ตอนที่ 6
ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ริมขวาสุดตรงกันข้ามกับหล่อนนั้นคือ ลูกชายคุณหญิง นุตยาชื่อมุททันต์
เขาเป็นชายหนุ่มผู้แต่งกายแบบลำลองและเขาก็ชำเลืองมองมาทางหล่อนด้วยสายตาที่นึกเอ็นดูหากแต่ใบหน้าของหญิงสาวยังคงสงบนิ่งอยู่ที่เดิมและก็ก้มหน้ามองต่ำลงพื้น
แต่กิริยาเช่นนี้ของหล่อน นั้นทำให้คุณหญิงนุตยารู้สึกจะไม่พอใจเป็นอย่างมากและในแววตาคู่นั้นของคุณหญิงนุตยา บึ้งตึง แล้วใช้สายตามองเมินไปจากหล่อน ท่านรองนายกซึ่งถูกไหว้วานให้มาเป็นพ่อสื่อเถ้าแก่ในการหมั้นครั้งนี้ เป็นเพราะคุณหญิงและท่านสามีผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่กว้างขวางในวงการบันเทิง และเป็นเจ้าของรีสอร์ต อาคารที่พักประเภทคอนโด และบ้านจัดสรรรวมทั้งสถานบันเทิง ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านฝั่งธนและใจกลางกรุง ในย่านบนถนนเอกมัยรวมทั้งทองหล่อ ชื่อโพลีซัส กับ เทมาเรียม
คุณหญิงนุตยาเห็นท่าทีกระด้างและแววตาที่หญิงสาวซึ่งวาดหวังเป็นลูกสะใภ้ผู้นี้ เหมือนกับถูกบังคับ แบบรู้สึกไม่เต็มใจนัก เหตุของเรื่องคือ มุททันต์ ลูกชายคนเดียวของนาง เกิดหลงรัก เด็กสาวคนนี้เข้า ซ้ำยังบอกนางว่า หญิงสาวเป็นคนที่อ่อนหวานและดูเป็นกุลสตรีแบบไทยแท้ ครั้นมาพบเจอกับตัวเองแล้ว เธอแทบจะเป็นลม และรับไม่ได้เลยกับการแต่งกายที่ไม่ให้เกียรติ นางซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคม คุณหญิงนุตยารู้สึกกระวนกระวายใจ
ในขณะที่เจ้าของบ้านทั้งสอง ก็หน้าเจื่อน กับการทำแบบนี้ของลูกสาว เหมือนจงใจฉีกหน้าของท่านทั้งสอง โดยไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าดีๆมา ทั้งๆที่ชุดสวยๆงามๆของพีรียาก็มีให้เลือกเต็มตู้ นางนภาพรผู้เป็นมารดา ชักจะเหลืออด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ถนัดนัก เพียงแต่ใช้สายตากริ้วใส่บุตรสาวเหมือนปราม เพื่อให้รู้ตัว
แต่พีรียาก็ยังนั่งนิ่งไม่สนใจอีกจะเอายังไงกับลูกคนนี้หนอ ยังไม่ทันไรเลยคุณนภาพรรู้สึกอายแขกที่มาเพื่อตั้งใจพูดเรื่องหมั้นลูกสาว
เรื่องประทับใจของเขาเกี่ยวกับความรัก ความรู้สึกของมุททันต์ในเรื่องนี้ มีจุดเริ่มต้นเกิดขึ้น เพราะว่าเขาได้พบเธอในวันงานเลี้ยงรุ่นของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของเพื่อนสนิท ซึ่งเธอไม่รู้ตัว และไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย เขาเกิดความชื่นชมและประทับใจในตัวของเธอ
รู้ว่าหล่อนเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงได้ให้ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาอย่างท่านรองรัฐมนตรี มาช่วยเจรจาทาบทามในการสู่ขอให้กับเขา
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ แต่ก่อนที่จะอึดอัดมากกว่านี้ คือคนกลาง ท่านรองรัฐมนตรี ก็ทำลายความเงียบ ด้วยการเริ่มพิธีการ
“เอาล่ะผมว่าพวกเราเองก็รู้จักกันในระดับหนึ่งแล้วผมเองก็สนิทกับคุณคมสันต์ดีเช่นเดียวกับที่ผมรู้จักคุณณรงค์ ฉะนั้นเรื่องที่ผมเดินทางมาด้วยในวันนี้ก็เป็นอันที่ทราบกันอยู่แล้วทั้งสองฝ่าย คือผมมาเป็นตัวแทนเจรจาในการสู่ขอหนูพีรียาลูกสาวของท่าน เป็นอันว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเสียฤกษ์มาก ดังนั้นเราเริ่มพิธีขึ้นเลยดีไหมครับ ”
ลองหยั่งคำพูดและประโคมจากน้ำเสียงแล้ว นายวิธานอดีตนายพลตำรวจหนุ่มใหญ่ผู้ผันตัวเองไปลงสนามการเมือง และได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ
เนื่องจากเส้นสายและอำนาจเงินตราความสนิทสนมชิดเชื้อ กับผู้มีอำนาจทางการเมือง ทำให้ถูกคัดเลือกแต่งตั้งได้ไม่ยากนักนายวิธานเปิดรอยยิ้มทำตัวเหมือนโฆษกคนหนึ่ง ในชุดซาฟารีสีเทาเข้ม นั่งอยู่ตรงกลางกำลังเปิดการเจรจาในครั้งนี้
และในขณะเดียวกันกับที่หัวใจของพีรียานั้นเต้นตุ้มๆต่อมๆเหมือนกับคนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าใด เนื่องจาก ไม่พอใจอย่างมาก ในอกนั้นดูร้อนรนและกระสับกระส่ายเพราะพีรียาต้องการฉีกหน้าแขกเหรื่อคนพิเศษเหล่านั้น ให้อับอายจนต้องรีบจรลี ลากลับไปในวันนี้ต่อให้ใครเอาช้างมาฉุดมาลากพีรียาให้รับปากตกลงหมั้นกับผู้ชายคนนี้ หล่อนตอบคำเดียวว่า ไม่มีทางหรอก และไม่ยอม
หลังจากที่พ่อสื่อผู้ทรงเกียรติเจรจาเอ่ยขึ้นแล้ว จนแม้แต่พีรียาก็นึกโหวงอยู่ในใจเช่นกัน และนึกตำหนิไปถึงเขา ที่ นายบอร์นคนนั้น
“ทำไม นายปัณรุจน์ นายบ้าหรือยังไง ทำไมไม่ยอมช่วยฉันเลย” หล่อนบ่นในใจ คิดไปต่างๆนาๆ ถึงการที่เขาไม่ยอมรับโทร.
“หรือว่า นายนอนหลับอยู่ นี่ นายอยู่ที่ไหนกัน ช่วยฉันทีสิ” เกิดความอึดอัดในใจ ก็ใครมาตกอยู่ในภาวะอย่างนี้ คงจะได้รู้รส ซาบซึ้ง เหมือนเธอ กับการที่เจ้าของหัวใจไม่ได้นึกยินดีสักนิด ในการเจรจาหมั้นหล่อนบ้าบอ
มุททันต์ครุ่นคิดเมื่อเขาสังเกตดูไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากบางของสาวน้อยที่เขาหมายปอง และมันก็มีความรู้สึกบางอย่าง ที่มุททันต์นั้นเริ่มจะไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังอดทน
“เอ มีอะไรหรือครับน้องเพี๊ยช ท่าทางเป็นกังวลจัง บอกพี่ได้ไหม”
มีความสงสัยบวกเคลือบแคลง มุททันต์จึงเอ่ยถามว่าที่คู่หมั้นสาวอย่างถือวิสาสะ พีรียาเอ่ยตอบขึ้นทันที ก็เพื่อที่เธอจะได้หาทางไปให้พ้นจากงานนี้ และนึกได้ว่า ควรวางอุบายอย่างไร
“เอ้อ ไม่ไหวค่ะ คือ เพี๊ยซปวดท้องน่ะค่ะ อยากจะเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย”
พูดจบทำท่าจะลุก เพื่อแสดงละครให้สมจริงโดยแกล้งเอามือกุมท้องพลางยิ้มแหยใส่มารดาและสายตาของคุณนภาพรนั้นก็ตึงพร้อมดุเบาๆ
“เวลานี้ช่วงสำคัญ แกยังจะไปไหนไม่ได้ เห็นไหมคุณลุงท่านกำลังเปิดพิธีการหมั้นอยู่ รออยู่รอฟังให้เสร็จก่อนเถอะนะยายเพี๊ยช”นางนภาพรหันมาตำหนิดุ
แต่ลูกสาวหาได้สนใจไม่ “แต่ว่าเพี๊ยชจะไม่ไหวแล้วนะคะแม่จะจะแย่แล้ว” หญิงสาวตอบตามที่คิดไว้ในใจ และก็ทำให้มุททันต์นั้นพลอยไม่สบายใจไปด้วย เขามองด้วยแววตาที่สงสารพีรียา ซึ่งแทบไม่รู้ว่า นี่คือ อุบายของหล่อน ที่จะหาทางเอาตัวรอด พ้นจากการหมั้นสู่ขอ
“ให้น้องไปทำธุระก่อนเถอะครับเพราะผมรอได้ คิดว่าคงไม่เสียฤกษ์ สักเท่าไหร่หรอกนะครับคุณอาวิธาน ”