กลับมาทางด้านอาเฟย เมื่อกล่าวคำลากับใต้เท้าทั้งหลายแล้ว เขาจึงรีบเดินออกมาหน้าเหลาอาหาร แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดกลับเกิดขึ้น คนดูแลหอขายข่าวมู่ตานมาขอพบอาเฟยด้วยท่าทางเร่งรีบ
“นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้วขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเข้ามาอย่างเร่งรีบเช่นนี้”
อาเฟยถามกลับอย่างเป็นกังวล ในเมื่อคนดูแลหอรู้ว่าเขายังไม่ต้องการเปิดตัวกับผู้ใด หากมีเรื่องด่วนให้ติดต่อกับจื่อกวงที่รับหน้าที่นี้แทนเขา
“คนของเราได้ข่าวว่ามีกลุ่มนักฆ่ารับจ้างรวมตัวกันและกำลังมุ่งหน้าไปนอกเมืองขอรับ”
“หลันฮวาไปนอกเมืองใช่หรือไม่”
ฟ่านเทียนเผยหน้าเปลี่ยนสี เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก
“เจ้าส่งคนของหอมู่ตานตามไปหรือยัง ให้คนเตรียมม้าอาวุธให้ข้าเดี๋ยวนี้”
อาเฟยไม่สนใจแล้วว่าใครจะรู้หรือไม่ว่าเขามีความเกี่ยวพันกับหอมู่ตานไม่นานม้าและอาวุธก็มาอยู่ตรงหน้าของเขา อาเฟยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อคนดูแลเอาม้าและอาวุธมาให้เขารีบกระโดดขึ้นม้าและเร่งไปหาเหอหลันฮวาทันที
“อาเฟยรอข้าด้วย”
ฟ่านเทียนเผยเองก็รีบกระโดดขึ้นม้า แม้ว่าในเมืองหลวงไม่ให้ขี่ม้าด้วยความเร็ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนอีกทั้งเรื่องกลับเกิดขึ้นกับน้องสาวของตน จะให้พี่ชายเช่นเขานิ่งดูดายได้อย่างไร
ทว่าไม่ทันแล้วแม้ว่าเสียงเรียกเขาดังแค่ไหนอาเฟยกลับไม่ได้ยินและไม่หันมามอง
เมื่อมาถึงเขากลับไม่พูดและไม่สนใจใครอีกเลย เขาใช้ดาบฟาดฟันนักฆ่าจนพ้นทางก่อนจะกระโดดขึ้นรถม้าเพื่อดูว่าภรรยาของตนนั้นปลอดภัยหรือไม่
“ฮวาเอ๋อร์ เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่”
เหอหลันฮวาแม้จะมีความนิ่งสงบ แต่เมื่อได้ยินเสียงของอาเฟย ความเข้มแข็งที่มีมาก่อนหน้านี้พังทลายลงในชั่วพริบตา
“ท่านพี่ ข้ากลัว กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าท่านพี่อีก”
เมื่อนางเห็นหน้าคนที่รักมากที่สุดจึงโผเข้ากอดร่างของอาเฟย น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลกลับเปื้อนใบหน้าของหญิงสาว
“ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้วฮวาเอ๋อร์”
อาเฟยรีบกอดปลอบ ใจของเขาเพิ่มทวีความแค้นกับคนที่กล้าส่งนักฆ่าพวกนี้มา และยิ่งเห็นใบหน้าหวานของภรรยาเปื้อนไปด้วยน้ำตา ใจเขายิ่งเป็นทุกข์
“เจ้ารอข้าอยู่ในนี้ก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมา หลันจิงดูแลฮูหยินด้วย”
กล่าวจบอาเฟยจึงพุ่งตัวออกมาจากรถม้าทันที
องครักษ์ที่เห็นใบหน้าของอาเฟยคล้ายกับหยุดนิ่งไป เว่ยอิ้งเหมยด้วยเช่นกัน ทว่าอาเฟยกลับมองทั้งหมดผ่านเลยไป ในแววตาของชายหนุ่มไม่มีคนกลุ่มนี้อยู่ในสายตาแลดูเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เว่ยอิ้งเหมยคล้ายกับจำอาการและท่าทางขององครักษ์จื่อทั้งสี่คนได้เมื่อตอนพบหน้าพวกนาง นางจึงนิ่งเฉย ทว่าเพราะใจไม่อยู่กับตัวทำให้หญิงสาวพลาดพลั้งเกือบจะโดนกระบี่ของพวกโจรฟันเข้าที่หัวไหล่ ดีที่ฟ่านเทียนเผยมาถึงและดีดตัวจากม้ามาช่วยไว้ทัน
“แม่นางหากท่านยังเหม่อลอยเช่นนี้ ท่านคงได้ตายภายใต้กระบี่ของนักฆ่าพวกนี้แน่ และท่านไม่ต้องมองอาเฟยขนาดนั้น เขามีฮูหยินแล้ว”
ฟ่านเทียนเผยกล่าวจบรีบรุดเข้ามาช่วยจัดการกลุ่มนักฆ่าที่เหลือ กลับได้ยินเสียงของอาเฟยตะโกนสั่งมาว่าให้เหลือไว้สักคนสองคนเพื่อสืบหาว่าใครเป็นผู้จ้างวานมา
เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายจบลง กลุ่มโจรจึงเหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอด
เหอหลันฮวาเปิดม่านแอบดูเมื่อทุกอย่างเงียบสงบ ก่อนจะวิ่งลงมาจากรถม้าเพื่อดูว่าอาเฟยบาดเจ็บหรือไม่
“ท่านพี่ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นอะไรปลอดภัยดี ว่าแต่ข้าบอกให้เจ้ารออยู่ในรถม้าไม่ใช่หรือ”
อาเฟยรีบเดินเข้ามาหาฮูหยินของตน จนลืมไปว่านอกจากกลุ่มของจื่อหลงยังมีคนกลุ่มอื่นอยู่ด้วย
“ก็ข้าเป็นห่วงท่านนี่เจ้าคะ ท่านอย่าดุข้าเลย”
เหอหลันฮวารู้ว่าตนเองนั้นโดนดุ จึงรีบเดินเข้ามากอดแขนและทำหน้าออดอ้อนเล็กน้อย มีหรือที่อาเฟยจะทำใจแข็งกับนางได้
“นายท่านลงโทษพวกบ่าวเถอะขอรับ” จื่อหลงและอีกสามคนเดินเข้ามาคุกเข่าให้พร้อมกับขอรับโทษ
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า แค่พวกเจ้าดูแลฮูหยินของข้าให้ปลอดภัยจากอันตรายก็พอแล้ว พวกเจ้าบาดเจ็บกันบ้างหรือเปล่า”
อาเฟยไม่คิดกล่าวโทษผู้ใด เขาเชื่อว่าองครักษ์ทั้งสี่ต่างก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ทว่าสายตากลับสบเข้ากับเว่ยอิ้งเหมยและคนของนาง
“แม่นางท่านนี้และองครักษ์ของนางเข้ามาช่วยไว้ขอรับนายท่าน”
จื่อหลงเมื่อเห็นว่าเจ้านายหันไปมองกลุ่มของเว่ยอิ้งเหมยจึงไขข้อข้องใจให้
“ขอบใจแม่นางและคนของท่านมากที่ช่วยฮูหยินของข้าไว้ น้ำใจแม่นางในครั้งนี้ข้าขอจำไว้และตอบแทนในภายหน้า”
อาเฟยกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง สำหรับเขานั้นบุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องชำระ
“มิเป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ ข้าและคนของค้าเดินทางไกลเพื่อมาทำการค้าและตามหาพี่ชายที่หายไปเมื่อหลายปีก่อนเลยได้ผ่านมาเมืองหลวงแห่งนี้ เมื่อพบเจอเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรย่อมต้องเข้าช่วยเหลือเป็นธรรมดา”
เว่ยอิ้งเหมยกล่าว นางดูทีท่าของอาเฟย แต่สิ่งที่นางได้กลับมานั้นคือสายตาอันว่างเปล่าคล้ายกับคนไม่รู้จักกัน
“เช่นนั้นท่านยังไม่มีที่พักใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นท่านไปพักที่จวนเว่ยของข้าก่อนเถอะ ให้ข้าและท่านพี่ได้ตอบแทนท่านบ้าง”
เหอหลันฮวาคล้ายกับถูกใจสตรีตรงหน้าจึงเอ่ยปากชวนให้ไปพักที่จวนระหว่างอยู่ในเมืองหลวง
“แต่ข้าคิดว่าไม่ดีหรอก ในจวนเว่ยของเจ้ามีเพียงเจ้าและอาเฟย ไม่สู้ให้แม่นางท่านนี้ไปพักที่จวนฟ่านก่อน อย่าลืมว่านางและคนของนางช่วยเจ้าไว้ เรื่องแค่นี้ให้ตระกูลฟ่านได้ตอบแทนเถอะนะ ส่วนนักฆ่าทั้งสองคนข้าจะจัดการให้เอง”
ฟ่านเทียนเผยเสนอให้เว่ยอิ้งเหมยและคนของนางไปพักที่ตระกูลฟ่าน แม้ว่าสายตาของนางมองอาเฟยคล้ายกับดีใจแต่ไม่มีแววตาเสน่หาในนั้น ทว่าเขาต้องตัดไฟเสียก่อน น้องเขยเขาคนนี้หน้าตาดีใช่ย่อย หากเกิดอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร คนที่จะต้องเสียใจที่สุดย่อมต้องเป็นน้องสาวของเขาอย่างฮวาเอ๋อร์
เหอหลันฮวาและอาเฟยมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของฟ่านเทียนเผย จวนของนางก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าตระกูลฟ่าน อีกทั้งจวนตระกูลฟ่านยังมีท่านตากับท่านยาย ความเหมาะสมจึงมีมากกว่า
“ฮูหยินเรียกข้าอิ้งเหมยเถอะ เรียกแม่นางดูแปลกยังไงไม่รู้ อีกทั้งอายุข้ากับท่านอายุไม่น่าจะห่างกันมาก”
อย่าเรียกว่าแม่นางเลย อย่างน้อยบุรุษตรงหน้าก็มีใบหน้าที่เหมือนกับพี่ชายของนางยิ่งนัก อีกทั้งเมื่อครู่ได้ยินว่าจวนของนางคือจวนเว่ย เช่นนั้นสามีของนางย่อมต้องแซ่เว่ย ทว่าในแคว้นนี้มีคนแซ่เว่ยจริงหรือ หากไม่ใช่พี่ชายของนางคงจะบังเอิญจนเกินไปแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่าหลันฮวาเถอะนะ ข้าเองไม่ค่อยมีสหายเช่นกัน คิดเสียว่าชะตากำหนดมาแล้ว ว่าแต่ตอนนี้พวกเรารีบเดินทางเข้าเมืองกันก่อนดีกว่า อย่างน้อยนักฆ่าสองคนนี้พี่รองฟ่านของข้าจะได้เค้นถามว่าใครเป็นผู้บงการ”
ด้วยความเหมาะสมและอะไรอีกหลายอย่าง เว่ยอิ้งเหมยจึงตอบรับคำเชิญของเหอหลันฮวา
“ข้าคงต้องรบกวนเจ้าและทุกคนแล้ว”
จากนั้นจึงพยักหน้าให้องครักษ์และสาวใช้กลับไปที่ม้าและรถม้าเพื่อตามเหอหลันฮวาและทุกคนกลับไปที่จวนตระกูลฟ่าน