ตอนที่ 5
กลัวลูกสาวอย่างหล่อน จะหาสามีไม่ได้ในชาตินี้ แล้วถึงกับจะขาดใจตายเลยทีเดียวหรือไง
“ฮึถ้าเพอร์เฟกต์สมบูรณ์จริงๆอย่างนี้อีตานี่”
หล่อนคิดอีก ตายล่ะ ก็คงต้องมีสาวๆหลายคน ที่เขาเข้าไปพัวพัน จ้องตาเป็นมันแน่ เพราะอาจจะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แต่ทำไม? หล่อนไม่ทราบด้วย ก็แล้วทำไม ผู้ชายคนนี้ ถึงต้องมาเลือกพีรียาด้วย
ต้องการมาพัวพันกับชีวิตของหล่อนงั้นหรือ อยากเป็นแฟน อยากเป็นเจ้าบ่าว ทั้งๆที่ความรู้สึกของหญิงสาวไม่ได้นึกคิดพิศวาสอะไรด้วยเลย ที่สำคัญแน่ๆ หญิงสาวลองทายและคิดเดาว่าผู้ชายคนนี้จะต้องเจ้าชู้อย่างมากที่สุด
ไม่นานนักพีรียาจึงจัดการเสียทีคือเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำจนรู้สึกเย็นกายสบายตัว แต่ก็ ยังมีความเครียดและปนกังวลอยู่ ถ้าหากว่า ถึงคราวที่เธอจะต้องลงไปข้างล่าง เพื่อพบหน้าบิดามารดาและเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เสนอตัวเข้ามาในชีวิตคนนั้น กับครอบครัวของเขา เนื่องจากว่า เขาอยากจะอุปการะหล่อนนักหนา อยากเป็นสามี น่ะหรือ ฮึ ไม่มีทาง พีรียาครุ่นคิด อย่างไม่ชอบใจ
และนี่ เมื่อหล่อนเหลือบมองดูนาฬิกา มันจวนใกล้บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ก็คงใกล้เวลาที่นายคนนั้นจะมาอย่างแน่นอน
“เฮ้อ” หญิงสาวขอถอนหายใจอีกครั้งแล้วนี่ เธอจะต้องทำอย่างไรดีล่ะ ต้องรีบหาทาง สร้างอุบายแล้วจะทำอย่างไรดีหนอ ทั้งสับสน และทำอะไรไม่ถูก แต่ในที่สุดก็คิดได้ เมื่อใช้สมาธิ ก็คือประการแรกที่หล่อนคิดได้
ถ้าต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายทางนั้นหล่อนจะใช้คำพูดที่ยียวนแกล้งฝ่ายนั้นเสียให้เข็ด ชนิดไม่กล้านั่งอยู่ในบ้านของหล่อน
พีรียาตั้งใจจะพูดแรงถึงขนาดนั้น แล้วก็หล่อนคิดว่า ตัวเองจะไม่แต่งหน้าทาปากด้วย ไม่พึ่งพาเครื่องสำอางชนิดใด และคิดว่า ให้ เอาความสวยแบบธรรมชาติจืดชืดแบบนี้ล่ะ ใครจะมอง จะว่ายังไงก็ช่าง นั่นทำให้คนที่เข้ามาร่วมเป็นแขก คาดคิดว่า เหมือนหล่อนไม่ให้เกียรติ
และไม่มีความเคารพ หรืออยู่ในสายตา จะอย่างไรก็ตามทีเถอะ พีรียาไม่เห็นต้องสนใจเลยกับเรื่องนี้ เพราะจะว่าไปนั้น แล้วคนทุกคนล่ะ ท่านเคยสนใจเกียรติของหล่อนบ้างไหม? ที่ต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ เกียรติของหญิงสาว กับการที่หล่อน ไม่อยากร่วมหอลงโรงกับใครในตอนนี้
และทางฝ่ายโน้นนั้นก็แปลก ที่คงจะต้องการ ที่จะได้พีรียามาเป็นสะใภ้จนตัวสั่นกระมัง ฮึ ก็ผู้หญิงทั่วไป ทั้งโลกในโลกนี้ มันค่อนข้างหายากนักหรือไงล่ะ ถึงต้องมาหมายเอาตัวหล่อนด้วย
“โอ๊ย นาฬิกาทำไมนี่ มันถึงได้คืบคลานมาอย่างเร็วนักล่ะ เราจะทำยังไงกันดี ต้องรับมือกับทุกคนให้ได้ และจะให้หน้าแตกกลับไปแบบหมอไม่รับเย็บเลย”
หญิงสาวเหลือบมองที่นาฬิกาติดฝาผนังห้องอีกครั้งพร้อมบ่น ด้วยความรู้สึกที่ขัดใจ นี่รู้สึกกระสับกระส่ายไปหมด ขณะนี้คิดว่า คุณท่านกับนายท่าน ก็คงจะรอคอยหล่อนจนเหงือกแห้งอยู่ข้างล่างแล้ว
ก็แน่นอนล่ะมารดาผู้ฉลาดของหล่อนคุณนภาพรมารดาของเธอต้องเข้าใจว่าบุตรสาว
พีรียากำลังเล่นตุกติกกับเธอเรื่องว่าที่เจ้าบ่าวที่จะมาหมั้นหมาย
ถ้าขืนทำอะไรชักช้าอย่างนี้ มีหวังได้ถูกดุตำหนิต่อหน้าแขกเหรื่อหนักกว่าเดิม และก็คงได้อับอายขายหน้ากันล่ะ ดังนั้นคิดแล้ว จึงได้ตัดสินใจที่จะเลือกสวมชุดสีเหลืองซึ่งเป็นเสื้อที่บ่งบอกสัญลักษณ์การจงรักภักดีต่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่เกี่ยวกับงานหมั้นสักนิด
ก็ทุกคนอยากจะบังคับหล่อนนัก ส่วนกางเกงก็เป็นสามส่วนเนื้อผ้าฝ้ายสีเทา แบบเรียบง่ายไม่มีความประณีต พิถีพิถันใดๆทั้งสิ้น เพราะหล่อนคิดว่า ไม่เห็นที่จะต้องให้ตัวเองโดดเด่นเลยในเวลานี้ แต่ถ้ามารดา ท่านจะเอ่ยถามเหตุผลล่ะก็ เพียงแค่หล่อนตอบว่า กลัวจะไม่ทัน ก็เลยรีบใส่ตัวนี้
ก็ต้องเริ่มแผนต่อไป แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน และหล่อนเริ่มนึกถึงเขาคนนั้น ปัณรุจน์ แปลกใจนัก ที่ยามนี้ หล่อนกลับมีเขามาข้องแวะอยู่ในใจนายนั่น ใช่แล้วพีรียาเพิ่งแวบขึ้นมาได้ “ปัณรุจน์”
นายบอร์น นายจะต้องช่วยฉันได้
เมื่อเพิ่งคิดถึง และอยากจะยืมเอาตัวเขามาเพื่อเป็นข้อต่อรองและข้ออ้างกางกั้นหล่อนในเวลานี้ด้วย และคราวต่อไปอีกด้วย และเมื่อจวนตัวอย่างนี้แล้ว เหมือนไร้ทางหนีทีไล่กับมารดา พีรียาต้องยึดเอาไว้ก่อน
“เพราะไม่งั้น ถ้าไม่สำเร็จ ก็มีแต่ตายกับตาย เท่านั้น เละกับเละเท่านั้น ยายเพี๊ยช” หล่อนบอกกับตัวเอง
เมื่อหล่อนตัดสินใจแล้วจึงกดไปตามหมายเลขเบอร์ของเขาที่ให้ไว้ทันที และก็คิดว่า เขาคงจะรับสายด้วย “รับอย่างแน่นอน นายบอร์น ช่วยฉันทีเถอะ”
ขณะที่ฝีเท้าของหญิงสาวก้าวลงชั้นบันไดอย่างเงียบๆ แล้วจึงมาปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อ
ดวงหน้าหวานปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม นั้นดูเหมือนจะขัดใจคุณนภาพรไม่น้อย เธอเพียงแต่ชำเลืองมองด้วยแววตาตาตำหนิ ในสิ่งที่บุตรสาวกำลังปฏิบัติต่อแขก ซึ่งไม่ใช่งานกินเลี้ยงหรือสังสรรค์ธรรมดา ซ้ำใบหน้าขาวจนซีดเป็นธรรมชาติ ทำให้เธอมองด้วยสายตาตึงๆ พร้อมกับนึกคิดในใจว่า ลูกสาวตัวดีกำลังจะก่อเรื่องบ่ายเบี่ยงหรือหาทางเฉไฉไหลแบบไหนอีก
ฝ่ายมุททันต์นั้นเขามาพร้อมด้วยคุณหญิงนุตยา ผู้เป็นมารดาและบิดาคือ คุณณรงค์รวมทั้งเถ้าแก่ในวันนี้ คือ นายพลวิธาน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงข้าราชการ และมีตำแหน่งใหญ่ในทางการเมือง เป็นรองนายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน คือ ท่าน สุรัตน์
แต่หล่อนก็ไม่ได้สนใจและ คนเหล่านี้ ก็ไม่ได้อยู่ในหัวของหญิงสาวเลยด้วยซ้ำ ที่เป็นอย่างนี้ มารดาของหล่อนต่างหากล่ะ ท่านสนใจเรื่องนี้มากกว่าเธอเสียอีก แต่สำหรับบิดาของเธอนั้นท่านกลับนั่งนิ่งเงียบสายตาชำเลืองมองมาทางลูกสาวคนงามนิดหนึ่งพร้อมกับเอ่ยว่า
“เข้ามานั่งใกล้ๆพ่อสิ โน่นท่านรองวิธาน ยกมือไหว้ท่านเสีย ” หล่อนทำตามที่บิดาแนะนำอย่างเงียบ
คือก้าวมาทรุดนั่งเคียงข้างบิดาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกด้านซ้าย และมีที่ว่างริมสุดพอดี
ส่วนคุณนภาพรนั่งอยู่ด้านในสุด ส่วนฝั่งตรงกันข้าม คือ ครอบครัวรุจิรักษ์ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นผ้าไหมตัดเย็บอย่างประณีตทั้งบ่งบอกถึงฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับ และนักธุรกิจมีชื่อเสียง