าจะพาไปนั่งรถเล่นตอนเย็น”
“เปลี่ยนเป็นนั่งตักเล่นแทนไม่ได้เหรออาย”
“ไม่ได้ค่ะ สัญญาต้องเป็นสัญญา”
“ก็ได้ งั้นรอก่อนนะ ขอไปหยิบกุญแจรถแป๊บเดียว”
“เย้ ขอบคุณค่ะ อายออกไปรอหน้าบ้านนะคะ”
ดู... ดูเมียเด็กของเขาดีใจใหญ่เชียว ลุกจากโซฟาเดินตัวปลิวไปหน้าบ้านทันทีตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ไปได้
ภีมพลหมุนควงกุญแจออกมายังโรงจอดรถ ขับเคลื่อนออกไปรับเมียรักพาเข้าไปเที่ยวในไร่ช่วงเย็น วันนี้บ้านเงียบมากคุณแม่กับคุณยายไปบ้านเล็กตั้งแต่เช้า ส่วนนายภูมิก็บ้างานตามสไตล์ เขาได้อยู่กับอารยาสองคน ไม่สิ... มีนางมารจากไร่ข้างๆ มาผจญแย่งเวลาสวีตไปเกือบครึ่งวัน เม้าส์อะไรกันไม่รู้ตั้งหลายชั่วโมง เขานั่งฟังเฉยๆ ยังเหนื่อยแทนฟ้าใส พูดเก่งชะมัด พูดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
บรรยากาศยามเย็นสดชื่นมาก วันนี้วันที่ 25 ธันวาคม 2559 วันคริสต์มาส ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะกลับบ้านเร็วไหม เขามีแผนจะให้แม่ครัวทำอาหารมื้อใหญ่ฉลองกับครอบครัว ซ้อมมือก่อนถึงกินเลี้ยงใหญ่ช่วงปีใหม่ ปีนี้พิเศษมากกว่าปีที่ผ่านมาคือเขามีอารยาอยู่ข้างกาย ว่าที่เมีย ว่าที่แม่ของลูก คนนี้แหละใช่เลย ดื้อ งี่เง่า ขี้งอนไปนิด แต่ก็เข้าใจว่าหล่อนรักเขามาก ที่สำคัญ... เขาเองก็รักหล่อนมากเหมือนกัน
“อาภีมขา เรากำลังจะไปไหนกันคะ อายอยากไปเดินเล่นสวนดอกไม้อีกจังเลย” อยากไปสถานที่ที่ถูกเขาขอแต่งงานอีกครั้ง
“ไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอน่ะ คุณแม่โทรมาบอกให้ไปรับท่านกับน้องปลายฝน ไอ้เจ้าภูมิไปส่งแต่ติดลูกค้า ก็เลยต้องรีบกลับฟาร์มม้า” น้องเขาไม่สบายสองวันแล้ว นอนซมไม่ยอมไปหาหมอ คุณแม่กับคุณยายรู้เข้าจึงไปหา และให้ภาคภูมิขับรถไปส่งโรงพยาบาล
ธุรกิจของครอบครัวนอกจากจะมีไร่องุ่นแล้ว ก็ยังมีฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์ด้วย ภาคภูมิเป็นคนดูแลธุรกิจทางฝั่งของคุณแม่ทั้งหมด เพาะพันธุ์หลายชนิด ขายได้ทีหนึ่งกำไรต่อเดือนหลายแสน รวยเกินหน้าเกินตา ส่วนภีมพลนั้นช่วยธุรกิจทางฝั่งของคุณพ่อ ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรมหลายสาขาในประเทศไทย นอกเหนือจากนั้นเขายังเป็นนักลงทุน เล่นหุ้น งานของเขาจะเหนื่อยสมองมากกว่าเหนื่อยกาย
“ใช่คนที่อาภีมเคยเล่าให้ฟัง ว่าคุณแม่รับอุปการะหรือเปล่าคะ” เรียกคุณแม่ตามระเบียบ คุณดุจตะวันสุดแสนจะยินดีให้เรียกท่านอย่างนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าลูกชายของท่านขอหล่อนแต่งงาน
“จำได้ด้วยเหรอ ยังไม่เคยเจอกันเลยใช่ไหม”
“ค่ะ อายอยากเจอพี่เขาจังเลย ได้ข่าวว่าพี่ปลายสวยมาก”
“ใช่ น้องปลายหน้าตาดีมาก มาดนิ่ง เชิดๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งอะไรประมาณนั้น แต่ขอออกตัวก่อนว่าฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องปลายนะ อาจจะแนะนำอะไรมากไม่ได้ เราแทบไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่พ่อแม่หย่ากัน จากนั้นแม่พานายภูมิกับน้องปลายมาอยู่โคราช” พวกท่านหย่าและแบ่งลูกกันเลี้ยง พ่อเขาไม่ได้เป็นคนอยากอุปการะดังนั้นแม่จึงพาปลายฝนมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ส่วนเขาตอนนั้นเรียนอยู่อังกฤษ ไม่ได้กลับมาเมืองไทยให้เจ็บปวดใจ เรียนที่นั่นจนจบปริญญาตรีจากนั้นจึงกลับมาบ้าน มาช่วยบริหารโรงแรมของพ่อ
ปลายฝนเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย หนุ่มๆ ตามจีบเป็นพรวน เรียนจบปริญญาตรีมาสามปีไม่ได้ช่วยงานในไร่แต่เลือกจะทำงานในรีสอร์ทของครอบครัวฟ้าใส แว่วๆ ว่าอยากไปเรียนต่อ