11

1720 Words
เมื่อไป๋ฉูเกิดอาการเช่นนั้น ผู้ช่วยเขาและผู้ติดตาม ต่างเข้ามาประครองตัว ชายวัยกลางคน เหงื่อแตกท่วมหน้า ริมฝีปากคล้ำจัดอาการบอกให้รู้ว่า เขามีปัญหาเรื่องความดัน แลหัวใจ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมาที่ซ่างเป่าเหลียนดูเหมือนจะพยายามออกปากขอร้องให้นางช่วยเหลือ ตัวเขาเห็นว่านางมีความสามารถทางการแพทย์ ส่วนมากน้อยแค่ไหน ก็พิสูจน์แล้วว่านางสามารถชุบชีวิตหญิงคนงานในโรงเตี๊ยมให้ฟื้นได้ ทั้งที่ได้รับน้ำมันสกัดที่รุนแรง และในตอนนั้นจู่ๆ รั่วจิ้งก็ปรากฏตัว นางเป็นสะใภ้สกุลไป๋ ทว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานที่จวนผู้ว่า หรือศาลเมืองกุย แต่นางคงลืมบางสิ่ง ยิ่งเห็นว่าไป๋ฉูมีอาการแย่ก็หวีดร้องโวยวาย ทำอย่างไรได้น้องสามีผู้นี้ สำคัญกับนางยิ่งนัก ซ่างเป่าเหลียนถอยหลบ ทว่ามือของรั่งจิ้งเร็วมาก อีกฝ่ายฉุดแขนนาง แล้วออกแรงบีบด้วย ไม่ใช่แค่บีบหากเล็บแหลมคมจิกเข้าเนื้อ “แม่นางเหลียน มีความรู้เรื่องรักษาคนมิใช่หรือ เหตุใดถึงเพิกเฉยเช่นนี้” ซ่างเป่าเหลียนคนใหม่ มิใช่สตรีที่อ่อนแอ หรือ มีจิตใจสูงส่งช่วยคนจนตนเองต้องเดือดร้อน ดังนั้นจึงตอบว่า “ข้าแค่อ่านออกเขียนได้ รู้ตำราการแพทย์แบบครูลักพักจำ ไฉนจะกล้ายื่นมือไปช่วยรองเจ้าเมืองไป๋ อีกอย่างหมอเมืองกุยย่อมมีประจำการ หรือถ้าขาดเหลืออันใด ก็ขอความช่วยเหลือจากสำนักการแพทย์ ที่อยู่ห่างออกไปได้ ขุนนางที่มาประจำการใหม่เช่นเขา อย่างไรต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จะปล่อยให้สิ้นชีพไปง่ายๆ คงต้องสืบหาความจริงกันยาว โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับเขา” “นังหญิงชั้นต่ำ กล้าโต้เถียงข้าเช่นนี้หรือ” รั่วจิ้งโกรธจัด ทว่าเป็นซ่างเป่าเหลียนที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เนื่องจากหวังตันไม่อยากให้หญิงสาวต้องเสียเวลากับคนไร้สมอง และก่อเรื่องเหลวไหล “ข้าคงไม่ต้องแสดงป้ายที่ถือติดตัวมาอีกใช่ไหม รองเจ้าเมืองไป๋... นายหญิงข้า นางเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย เช่นนี้จะมากล่าวหา หรือทำร้ายร่างกาย แม้แต่ใช้ถ้อยคำสถุนด้วยก็มิได้ ฝ่ายคนของท่านนั้น จงปรามกันมาก มิเช่นนั้นยามที่นายท่านของข้ามาถึงที่นี่ เกรงว่าอาจมีเรื่องใหญ่โต” รั่วจิ้งสงสัยมาสักพักแล้ว สามีของซ่างเป่าเหลียนเป็นใคร ท่าทางนางซ่อมซอ อมทุกข์ ใบหน้างามพอใช้ได้ แต่เครื่องประดับใดๆ หามีให้เจริญหูเจริญตา มองแล้วเหมือนสตรีตกยากคนหนึ่ง รถม้าแม้จะดูใหม่แต่มีขนาดเล็ก ไม่บ่งบอกฐานะชนชั้นสูง ให้ดีหน่อยคือมี แม่บ้าน สาวใช้ และบ่าวชายที่ดูแลรถม้า ซึ่งรูปงามพอให้นางนึกชอบใจ “นายก็ปากเสีย กล้าต่อปากต่อคำกับข้า ส่วนพวกทาส ยังอวดเก่งอีก เช่นนี้ย่อมได้รับการสั่งสอนจากข้าเป็นแน่แท้” รั่วจิ้งกล่าวจบ เตรียมสั่งเด็กๆ ของตนเข้ามาจัดการ ทว่าเป็นไป๋ฉูที่ห้ามไว้ “พี่สะใภ้ กลับที่พักท่านก่อน และข้าต้องได้รับการรักษาโดยด่วน” ได้ยินน้องสามีบอกอย่างนั้น นางก็ห่วงไป๋ฉูจับใจ และการแสดงออกของรั่วจิ้ง หากใครมีไหวพริบสักนิด ย่อมรับรู้ได้ว่า นางปฏิบัติต่อไป๋ฉูผู้นั้นราวกับเขาเป็นสามีของตน ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนได้แต่สังเกต ไม่ได้ขยับตัว หรือกล่าวสิ่งใด และยามนั้น หวังตันยิ้มให้นาง ก่อนก้าวมาแล้วบอกว่า “อาเหลียน ทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว ช่วยเหลือคนที่ควรช่วย อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่อยากให้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แค่หมอเทวดา รักษาคนยากไร้เท่านี้นับว่าเพียงพอแล้ว” แม้จะได้ยินอย่างนั้น แต่ซ่างเป่าเหลียนก็ลอบถอนหายใจ อยู่หลายหน นางเกือบจะยื่นมือเข้าไปยุ่งอยู่แล้วเชียว ผิดแต่การต้องเสียเวลาเดินทางมาที่นี่ ล้วนเป็นประสงค์ร้ายของไป๋ฉู และสตรีที่ชื่อรั่วจิ้ง ด้วยเกิดความโกลาหลในก่อนหน้านั้น การดูแลซ่างเป่าเหลียนจึงเข้มงวด มีทหารเฝ้าอยู่เรือนรับรองหลายชีวิต อีกทั้งสิงตู้เหยาถูกจับแยก เรื่องนี้สร้างความกังวลต่อหญิงสาว อีกฝ่ายยังเด็ก ทั้งการไม่เคารพต่อไป๋ฉูอาจสร้างอันตรายต่อนางได้ สิงตู้เหยาถูกจับกุมตัว แม้ไม่ได้มัดมือ หรือมีโซ่ล่าม ทว่าเห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ เพราะสาวใช้ต้องเข้าไปอยู่ในคุกด้านล่างศาลเมืองกุย การถูกขังมิใช่เรื่องดี แล้วต้นเหตุคือสิงตู้เหยาต้องการปกป้องซ่างเป่าเหลียน “ลำบากเจ้าแล้วเสี่ยวเหยา จากนี้ทำสิ่งใดต้องไตร่ตรองให้มาก ความผิดเจ้ายอมความกันได้ แต่ดูเหมือนว่าเมืองกุยนี้ ผู้ใช้กฎหมายไร้ซึ่งความเมตตา” สิงตู้เหยากลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ แล้วตอบนาง “นายหญิง อย่าเอาเรื่องเล็กน้อยของบ่าวไปใส่ใจเลย ชีวิตนี้บ่าวมอบให้ท่านแล้ว แม้ตายไปเป็นผี ก็จะติดตามจนกว่าท่านจะเดินทางถึงเมืองหวางอิน และได้ใช้ชีวิตที่นั่นอย่างสงบสุข” “อย่ากล่าวเหลวไหล เป็นเจ้าที่เคยพูดว่า อยากอยู่รับใช้ข้าจนออกเรือนมิใช่หรือ เด็กน้อยงามเพียงนี้ ข้าย่อมเสาะแสวงหาบุรุษที่เพียบพร้อมสำหรับเจ้า เมื่อพบแล้ว ข้าถึงจะยอมให้เจ้าใช้ชีวิตตามใจตนเอง” สิงตู้เหยาได้ยินอย่างนั้น เด็กสาวก็ร้องไห้เสียงดังอย่างน่าสงสาร อีกทั้งทหารสองนายที่จับตัวนางไว้ล้วนวางสีหน้าดุดัน พร้อมเตรียมจะตวาดใส่นางให้หยุดแสดงความอ่อนแอ ซ่างเป่าเหลียนสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวเสียงต่ำกว่าปกติ “หากคนของข้า เจ็บตัวเพียงเล็กน้อย ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าทุกคนอย่างถึงที่สุด” ซ่างเป่าเหลียนเรียนรู้แล้วว่า หากยอมอ่อนข้อกับอันธพาล ก็จะถูกเข่มเหง และจ้องทำร้าย นางจึงต้องแกร่ง ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อวัน “แม่นาง...พวกข้ารับคำสั่งรองเจ้าเมือง อย่างไรอย่าได้ถือโทษเลย หากต้องการคิดบัญชีใดๆ ก็จงเป็นคนแซ่ไป๋ กับสตรีที่เป็นฮูหยินของท่านอารักษ์” “คนทั้งคู่มีอำนาจมากถึงเพียงนั้นในเมืองกุย” นางย้อนถาม ทหารสองนายเกือบจะหลุดปากเล่าหลายสิ่ง ทว่าสุดท้ายก็ได้แต่เงียบเฉย เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัว หวังตันนั้นไม่ค่อยสบายใจ นางเห็นว่าสิ่งต่างๆ ไม่ถูกต้อง ราวกับมีคนจงใจ อยากให้ซ่างเป่าเหลียนมีโทษสถานหนัก นอกจากนั้นทั้งไป๋ฉู กับรั่วจิ้ง สองคนนี้หากเป็นไปได้ก็ควรอยู่ให้ห่างๆ “อาเหลียน สถานการณ์ไม่ดีนัก แต่อย่ากังวล บ้านเมืองย่อมมีกฎหมาย อีกอย่างภายใต้การดูแลของท่านแม่ทัพ ตัวท่านย่อมปลอดภัย” “ข้าแค่ทำหน้าที่ของราษฎรที่ดีคนหนึ่ง การช่วยเหลือคนครัวผู้นั้นด้วยความบริสุทธิ์ การที่นางเสียชีวิตย่อมมีเงื่อนงำ” ซ่างเป่าเหลียนย่อมมั่นใจว่า คนครัวปลอดภัยจากน้ำมันสกัด แต่อาจถูกทำร้ายด้วยวิธีอื่นจนสิ้นชีวิต อีกอย่างนางไม่ทันได้เห็นศพ จึงวิเคราะห์สิ่งใดยังไม่ได้มากกว่านี้ “อาซ่งกำลังสืบเรื่องพวกนี้ คาดว่าไม่นานคงได้คำตอบ ถึงอย่างนั้นทั้งไป๋ฉู และรั่วจิ้ง ทั้งคู่ต่างประสงค์ร้ายต่อท่าน” “เรื่องนั้นข้าก็ห่วง และเท่าที่พอจะสังเกตจากน้ำเสียง และสีหน้ารองเจ้าเมืองไป๋ และความห่วงใยของรั่วจิ้งที่มีต่อเขา อย่างไรย่อมเชื่อได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เกินพี่สะใภ้กับน้องสามี” หวังตันพยักหน้าตาม ก่อนเอ่ยต่อ “ที่โรงเตี๊ยมอาเหลียนล่วงรู้ความลับนาง เรื่องนี้ทำให้ข้าอดหวั่นใจไม่ได้” ซ่างเป่าเหลียนบีบมือตนเองแน่น นางสูดลมหายใจลึกเข้าปอด เรื่องที่นางสงสัยว่ารั่วจิ้งตั้งครรภ์ได้ปรึกษากับหวังตันก่อนหน้านี้ หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวก็ถามว่า “หีบยาเทพธิดาข้าเล่า รักษาไว้ดีหรือไม่” “อาซ่ง ผ่านสนามรบมาหลายปี และนอกจากขับรถม้าเก่งกาจแล้ว เขายังเป็นนักย่องเบาด้วย วังหลวงมีกำแพงสูง เขาก็เข้าออกได้สบาย ยามใดที่แม่นางเหลียนต้องการใช้หีบยาเทพธิดา ขอเพียงเอ่ยปาก ไม่นานอาซ่งย่อมพามันมามอบให้ท่านแน่นอน” ได้ยินอย่างนั้น ซ่างเป่าเหลียนก็พอใจยิ่ง “นายท่านของแม่บ้านหวัง ปากเขาก็ไล่ข้าไปให้พ้นๆ หน้า เหตุใด ถึงมอบผู้ที่มากฝีมือ ติดตามสตรีด้อยค่าผู้หนึ่ง มันไม่สมเหตุ สมผลเอาเสียเลย” หวังตันฟังน้ำเสียงผู้อ่อนเยาว์กว่าแล้วก็หัวเราะออกมา “ท่านแม่ทัพเป็นคนเช่นนี้ อยากให้แม่นางเหลียนอยู่ไกลๆ สายตา แต่ให้ตัดขาดจากกันก็คงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ อีกอย่าง ตัวท่านก่อนหน้านี้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาอย่างลับๆ เพื่อแต่งกับคุณชายห้า แม้ยังไม่ได้ดื่มเหล้ามงคล แต่ก็เป็นสตรีที่สกุลซ่างสาดน้ำทิ้งออกจากเรือนแล้ว เช่นนี้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบย่อมต้องเป็นสามี หรือไม่ก็ พ่อของสามี” ซ่างเป่าเหลียนอยากหัวเราะ เรื่องนี้ไม่สมเหตุ สมผลเหลือเกิน ไม่ได้เข้าหอกับลูก แล้วต้องขึ้นเตียงกับพ่อสามี จากนั้นก็อยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และดูเหมือนว่า เป็นครั้งแรกนับแต่นางย้อนเวลามาอยู่ในโลกคู่ขนาน ที่พบว่า ความคิดผู้คน สถานที่ รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เหมือนเป็นบทละคร หรือ เรื่องราวจากจินตนาการ มากกว่าจะเป็นความจริง หรือกล่าวได้ว่า มีคนพยายามเปลี่ยนบทของตัวละครซ่างเป่าเหลียน คนผู้นั้นจะเป็นใครได้หากไม่ใช่สตรีที่อยู่ในโลกคู่ขนาน ซึ่งก็คือตัวของเป่าเหลียน ผู้ที่อดีตคือแพทย์ประจำห้องฉุกเฉิน ก่อนจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีชีวิตเหมือนคนผัก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD