รอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิดอยากจะตอบแทนเขา

1221 Words
ตอนที่ 4 และบรรยากาศยามสายๆในวันรุ่งขึ้น ที่ร้านเน็ต ซึ่งเขามาใช้บริการ เป็นประจำ จนเจ้าของร้านจำหน้าได้ เจ้าของร้านเป็นคนเดิมคือ พี่โอ๋เป็นชายหนุ่มรุ่นพี่ผิวขาวค่อนข้างเจ้าเนื้อ สวมแว่นตากรอบทองบ่งบอกว่าฐานะเป็นลูกคนจีน และเฝ้าดูแลร้านซึ่งเป็นของเขาเองโดยภายในร้านมีเครื่องอินเทอร์เน็ตกว่ายี่สิบเครื่อง “อ้าว บอร์น วันนี้มาแต่วัน ลาหยุดเรียนหรือยังไง” เจ้าของร้านทัก เพราะคุ้นเคยสนิทสนมดี และเขานั้นเปิดยิ้มทักทายให้เมื่อเจ้าของร้านเห็นเขาก้าวเข้ามา พร้อมผลักประตูกระจกสีหน้าของปัณรุจน์นั้นไม่ค่อยสู้สบายใจเท่าที่ควร เพราะดูซีดแต่ว่าเขาพยายามที่จะกลบเกลื่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครเห็นร่องรอย จึงตอบ “ครับ คงได้หยุดตลอดไปนั่นแหละพี่โอ๋” เขาเอ่ยพูดออกไป มีความหมายเหมือนประชดตัวเองด้วย “อ้าวทำไมล่ะ” “ผมลาออกจากที่เก่าแล้ว ก็ปัญหาเดิม ผมทนอยู่กับคนที่เอารัดเอาเปรียบไม่ได้” ปัณรุจน์เอ่ยตามความจริง อย่างไม่ปิดบัง โอ๋ หนุ่มวัยสามสิบห้า เงียบไปครู่ เมื่อฟังจบ จึงรู้สึกสงสาร “แล้ว หางานใหม่ได้แล้วหรือยังล่ะ” เขาส่ายหน้ากับรุ่นพี่ และเป็นเจ้าของร้าน “ยังครับ พี่โอ๋ โธ่ พี่ผมเพิ่งออกจากงานนี่ครับ วันนี้ด้วย จะให้ปุบปับหาได้เลยหรือ” วีรพงษ์จึงเข้าใจ พร้อมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาคิดว่า มิน่าล่ะ เจ้าบอร์น ถึงได้มีสีหน้าที่ดูเครียด “ก็ได้ แล้วพี่จะหางานให้ทำ” เขาเงยหน้ามองวีรพงษ์ นึกว่าพูดเล่น “อย่าพูดเล่นสิครับ ผมกำลังซีเรียส” วีรพงษ์ยิ้ม “อ้าว นี่ พี่พูดจริงๆนะ บอร์น แล้วพี่ ก็หมายความว่าพี่คิดจะช่วยเหลือนายด้วยต่างหาก บอร์น เพราะพี่รู้จักนายดี อีกอย่าง ตอนนี้งานในร้านเน็ตพี่ไงล่ะ กำลังจะขาดคนอยู่พอดี อยากได้บอร์นมาเสียบแทน นี่พี่ก็กำลังจะประกาศรับสมัครงานด้วย เพราะมีพนักงานคนหนึ่ง คนที่ว่า เขาลากลับไปบ้านเดือนหนึ่ง บอกพี่ว่า พ่อแม่บอกให้มันบวช ” “งั้นผมก็ขออนุโมทนาสาธุคนหนึ่งด้วยก็แล้วกันครับ” ปัณรุจน์เอ่ยตอบ ดูเหมือนวีรพงษ์ต้องการคุยกับเขา “เอ้อ ดี แล้วว่าไง เรื่องงาน นายสนใจไหม ทำแค่เดือนเดียวก็ได้ หรือถ้าชอบก็ทำประจำ พี่ให้ค่าแรงเท่ากับพนักงานนั่นล่ะถ้านายรับปากพี่ก็จะรับเลยเพราะบอกตรงๆพี่ไม่มีเวลาว่างที่จะดูแทน” หลังจากนิ่งแล้ว เมื่อเจ้าของร้านพูดจบ ปัณรุจน์จึงเงยหน้าขึ้น พยักหน้ารับปากเพื่อทำให้เจ้าของร้านสบายใจ “ก็ได้ ครับ พี่โอ๋ หนึ่งเดือนก็หนึ่งเดือนนะ แต่บอร์นขอเวลาเป็นพรุ่งนี้” เขาเอ่ยต่อ “อีกอย่าง บอร์นทำได้เฉพาะกลางคืน” “พี่รู้อยู่ก็เพราะนายเรียนหนังสือพี่ถึงอนุญาตให้ช่วงกลางคืน ส่วนช่วงกลางวันไม่เป็นไรอุษามันก็ทำประจำอยู่แล้ว” เจ้าของร้านเอ่ยถึงพนักงานดูแลร้าน เป็น หญิงคนหนึ่งซึ่งในเวลานี้ก็มาทำงานแต่ว่าอยู่ในช่วงแวะพักทานข้าว ดังนั้นวีรพงษ์กับวรรณีจึงเข้ามาดูแลแทน ****************************** และอีกครั้ง ที่บ้านของพีรียาในช่วงบ่ายของวันต่อมา เมื่อสาวใช้คนที่มารดาเรียกให้มาปลุก มายืนเอ่ยเรียกและเคาะหน้าประตูห้อง เป็นเรื่องที่พีรียาแสนรำคาญนัก มารดาคงจะให้เรียกหล่อนตามเคยพีรียาไม่มีกะจิตกะใจไปทำงาน จึงขอลาหยุดงาน และพีรียา ก็ไม่อยากจะขานรับอีกด้วย ทั้งๆที่เธอตื่นแล้ว เพราะรู้ดีว่า มารดาไปรับปากกับฝ่ายทางโน้น ผู้ชายที่เป็นฝ่ายจะมาหมั้นและขอเธอแต่งงาน วันนี้จะมาที่บ้านของเธอ ดังนั้นจึงทำให้หล่อนไม่อยากจะสนใจ และก็อยากจะนอนต่อไปอีก แม่คนใช้ คงไม่พอใจที่เธอไม่ทำตาม จึงบ่นขึ้น “คุณเพี๊ยชเจ้าขา สงสารบัวชุมด้วยเถอะค่ะ ถ้าคุณเพี๊ยชไม่ตื่น มีหวังบัวชุมถูกคุณท่านด่าเละแน่ เอ้อ เพราะนายท่านกับคุณท่านก็รู้ว่าคุณเพี๊ยชน่ะตื่นแล้วเลยให้บัวชุมมาปลุกอีก ลงมาได้แล้วล่ะค่ะ เพราะแขกเหรื่อคนสำคัญกำลังจะมาถึงแล้ว” แม่บัวชุมสาวใช้เร่งเร้าเธออีก มันช่างขัดอกขัดใจพีรียานักและพีรียาก็เกิดความเบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่ง ที่อะไรๆพ่อแม่ต้องมาบังคับเธอเพื่อยอมรับหมั้น ผู้ชายแปลกหน้า ที่ท่านรู้จักได้ไม่นาน โดยไม่ถามความเห็นของเธอสักนิดว่า ชอบผู้ชายคนนี้หรือเปล่า? ซึ่งหล่อนก็ไม่เคยชอบ แต่ก็ยอมลุกจากที่นอน ทั้งรู้สึกขัดใจต่อมารดานัก ที่เอาแต่บังคับลูกสาวคนเดียวอยู่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อย คอยดูเถอะหล่อนจะหนีไปอยู่ต่างประเทศเสียให้พ้นเลย “นี่ เธอ ฉันได้ยินแล้วล่ะ แม่บัวชุม ไม่ต้องพูดมาก เชิญเธอกลับไปบอก ท่านข้างล่างโน่นเถอะว่า สักพักหนึ่งฉันถึงจะลงไป ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าใจตามนี้นะ ” ่คำตอบของลูกสาวเจ้านาย ก็ทำให้แม่สาวใช้ยิ้มออกมา พร้อมพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ งั้นบัวชุมจะไม่รบกวนแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ คุณ เพี๊ยช” เงียบเสียงไปแล้ว ยายบัวชุมคงลงไปข้างล่าง พีรียาเลยต้องเหลียวหันมามองดูตัวเอง แล้วทีนี้ล่ะ? จะทำอย่างไรดีบอกกับตัวเองพลางขมวดคิ้วเพื่อหาช่องทาง “หาทางออกจากบ้านเดี๋ยวนี้ดีไหม เราแต่คิดว่า มันคงไม่ทันแล้วล่ะ ยิ่งพ่อแม่อยู่ข้างล่าง” เพราะเธออยู่บริเวณชั้นสองของบ้านนี่ถ้าเกิดเดินลงไป ทุกคนก็คงรู้หมด และไม่มีทางอื่น นอกจากกระโดดลงหน้าต่างทางหลังบ้าน แต่นั่นหล่อนไม่เสี่ยงหรอก ขืนกระโดดไป คอหักตายใครจะช่วย ดังนั้น เมื่อไม่มีทางแก้ไข หญิงสาวก็ครุ่นคิด เอหรือว่าวันนี้นั้นหล่อนจะต้องยินยอมและจำใจ ที่จะอยู่พบคนที่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวโดยไม่รับเชิญกันล่ะ เพราะมันไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย แล้วผู้ชายคนนั้น? แม้แต่ชื่ออะไร หล่อนก็ยังไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า มารดาก็ยังดันทุรังอนุญาตให้เข้ามาในบ้าน นี่เป็นเพราะว่า ทั้งบิดาและมารดาของเธอ ท่านคงจะชื่นชม และเห็นงามด้วย ทั้งๆที่หล่อนไม่คิดจะเอาด้วยทุกคนไม่เห็นความสำคัญของจิตใจหล่อนเลยนะ เมื่อคิดแล้ว พีรียา รู้สึกน้อยอกน้อยใจเหลือเกิน เพราะคิดว่าท่านทั้งสองออกแรงโหมโรงเชียร์ฝ่ายชายมาตั้งแต่ต้น เหมือนกลัวจะไม่ได้อีตานี่มาเป็นเขยยังไงยังงั้นล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD