ตอนที่ 6

1247 Words
ปรมะยอมรับว่าวันนี้ทั้งวัน เขายืนเหม่อขณะสอนหนังสือนักศึกษาหลายครั้ง เพราะในหัวมัวแต่วุ่นวายอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อนรีกุลนั่นเอง เขารังเกียจความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน มันควบคุมไม่ได้ มันเกินขอบเขตที่อำนาจที่มีอยู่ในมือ หลังสอนคาบสุดท้ายแล้ว ปรมะก็ได้รับสายโทรศัพท์จากปรมินทร์น้องชายของตัวเองเข้าพอดี "ว่าไงบ้างเจ้าสอง” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรนจนปรมินทร์สัมผัสได้ แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยทักพี่ชาย เพราะรู้จักนิสัยของพี่ชายดี ดื้อรั้น ปากแข็ง ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ หากได้ปักใจเชื่อไปแล้ว “กุลไม่ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลของผมครับพี่หนึ่ง” “อ้าว แล้วไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน ทำไมคนขับรถถึงได้ไปส่งที่อื่น” “คงเพราะโรงพยาบาลนี้อยู่ใกล้กว่าโรงพยาบาลของผมน่ะครับ อย่าว่าลุงแกเลย แกคงตกใจด้วยแหละครับ” ปรมินทร์พยายามพูดให้พี่ชายเข้าใจความจริง “แล้วแม่นั่นไม่เป็นอะไรใช่ไหม” “เท่าที่ผมโทรไปสอบถาม เห็นว่าไม่เป็นอะไรมากนะครับ แต่ทางที่ดีพี่หนึ่งแวะไปดูน้องกุลหน่อยดีกว่าครับ” “ถ้าแม่นั่นไม่ได้เป็นอะไร ทำไมพี่ต้องแวะไปให้เสียเวลาด้วย” “ถือว่าไปเยี่ยมลูกของพี่หนึ่งก็ได้นะครับ” ปรมินทร์รู้ดีว่าพี่ชายอยากไป แต่ยังคงปากแข็งอยู่ “เอาไว้พี่จะคิดดูก็แล้วกันว่าจะไปเยี่ยมดีไหม ยังไงก็ขอบใจนายมากนะเจ้าสอง ฮันนีมูนต่อให้สนุกนะ ฝากความคิดถึงถึงน้องวาด้วย” “นี่วาก็นั่งอยู่ข้างๆ ครับ” ปรมินทร์ตอบ และยื่นโทรศัพท์ส่งให้กับวาสินี “สวัสดีค่ะพี่หนึ่ง... เอาไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ นะคะ” “สวัสดีครับ ไว้เจอกันครับน้องวา” “ค่ะพี่หนึ่ง งั้นแค่นี้นะคะ” “ครับ” ปรมะตัดสายสนทนาจากน้องชายกับน้องสะใภ้ของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ และก็ขับออกไปด้วยความเร็ว ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองว่าไม่ต้องการมาเยี่ยม นรีกุล แต่สุดท้ายมารู้สึกตัวอีกที เขาก็มาหยุดที่หน้าห้องพักฟื้นของหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว เขาเคาะประตูและดันบานประตูให้เปิดกว้างออก พร้อมกับก้าวเข้าไปด้านใน นรีกุลกำลังนั่งเอนพิงกับหมอนใบใหญ่ที่ด้านหลัง หล่อนละสายตาจากวิวนอกหน้าต่างกระจกมองมาที่เขา แวบแรกเขาเห็นความยินดีในดวงตากลมโตของหล่อน แต่ไม่นานมันก็จางหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า แต่เขาไม่สนใจหรอกว่าหล่อนจะรู้สึกยังไงเมื่อเห็นว่าเขาปรากฎตัวขึ้น เขาก็แค่มาตามหน้าที่เท่านั้นเอง... แม้จะพยายามคิดเช่นนั้น แต่ความละอายใจที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้นรีกุลต้องเข้าโรงพยาบาลก็ยังคงเฆี่ยนตีอยู่ภายในไม่หยุดหย่อน เขาขยับเข้าไปใกล้เตียงคนไข้ ดวงตาสบประสานกับดวงตากลมโตของนรีกุล “ที่ฉันมา ก็เพราะฉันเป็นห่วงลูก สำหรับเธอมันคือภาระที่ฉันอยากจะสลัดทิ้งให้เร็วที่สุด” คำพูดแรกของเขาก็บาดลึกสร้างบาดแผลในหัวใจของหล่อนเพิ่มเสียแล้ว นรีกุลเม้มปากเป็นเส้นตรง หล่อนก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันบนตักของตัวเอง น้ำตาไหลเอ่อคลอสองหน่วยตา “ต่อจากนี้ไป กุลจะไม่เป็นภาระให้คุณหนึ่งต้องหนักใจอีกแล้วล่ะค่ะ” “มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อผู้หญิงแพศยาอย่างเธอยังต้องอยู่รกหูรกตาของฉันไปอีกตั้งหลายเดือน” น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลรินลงเปื้อนฝ่ามือที่ประสานกันอยู่บนตัก ความเจ็บปวดทำให้หล่อนจุกไปทั้งตัวใจ หล่อนเลือกทางถูกต้องแล้วล่ะ... หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองในใจอย่างชอกช้ำ ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบประสานสายตากับปรมะ ผู้ชายใจร้าย “กุล... แท้งแล้วค่ะ” “ว่าไงนะ?!” ปรมะถามกลับไปเสียงเบาๆ ตอนนี้เขาพยายามรวบรวมสติ และบอกตัวเองว่าต้องหูฝาดไปแน่ๆ เป็นไปไม่ได้... “กุลแท้งลูกแล้วค่ะ” แต่คำพูดต่อมาของนรีกุลก็ยังคงให้ความหมายเดิม "แท้ง? นี่เธอหมายความว่ายังไง เธอแท้งลูกของฉันอย่างนั้นหรือ!” ปรมะทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาจับต้นแขนของนรีกุลที่ยังมีสายน้ำเกลือติดหลังมืออยู่เขย่าแรงๆ ด้วยความลืมตัว ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้! “ค่ะ ตอนนี้ไม่มีลูกของเราอีกต่อไปแล้ว” คนฟังแทบทรุดลงกองกับพื้น เขาต้องตั้งสติอยู่นานเกือบนาที จึงเค้นเสียงด่าทอผู้หญิงตรงหน้าออกมา “ทำไมไม่ดูแลลูกของฉันให้ดี!” “กุลพยายามแล้วค่ะ” หล่อนหันหน้าหนี เจ็บที่ต้นแขนมาก แต่ก็อดทนไม่ร้องโวยวายออกไป “แต่มันยังดีไม่พอ! ได้ยินไหม มันยังดีไม่พอ ลูกของฉันตายไปแล้ว เธอมันนังมารร้าย นังผู้หญิงใจดำ นังผู้หญิงแพศยา!” นรีกุลนิ่งเฉย ร้องไห้เงียบๆ ยอมให้ปรมะด่าว่าไม่คิดโต้เถียง หล่อนตั้งใจจะเจ็บให้มากที่สุด เจ็บให้จุกมากที่สุด จะได้ตัดใจจบความรักที่มีต่อผู้ชายคนนี้ให้ได้เสียที “นังผู้หญิงแพศยา!” แล้วเขาก็ผลักหล่อนจนล้มหงายนอนลงไปบนเตียง นรีกุลเจ็บทั้งร่างกายและหัวใจ หล่อนทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาเงียบๆ แววตาของปรมะที่มองหล่อนตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าเดิม ไฟในดวงตาของเขาราวกับจะแผดเผาหล่อนให้มอดไหม้ “ความจริงคุณหนึ่งควรจะดีใจนะคะที่เราไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวพันกันอีกแล้ว...” ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจพูดขึ้นมา ปรมะที่ยืนเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากหลายครั้งอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านจ้องเขม็งมองมาที่หล่อน ดวงตาคมกริบของเขาแดงก่ำ ใบหน้าก็แดงคล้ำบิดเบี้ยวว เขากำลังโกรธจัดมาก... “ถูกต้อง เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่จับผู้หญิงตรงหน้าหักแขนหักฆ่าให้ตายตามลูกของเขาไป “งั้นเธอก็พร้อมที่จะไสหัวออกไปจากบ้านของฉันแล้วสินะ” “ค่ะ กุลจะออกไปจากบ้านของคุณหนึ่งทันทีหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ปรมะนิ่งไป เพราะไม่คิดว่านรีกุลจะเชิดหน้าและตอบอวดดีแบบนี้ออกมา เขากำมือแน่น จ้องมองหล่อนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวรุนแรง “จำคำพูดของเธอเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะถ้าเธอไม่ยอมออกไปจากบ้านของฉันล่ะก็ ฉันฆ่าเธอตายคามือแน่ นรีกุล!” แล้วคนเกรี้ยวกราดเหมือนโกรธคนทั้งโลกมาอย่างปรมะก็ผลุนผลันออกไปจากห้องพักฟื้นของหล่อนทันที เสียงบานประตูกระแทกเข้ากับวงกบดังกังวาน น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดที่พยายามซ่อนเอาไว้ ตอนนี้มันทะลักทลายออกมาราวกับสายน้ำหลาก “กุล... จะไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณหนึ่งอีกแล้วล่ะค่ะ...” หล่อนสะอื้นไห้ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนเรียบของตัวเองแผ่วเบา “ไปกับแม่นะลูก... แม่สัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนนี้จะทำได้...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD