ตอนที่ 7
มุททันต์เอ่ยและเขาหันไปปรึกษารัฐมนตรีวิธานที่เชื้อเชิญมาเป็นเถ้าแก่ และก็เหมือนเปิดช่องทางให้แก่พีรียาด้วย เมื่อเข้าล็อกที่หล่อนคิด ทำให้หญิงสาวนั้นยิ้มกริ่มไปด้วย และก็ซ่อนสีหน้าที่เจ้าเล่ห์ไว้ในใจ อย่างเงียบกริบ อีกอย่าง ไม่อยากนั่งอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว แม้จะเป็นบ้านของหล่อน แต่เวลานี้หล่อนเบื่อมากที่สุด
เบื่อ ทุกคน ที่ชอบมาก้าวก่าย ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของหล่อน อย่างในเวลานี้ พยายามที่จะบังคับให้หล่อนหมั้นผู้ชายแปลกหน้า และขณะเดียวกัน แววตาของคุณนภาพรก็เต็มไปด้วยความกังวลและหนักใจอย่างยิ่ง ที่ลูกสาวทำตัวเหมือนไม่เคารพผู้ใหญ่สักนิด ทั้งๆที่นางไม่เคยอบรมลูกสาวให้ทำเช่นนี้
พีรียาที่เดินเอามือกุมท้องอยู่ตลอดเวลา จนว่าพ้นลับจากคนทั้งหมดแล้ว หญิงสาวจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพื่อเดินขึ้นไปที่บันไดชั้นสอง ก่อนจะคว้ามือถือของตัวเอง กดไปที่เบอร์ของปัณรุจน์อีกครั้ง
“รับ รับสิ นายปัณรุจน์ ไม่งั้นนายมีเรื่องแน่ ถ้าไม่ยอมช่วยฉัน” หญิงสาวบ่นตำหนิไปด้วย
เนื่องจากว่าหล่อนชักจะพาลขึ้นเล็กน้อย ที่เรื่องเกิดอย่างนี้
ถ้าเกิดว่านายนั่นหยิบแหวนเพชรประจำตระกูล ที่หล่อนคาดว่ามีราคาค่างวดมากมายเหลือคณาเพื่อมาหมั้นหล่อน พีรียาคงหมดสิทธิ์ค้าน เพราะตระกูลรุจิรักษ์ มารดาหล่อนพูดผ่านๆว่าร่ำรวยมากแค่ไหน แต่พีรียาไม่ต้องการของใครทั้งนั้น สมบัติมากมายอย่างนั้น ของพีรียาที่พ่อแม่จะให้ก็มีนี่ ทำไมหนา ต้องอยากจะได้ของคนอื่นด้วย ยายเพี๊ยชเจ้าเล่ห์ก็นึกเถียงในใจกับตัวเองอีกครั้ง
ไม่มีทางล่ะ จะสักกี่กะรัต ถ้าไม่มีความต้องการของหัวใจ ไม่ได้เกิดจากความรัก มันก็หมดความหมาย
“อย่าหวังเลยนะว่าพีรียาจะมีทางยอม ฮึ”
เมื่อเขานั้นรับโทร. รู้สึกดีใจ เหมือนได้ระฆังแก้ว มาช่วยแก้สถานการณ์ ช่วยเหลือหล่อนอีกครั้ง ในยามคับขัน ที่ต้องการคนช่วยเหลือที่สุด ที่จะพังงานหมั้นนี้ให้ได้ ที่พีรียา ไม่ต้องการให้เกิด “คุณพระ”
คำภาวนาของพีรียานั้นได้ผล ขณะที่พีรียาใจร้อน ที่อยากเจอหน้าเขา เพื่อให้เขา มากู้สถานการณ์เดี๋ยวนี้ หล่อนกำลังจะแย่แล้ว และกำลังจะตายทั้งเป็น
“เอ้อคุณเพี๊ยชมีอะไรเหรอครับ ถึงโทร.มาปลุกผมครับ” เสียงเขานั่นเอง คนที่พีรียาอยากจะเจอด่วนที่สุด ให้เขามาที่นี่
“ปัณรุจน์ นี่ แล้วนายอยู่ไหนล่ะ เอ้อ ตอนนี้”
มีเสียงตอบกลับมา “ผมงีบหลับอยู่ที่ทำงาน”
เขาจำเป็นต้องโกหกหล่อน
“นายทำงานอยู่ที่ไหน ก็ไหนว่าตกงานนี่ นายไม่รอให้ฉันหาให้ใช่ไหม”
ชายหนุ่มกระแทกเสียงเบาๆกลับไปอย่างไม่พอใจ
“ใช่สิ รอคุณ ขืนรอ ผมก็คงต้องอดตายแน่ ”
“นี่ นายบอร์น” หล่อนแว้ดเสียงใส่ ท่าทางหล่อนไม่พอใจมากเขาจับกระแสเสียงนั่นได้ชัดเจน
“มีอะไรหรือ ครับ คุณ”
เขายังเอ่ยถามธรรมดาและเสียงใส
นั่นทำให้อารมณ์ร้อนของพีรียาเดือดปุดๆอีก แต่น้ำเสียงของเขาก็เพราะนุ่มทุ้มน่าฟังมาก
“นายนี่ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนจริงเลยนะ ฉันเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ แต่ว่านายทำตัวสบายดีเหลือเกิน ”
“อ้าว ผมก็เป็นของผมอย่างนี้”
พีรียาเริ่มต้นเกริ่นเอ่ยกับเขาหลายคำแล้วไม่รู้จะต่อคำพูดไหนอีก เพราะตอนนี้สับสน อยากให้เขามาที่นี่โดยด่วนด้วยซ้ำ
“นี่คุณครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมขอวางสายนะ ” ชายหนุ่มเอ่ย คงเพราะเห็นว่าหล่อนเงียบ คงโทร.มาหาเขา เพื่อจุกจิกกวนใจเท่านั้นเอง และปัณรุจน์ก็ต้องตกใจที่ได้ยิน เสียงของหล่อนร้องห้าม
“อย่านะ อย่า อย่าเพิ่งวางสาย นายคุยกับฉันต่อเถอะ ” ฟังแล้วปัณรุจน์นึกเกาหัวแกรกๆ
“คุณมีอะไรจะพูดกับผม”เอ่ยถามอย่างสงสัย และน้ำเสียงของเขานุ่มเหมือนเคย
“มีค่ะ แล้วก็ มี มากด้วย อยากจะให้นายช่วยฉันหน่อยเรื่องด่วน ถ้านายว่างช่วยมาที่นี่หน่อยนะ ฉันขอร้อง” พีรียาเอ่ยเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ออกมา
“เอ ที่นี่ ที่คุณว่านั้น มันเป็นที่ไหน ล่ะครับ”
เขาเอ่ยถาม
“ที่บ้านฉัน นี่ให้ด่วนที่สุดเลย ฉันอยากให้นายช่วยเหลือ”
“ให้ผมช่วยเหลือเรื่องอะไร”
“คือฉันอยากจะจ้างให้นาย ช่วยเป็นแฟนฉันหน่อย ” ปัณรุจน์ฟังแล้วตกใจ เธอสติเสียหรือเปล่า ถึงพูดคำนี้ออกมา
“ หา” อึ้งไปชั่วครู่ เขาอุทาน แล้วเอ่ยต่อ
“ ตลก” เขาเน้นเสียง
“ผมรู้สึกว่า มันไม่ตลกเลยนะคุณ ที่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับผม ”น้ำเสียงของเขาตึง เหมือนเริ่มไม่พอใจ
“นี่ฟังเหตุผลฉันก่อนสิคุณบอร์นเพราะว่าฉันไม่อยากแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ตอนนี้ฉันอยากเป็นนางสาวพีรียาสาวโสดไปนานๆ เข้าใจมั๊ย ฉันอยากเป็นโสด ” แทบจะตะโกนบอกพร้อมกับอ้างเหตุผล
เขาเลยถึงบางอ้อ
“เอ้อ แต่ผมก็ไม่ทำหรอกเรื่องนี้ ไม่รับปาก”
แต่ปัณรุจน์ก็ปฏิเสธ หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว
“ทำไมเธอถึงไม่รับคำของฉันแต่มาปฏิเลธไม่สงสารฉันเลยหรือ ฉันมีเรื่องด่วนให้ช่วย”
หญิงสาวถามเขา อยากรู้เหตุผล
ก่อนที่จะอ้อนวอนต่อ เพราะไม่มีทางอื่น
นะรับปากช่วยฉันหน่อยเถอะนะ ปัณรุจน์ฉันขอร้อง และไม่ใช่ให้นายทำฟรี แน่นอน แต่ฉันให้เงินนายด้วย ขอแค่ให้นาย แสดงละคร ตามที่ฉันขอร้องเท่านั้น”
พีรียาทำท่าอ้อนใส่แต่น้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะร้องไห้จนเขาเองก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจแต่ก็ยังใจแข็งโต้ตอบถึงความจริง ที่เขาไม่อาจช่วยหล่อนได้
“ฮึ อย่าคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างสิคุณ”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ คุณบอร์น”
พีรียารู้สึกใจเสีย ถามอีก
“แล้ว ฮือ นี่ หมายความว่า นายจะไม่ตกลงตามที่ฉันขอร้องหรือ นายไม่คิดที่จะช่วยฉันหรือไง ”
ทำให้เขาหนักใจในคำพูดของเธอ
“ใช่” เขาเอ่ยตอบ
“แต่ว่าถ้าคุณยอมบอกเหตุผลผมมามากกว่านี้ โดยไม่ปิดบัง ผมจะยอมช่วยเหลือคุณก็ได้ โดยไม่ต้องมาจ้าง เพราะผมเองไม่อยากจะได้สตางค์ของคุณหรอก เข้าใจความหมายผมไหม ”
ปัณรุจน์ยื่นข้อเสนอ เพราะไม่อยากเอาเปรียบ
หล่อนฟังแล้วค่อนว่าเขา
“ ฮึ แหม นายนี่ ปัณรุจน์จนแล้วยังหยิ่งอีกนะ”
ชายหนุ่มดุกลับ สีหน้าตึง “นี่ คุณว่าใคร”
พีรียาจ้องสีหน้าเขม็ง
“ ว่านายนั่นแหละ ฮึ ไม่ช่วยก็ได้ ไม่เห็นจะง้อ นึกว่าเป็นคนดี ที่แท้ ” น้ำเสียงนั้นเหมือนจะร้องไห้
แต่เขารู้สึกขำที่หล่อนทำตัวเหมือนเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต