หลังการพักผ่อนที่เรียบง่ายที่สำนักนางชี ซ่างเป่าเหลียนรู้สึกมีความสุข และผ่อนคลายอย่างแท้จริง นอกเหนือจากนั้นอาหารเจที่สำนักนางชีอร่อยถูกปาก ผักสด เต้าหู้เนื้อดี น้ำแกงหัวผักกาดขาวหวานหอมเลิศรส นางกินอาหารได้มากเช่นนั้น เลยง่วงเร็วสักหน่อย ฝ่ายหวังตันคอยสังเกต และหลายหนเหมือนต้องการอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมการตั้งครรภ์ของหญิงสาว
“แม่บ้านหวัง...”
หวังตันละอายใจเล็กน้อย นางเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ต้องคอยจับผิดคนที่อายุน้อยกว่า อีกทั้งใจนึกสงสารซ่างเป่าเหลียน ชะตาชีวิตคุณหนูเจ็ดผู้นี้ จะว่าไปก็อาภัพนัก
“บอกข้ามาเถิด อาเหลียน”
เมื่ออยู่กันตามลำพัง หวังตันเรียกหญิงสาวอย่างสนิทสนม นั่นคงเป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกัน ทำให้มั่นใจว่าสตรีคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ส่วนเรื่องเป็นสายลับให้แก่สกุลซ่างหรือไม่นั่น คงต้องพิสูจน์กันในภายหน้า อย่างไรก็ตามยามนี้หวังตันผ่อนปรนสิ่งต่างๆ ลงมากแล้ว อีกอย่างคำสั่งของตงเยี่ยหรงก็เคร่งครัด สตรีผู้นี้ห้ามไม่ให้ใครลบหลู่เกียรติ และส่งนางให้ถึงเมืองหวางอิน
“เรื่องยับยั้งการตั้งครรภ์นั้น ข้าได้กินยาของตนเองเรียบร้อย อย่างไร ชาตินี้ก็ไม่คิดสืบทอดทายาทให้คนผู้นั้นแน่นอน”
เอ่ยออกไปตรงๆ หัวใจก็โหวงพิกล ขณะเดียวกันนางโล่งใจ ไม่กดดันอีก และยาที่นางเอ่ยถึงก็คือสิ่งที่อยู่ในหีบยาเทพธิดานั่นเอง
“อาเหลียนมีตำรับยาของตนย่อมเป็นการดี ทว่าอย่างที่เตือน การเป็นคนเก่ง อาจทำให้เหนื่อยหนักในภายหน้า เช่นนั้นจงซ่อนตัวเอาไว้เงียบๆ เถิด แล้วคนที่คิดร้ายต่อเจ้ากับคุณชายห้า จนป่านนี้ยังไม่เผยตน ดังนั้นจึงต้องตระหนักให้มาก”
หวังตันบอกนางจบ อีกฝ่ายก็ให้ความสนใจยาของหญิงสาว มันมีลักษณ์เป็นยาลูกกลอนก็จริง ทว่าสรรพคุณไม่ธรรมดา และก่อนหน้านี้ในการทำครัว มีดได้บาดนิ้วของสิงตู้เหยา ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนช่วยทำความสะอาดแผล ทั้งมีการใช้ผ้าแบบพิเศษที่เหนียวพันแผลให้ด้วย
“แม่บ้านหวัง... อาจเพราะข้าพอมีฝีมืออยู่บ้าง สวรรค์จึงส่งให้มาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยที่สุด การได้ช่วยผู้อื่นหายป่วยไข้ หรือรักษาแผล มันทำให้ข้ารู้สึกว่าตนพอมีประโยชน์ นานมาแล้ว ร่างกายข้าเคยนอนเป็นผัก หยิบจับสิ่งใดไม่ได้ เฝ้ารอความตายมาเยือนอยู่เช่นนั้น กระทั่งมีเรี่ยวแรงอีกครั้ง ข้าก็จะไม่หวนกลับไปเป็นคนผักอีกเด็ดขาด”
“ดื้อรั้นยิ่งนัก... ด้วยเหตุนี้สินะ แม่ทัพใหญ่ถึงได้ให้เจ้าได้เดินทางไกล แล้วความผิดที่เจ้าควรได้รับ มันช่างน้อยนิด หากเป็นผู้อื่น คงถูกขายให้ซ่องชั้นต่ำ หรือส่งตัวไปทำงานหนักที่เหมือง คือปลายทางเลือกสุดท้ายของศัตรูตระกูลตง อีกอย่างเจ้ายังทำร้ายเขาด้วย ข้าเห็นแผลแล้วยังหวั่นใจ กลัวกระดูกเจ้าจะแหลกละเอียดคามือเขา”
ซ่างเป่าเหลียนนึกถึงการเผชิญหน้ากับตงเยี่ยหรง และช่วยไม่ได้ ที่นางใช้แรงทั้งหมดปกป้องตนเอง กระทั่งถูกเขารวบหัวรวมหาง แล้วยอมจำนนในที่สุด ถึงอย่างนั้นนางก็ทำให้เขาได้แผลที่ข้างแก้มซ้าย ด้วยการที่นางกัดฝังเขี้ยว ก่อนจะถูกเขาผลักล้มหงายหลังจนจุกเจ็บ และอย่างที่หวังตันกล่าว แผลที่นางฝากไว้กับเขามันเหวอะหวะทีเดียว เรียกว่าอาจทำให้อัปลักษณ์ก็คงไม่ผิดไปจากนั้น
“ฮึ เผด็จการ และร้ายกาจ สมชื่อตงเยี่ยหรง ได้พบเขาครั้งเดียวชาตินี้ก็เกินพอแล้ว” กล่าวจบนางก็เก็บหีบยาเทพธิดาของตน และเป็นยามนั้นที่หญิงสาวพบว่า โลกคู่ขนาน ได้มอบมิติพิเศษกับชีวิตใหม่นี้ด้วย
หีบยาเทพธิดา มันไม่ใช่แค่ย่อส่วนได้ หากมันพรางตาไม่ให้ผู้อื่นพบเห็นด้วยตาเนื้อ เช่นนี้การรักษาของนางย่อมจะเป็นความลับ ไม่สร้างความแตกตื่นแก่คนทั่วไป
ขบวนเล็กๆ ออกเดินทาง และจนเกือบจะมืดค่ำแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังจะพ้นเขตการดูแลของเมืองกุย ด้วยเมืองนี้มีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งหนทางสลับซับซ้อน จึงใช้เวลานานอยู่สักหน่อย บางทีผู้คนก็อาศัยการลงเรือ ทว่าช่วงนี้มีทั้งโจรทางน้ำมากมาย ดังนั้นหวังตันจึงเลือกการใช้รถม้าแทน
เบื้องหน้ากำลังจะออกจากเขตประตูเมืองกุยแต่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทหารนับห้าสิบชีวิตปรากฏตัว แล้วสั่งให้หยุดรถม้า
แม้โจวซ่งมีฝีมือมากเพียงใด แต่ไม่อาจรับมือคนพวกนั้นได้ทั้งหมด อีกอย่างหากเขาบาดเจ็บหนัก ไฉนจะสามารถปกป้องสตรีทั้งสามคนได้
หวังตันจับสายรัดเอวของตน นางมีวรยุทธ์ไม่ต่ำทราม แม้วัยจะล่วงเข้าสี่สิบเศษ และหากต้องต่อสู้จริงๆ นางก็คาดว่า จะยื้อเวลาให้สตรีของตงเยี่ยหรงผู้นี้ เอาตัวรอดไปได้
แต่ในสถานการณ์ดังกล่าวนั้น คนใจร้อนและแสนจะบุ่มบ่ามลงรถม้าไปก่อนใคร
“พวกท่านขวางทางรถนายหญิงข้า นับว่าถูกต้องแล้วหรือ” สิงตู้เหยาออกไปยืนหน้าด้านรถม้า สาวใช้ผ่านความตายมาหลายหน อายุน้อยก็จริง แต่นางติดตามกองทัพมาตั้งแต่ห้าขวบ ไฉนจะเกรงกลัวสิ่งใดง่ายๆ สมแล้วที่ตงเยี่ยหรงคัดเลือกมา โดยที่นางก็สมัครใจด้วย
“แม่นางน้อย บอกให้นายหญิงของเจ้ามอบตัวเสียดีๆ”
“มอบตัว!”
สิงตู้เหยาโมโหจริงๆ แล้ว
“ถูกต้อง คนงานหญิงที่โรงเตี๊ยมเสียชีวิต เช่นนี้นายหญิงของเจ้า ย่อมเป็นคนวางยา พยายามฆ่าทุกคน”
นายทหารผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงจริงจัง สิงตู้เหยากำหมัดแน่น อยากช่วยนายหญิงตน ทว่าไม่ทันได้ทำสิ่งใด ซ่างเป่าเหลียนก็ก้าวลงจากรถม้า
“มีเรื่องใดเยี่ยงนั้นหรือ”
ซ่างเป่าเหลียนถาม และฝ่ายทหารเตรียมพุ่งเข้ามาจับตัวนาง
“จับตัวนักโทษ อย่าให้นางหลบหนีไปได้!”
เสียงเข้มดังขึ้น ทว่าเป็นตอนนั้นที่ หวังตันต้องขัดขวาง เพื่อรักษาเกียรติของซ่างเป่าเหลียน
และสายตาโจวซ่งก็มองนาง เป็นการสื่อสาร ที่เรียกได้ว่าเฉพาะพวกที่ถูกฝึกฝนเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้
“เจ้ารู้ใช่ไหมอาซ่งว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
“ป้าหวัง ข้าถูกฝึกมาอย่างหนัก นอกจากดูแลม้าแล้ว ก็ยังมีวิชาอื่นติดตัวอยู่บ้าง”
หวังตันยิ้มให้คนหนุ่ม แล้วล้วงเข้าไปในสาปเสื้อ มีป้ายอภัยโทษปรากฏต่อสายตาทุกคน
“สตรีผู้นี้ มีความสำคัญต่อแผ่นดิน ห้ามผู้ใดล่วงเกิน แล้วหากมีความผิดใดๆ ย่อมต้องให้ขุนนางระดับห้าขึ้นไปไต่สวนอย่างยุติธรรม ผู้ใดทำสิ่งไม่สมควร แม้แต่คิดลบหลู่นาง จงรู้ไว้ว่า มีความโทษสถานหนัก”
น้ำเสียงหวังตันดังกังวาน แม้เป็นเพียงแม่บ้าน ทว่าได้รับการไว้ใจจากตงเยี่ยหรง เช่นนั้นนางก็จะดูแลคนของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง ส่วนป้ายอันสำคัญนี้ นางได้รับมาเมื่อหลายปีก่อน เพื่อใช้ในการเปิดทาง และใครพบย่อมต้องปฏิบัติตาม
ซ่างเป่าเหลียนหันไปมองหวังตัน สายตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความขอบคุณ
“แม่บ้านหวัง ข้าก่อเรื่องให้ท่านต้องเดือดร้อนอีกแล้ว”
หวังตันยิ้ม และตอบว่า
“ตั้งแต่ข้าเห็นอาเหลียนในหมู่เชลย ก็รู้ว่า นับแต่นี้ชีวิตที่เหลืออยู่ คงต้องโลดโผนอยู่สักหน่อย”
ยามนั้นคงที่หัวเราะตัวโยนก็คือสิงตู้เหยา ส่วนโจวซ่งหันมาส่งสัญญาณแก่หวังตัน ตอนนี้เขาได้ส่งข่าวถึงหน่วยม้าเร็วของแล้ว
ท้องฟ้ามืดแล้ว และรถม้าของซ่างเป่าเหลียนก็มาถึงศาลหลักของเมืองกุย ยามนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ไต่สวน คือไป๋ฉู น้องชายไป๋ฉี เรื่องนี้ซ่างเป่าเหลียนพึ่งมาทราบแต่หนหลัง
ทั้งสองคนมาประจำการเขตพื้นที่นี้ โดยพี่ชายคืออารักษ์หลวง ทำหน้าที่บันทึก และได้รับการแต่งแต่งตั้งให้ตรวจสอบสิ่งต่างๆ ของแผ่นดิน โดยเฉพาะเรื่องกำแพงเมือง และการตัดถนนใหม่ เพื่อวางแผนทางการค้า
ส่วนน้องชาย มาที่เมืองกุยเพื่อนเป็นรองเจ้าเมือง พร้อมรับหน้าที่นั่งบัลลังก์พิพากษาคดีต่างๆ ในเมืองนี้ ทว่าเขาเป็นเพียงข้าราชการระดับหก ไฉนจะมีสิทธิ์ไต่สวนซ่างเป่าเหลียน ดังนั้นจึงส่งนางไปยังเรือนรับรอง รอขุนนางจากส่วนกลางเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว
“พี่ชายข้า มีงานเร่งด่วน ยามนี้เข้าต้องรุดไปดูกำแพงเมืองที่เสียหาย รวมถึงเขื่อนที่รับน้ำจนเกือบจะล้น ส่วนข้า แม้ติดใจหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยม ทว่าด้วยตำแหน่งที่มี ก็ใช่จะเร่งสอบปากคำแม่นางเหลียนได้”
ท่าทางไป๋ฉูไม่ได้นอบน้อมต่อซ่างเป่าเหลียนแม้แต่น้อย สายตาก็มองนางอย่างหยาบคาย พร้อมจงใจที่จะแสดงให้เห็นว่าประสงค์ทำเรื่องไร้ยางอายด้วย นั่นเป็นเพราะหญิงสาวงดงาม และเฉิดฉายเกินใคร แม้แต่รั่วจิ้งที่เขาโปรดปราณ ก็ยังหาเทียบได้หนึ่งในสี่ส่วนซ่างเป่าเหลียน
“เอาล่ะ พักเรื่องวุ่นวายไว้ก่อน ยามนี้ แม่นางเหลียนเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปนั่งเล่นที่ศาลาดื่มน้ำชา และขนมหวานเป็นเพื่อนข้า ดีหรือไม่” ไป๋ฉูเอ่ยชวน และก้าวมาเกือบชิดร่างของซ่างเป่าเหลียน ทว่าร่างเล็กกะทัดรัดของสิงตู้เหยา เข้ามาขวางอย่างได้จังหวะ สาวใช้หมั่นไส้มานานแล้ว อยากถีบคนตัวหนา พุ่งพลุ้ยเต็มที่
“กลิ่น... นายหญิงเจ้าค่ะ บ่าวได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ หากเดาไม่ผิด ย่อมเป็นกลิ่นคนแก่ ชายวัยสี่สิบขึ้นไป ส่วนมากมักเป็นเช่นนี้”
ไป๋ฉูโมโหขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหมายจะตบสั่งสอนสิงตู้เหยา แต่กลับกลายเป็นว่า ไม่ทันได้ลงมือทำสิ่งใด ร่างกายก็เกิดสิ่งผิดปกติอย่างเร็ว เป็นเหตุให้หน้ามืด ยืนโงนเงนไปมา
“หัวใจข้า... โอ้... หัวใจ ปวดเหลือเกิน หะ หายใจไม่ออก”