ตอนที่ 8
“นั่นร้องไห้น่ะหรือขี้แยจังเลยคุณ เหมือนเด็กร้องไห้หาลูกโป่งยังไงยังงั้น หยุดร้องไห้ เถอะ ผมรับปากจะช่วย แต่ผม จะไม่ยอมรับเงินรางวัลอะไรของคุณนั่นหรอก” หญิงสาวจึงพยักหน้า ดีใจที่เขายอมทำตามหล่อน
ขณะนี้เป็นเวลาที่พีรียาทิ้งทุกคนไว้ที่ข้างล่าง นานพอสมควร และนางสาวบัวชุมก็ขึ้นมาตามหล่อนอีกครั้ง
“คุณเพี๊ยซคะคุณท่านนายท่านสั่งให้คุณพี๊ยชลงไปได้แล้วค่ะ แล้ว ตอนนี้ คุณคู่หมั้นก็ยังนั่งอยู่ด้วยค่ะ แต่คุณแม่ว่าที่คู่หมั้นของคุณเพี๊ยช บึ้งบึ้งค่ะหน้าตาเหมือนกับไปกินรังแตนที่ไหนมาก็ไม่รู้ แล้วจะเอายังไงดีคะ ”
แม่สาวใช้วัยรุ่นจอมสาระแนในบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมช่วยรายงานสภาพการณ์
“ ย่ะ ฉันได้ยินแล้ว เธอช่วยไปบอกกับพ่อแม่ฉันสิ ว่า ตอนนี้ ฉันยัง ไม่หายปวดท้อง และขอกินยาก่อนใครจะไปรู้ล่ะ มันปุบปับนี่”
หล่อนหาทางแก้ตัว และหาอุบายให้ตัวเอง
ท้องถนนดูเหมือนจะโล่งเป็นใจแก่เขายิ่งนัก อาจจะเป็นด้วยเพราะว่าพีรียาต้องการให้เขามาที่นี่ด่วน เป็นถนนสายนี้ ที่ครั้งแรก ที่ปัณรุจน์เพิ่งเคยมา
พีรียาหล่อนนั้นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่ฐานะสูงส่ง แต่ว่า กำลังจะทำเรื่องที่พิเรนทร์ที่สุด หรือว่าอุตริทำแบบนี้ เป็นเพราะหล่อนต้องการประชดพ่อแม่ ชายหนุ่มค่อนข้างไม่เห็นด้วย เอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้
และเมื่อเห็นท่าทีกระสับกระส่ายของชายหนุ่มแล้ว หนุ่มใหญ่คนขับแท็กซี่วัยสี่สิบกว่าปีก็เอ่ยขึ้น
“นี่คุณนัดกับแฟน ไว้ใช่มั๊ย อีกสักประเดี๋ยวก็ ใกล้ ถึงแล้ว ไม่ไกลหรอก”
เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารเกร็งและรู้สึกหวาดกลัว
“ใช่ครับ” หนุ่มนักศึกษาสายอาชีพ ครุ่นคิดก่อนตอบ
เขารับปากไปอย่างนั้นพยักหน้าด้วย ทั้งๆที่ตนเองไม่รู้หรอก อย่างที่บอกแถวนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ก้าวเข้ามาสัมผัส ที่เขาเรียกว่ากรุงเทพโซนฝั่งตะวันออก เพราะอันที่จริงปัณรุจน์เช่าพักและทำงานอยู่ใจกลางเมืองกรุงมากกว่า
ก้าวลงมาอีกครั้ง ยังพบว่าแขกเหรื่อที่ตั้งใจมาในวันนี้ ช่างอดรนทนเก่งนัก สีหน้าที่ดูเรียบเฉยตั้งแต่ในคราวแรกของว่าที่คู่หมั้นของหล่อน เริ่มจะอึดอัด ปรากฏชัดถึงสีหน้าที่เริ่มจะบึ้งตึง ว่าที่คู่หมั้นของหล่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แต่ขัดกับสีหน้าที่เริ่มไม่พอใจ
ผู้ใหญ่อีกสามคนฝ่ายของเขาก็เช่นกัน คุณคมสันต์ใบหน้านิ่งสงบ ส่วนสายตาของคุณนภาพรเงยสบมองจ้องบุตรสาวคนเดียวสีหน้าแข็งกร้าวเหมือนตำหนิอย่างรุนแรง
“หายดีแล้วใช่ไหมครับน้องเพี๊ยช พี่จะให้คุณลุงท่านเริ่มอีกครั้ง”
ยังมีรอยยิ้มละไมที่สีหน้าของมุททันต์อยู่บ้าง แต่เขาชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้ว เมื่อพีรียาเอ่ยตอบว่า
“ยังค่ะ ยังไม่หายดี เพี๊ยชอยากพักผ่อนต่อด้วยซ้ำค่ะ ไม่รู้เป็นยังไงค่ะ วันนี้ไม่อยากออกไปไหนเลย แต่ก็ต้องออกไปแล้วค่ะ เพราะแฟนเพี๊ยชโทร.มา ”
ทำเอาผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ทั้งหมดนั้นแทบผงะหงาย ตกตะลึง อึ้งกิมกี่ ก่อนที่จะเงียบสนิทไปยาวนาน ครั้นแล้วคุณนภาพรถึงกับหอบหายใจถี่ๆ ในคำพูดของลูกสาว ท่านเกือบจะช็อก
“แฟน นี่แกหมายความว่ายังไงยายเพี๊ยช”
คุณนภาพรเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง ออกมา ทำให้บรรยากาศเพิ่มความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“แฟนก็คือแฟนสิคะ แม่ขา เมื่อมีแฟนแล้วเพี๊ยชก็รักแฟน ยกเลิกเถอะค่ะ งานหมั้นในวันนี้ รับรองไม่มีงานหมั้นหรอกค่ะ ทุกคนมาผิดงานแล้ว ”
ปากเจื้อยแจ้วของพีรียากรีดคำพูดแต่ละคำชัดเจน จนทำให้แขกเหรื่อที่ทนนั่งอยู่ถึงกับทนนั่งต่อไปไม่ได้ ประกายตาของทุกคนมองจ้องกันไปมาสลับกัน เหมือนกับเกิดมีคำถามว่า นี่มันอะไรกัน?
มุททันต์เงยจ้องดวงหน้าหวานและเรียวปากบางได้รูปนั่นอย่างผิดหวังและเจือด้วยแววแห่งความแค้นอาฆาต เขาถึงกับผลุดลุกจากที่นั่งทันทีเช่นเดียวกับบิดาและมารดาของเขาคุณหญิงนุตยารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากถึงกับกระตุกแขกเอ่ยบอกสามีว่า
“กลับเถอะค่ะ อย่าให้ดิฉันต้องเหลืออดไปมากกว่านี้เลย กลับเดี๋ยวนี้ ดิฉันไม่ควรจะมาที่นี่เลย คงจะมาผิดงานอย่างที่ว่าจริงๆ ฮึ คราวหน้าคราวหลังถ้าไม่ต้อนรับก็เอ่ยบอกตรงๆก็ได้ ดิฉันจะได้ไม่เสียเวลามาเหยียบที่นี่อีก นี่เป็นเพราะลูกชายขอร้องนะถึงมา ถ้างั้นอย่าหวัง ”
ถึงคราวที่คุณหญิงนุตยากรีดคำพูดในลักษณะมาดผู้ดีกลับไปบ้าง
เธอฉายแววตายิ้มเยาะก่อนสะบัดหน้าพรืด พร้อมคว้ากระเป๋าถือที่ติดตัวเดินจากไปก่อน
ตามมาด้วยสามีและท่านวิธาน ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำให้สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านตั้งตัวไม่ติด ยิ่งวันนี้น่าจะเป็นวันที่เลือกจัดงานหมั้นอย่างเงียบๆของลูกสาวคนสวยของท่าน แต่ว่า พีรียากำลังทำเรื่องงามหน้าอย่างนี้
ท่านวิธานเงยหน้ามองคู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านอย่างหมิ่นดูแคลน ที่ทำให้คนระดับอย่างเขาต้องมาหน้าแตก ทางด้านมุททันต์ นิ่งเหมือนคนถูกสาปไม่นึกว่าจะถูกคำปฏิเสธอย่างเจ็บปวดของหญิงสาวที่เขาแอบหลงรัก
“ถ้างั้นผมขอคราวหน้าก็แล้วกันรับรองผมต้องมาทวงสัญญาแน่ และคิดว่า น้องเพี๊ยชคงจะพร้อมมากกว่าเดิม ” มุททันต์ไม่ยอมเขาจึงงัดข้ออ้างพลั้งปากออกไปอย่างนั้น เป็นเพราะคำท้าทายของหล่อนต่างหาก
คุณหญิงนุตยาได้ยินได้ฟังใกล้หูแล้วรู้สึกตะลึง ที่บุตรชายหลงใหลหญิงสาวคนนี้มากถึงขนาดนี้ ลดตัวเองขอร้อง ไม่เพียงพอ ยังมีคำพูดที่บอกว่าจะกลับมาหมั้นอีก นางได้แต่นิ่งเงียบ เพราะในเวลานี้ต้องเก็บรักษาหน้าตาของตนเองเองไว้ แต่คำพูดที่ถูกเด็กสาวคราวลูกตอกกลับมานั้นคุณหญิงรู้สึกเจ็บใจมากแต่ก็นึกตำหนิในใจว่านภาพรคงเลี้ยงลูกได้ไม่ดีกว่านี้ แทนที่ลูกชายจะเป็นคนปฏิเสธ กลับถูกเด็กเมื่อวานซืน นั่น ปฏิเสธ
พีรียาเม้มเรียวปากแน่นมองจ้องกลับไปอย่างเงียบ ยังจะมีโอกาสคราวหน้าอีกหรือแขกเหรื่อไปลับพ้นหูตาแล้ว คุณนภาพรเล่นงานลูกสาวทันที
“นี่มานี่ มานั่งนี่แม่ตัวดี มาบอกมาเล่าพูดให้ฉันฟังหมดเลย แกแอบไปมีแฟนไว้ตั้งเมื่อไหร่ ทำไมถึงได้ทำพ่อกับแม่ขายหน้าหมดยังงี้ แล้วฉันจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนกัน ”
“แม่ไม่มีที่ซุก เอาไปซุกบนฟ้าก็ได้”
ลูกสาวคนงามที่พลาดงานหมั้นเถียง น้ำเสียงนั้นราบเรียบเป็นปกติ เหมือนพออกพอใจด้วยซ้ำ