“ข้ารักเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่รังเกียจชายความจำเสื่อมเช่นข้า ไม่ว่าอดีตของข้าจะเป็นผู้ใด ข้าไม่มีวันละทิ้งเจ้า และขอมีเจ้าเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว”
อาเฟยโอบกอดฮูหยินของตนด้วยความรัก และให้คำมั่นสัญญา ไม่ว่าอดีตเขาจะเป็นผู้ใด เขาไม่มีวันทอดทิ้งหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ และจะไม่มีหญิงอื่นเพื่อทำร้ายจิตใจของนางเด็ดขาด
“พวกเจ้าสองสามีจะพลอดรักกันอีกนานหรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องสะสางและอาเฟยต้องไปกับข้า”
อยู่ ๆ ร่างของฟ่านเทียนเผยโผล่พรวดเข้ามาก่อนจะโวยวายเสียงดัง
“พี่รองฟ่าน ท่านนี่ไม่มีมารยาท จะโผล่พรวดมาทำไมเจ้าคะ”
“สามีของเจ้าคงลืมนัดกับข้าแล้วน่ะสิ ข้ารอตั้งนานพอรู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองมาที่โรงเตี๊ยมจึงตามมานี่แหละ”
“จริงด้วยข้าลืมไปเสียสนิท ฮวาเอ๋อร์เจ้าอยู่รอที่นี่ก่อนได้หรือไม่ วันนี้พี่รองฟ่านมีนัดกับเหล่าใต้เท้าทั้งหลายไว้”
อาเฟยสะดุ้งเล็กน้อย เขาลืมเสียสนิท เลยหันมาบอกกล่าวกับฮูหยินของตนอีกครั้ง คล้ายกับขออนุญาต
ฟ่านเทียนเผยถลึงตาใส่น้องเขย มันใช่เรื่องที่ต้องลืมไหม ดีที่ใต้เท้าพวกนั้นยังไม่มา ทำให้เขามีเวลาออกมาตามด้วยตนเอง
“ข้าตั้งใจจะไปดูที่ดินเพื่อจะสร้างหอการค้าให้เช่าในกลุ่มของพ่อค้าที่นำสินค้าจากต่างแคว้น ท่านพี่ไปทำธุระกับพี่รองฟ่านเถอะเจ้าค่ะ เสร็จงานแล้วข้าจะกลับจวนเอง”
นางตั้งใจจะสร้างหอการค้านี้ขึ้นมา จึงอยากจะไปดูที่ดินที่นางมีอยู่
“น้องต้องการเช่นนั้นหรือ แต่พี่เป็นห่วง น้องกลับไปรอพี่ที่จวนของท่านตาดีกว่าหรือไม่”
อาเฟยยังกังวลใจกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับนางระหว่างที่เขาไปทำธุระจัดการงานของฟ่านเทียนเผย
“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกเจ้าค่ะ จื่อโหวกับจื่อหูก็ไปด้วย ท่านพี่พาจื่อหลงและจื่อกวงไปด้วยนะเจ้าคะ”
นางยังคงเป็นห่วงสามี ให้บ่าวที่เปลี่ยนมาเป็นองครักษ์ข้างกายตามไปด้วย
“อย่าเลย ให้ทั้งสี่คนตามไปดูแลเจ้าดีกว่า ข้าจะได้เบาใจ อีกทั้งตัวข้าเองไปกับเทียนเผยย่อมไม่มีอันตรายหรอก ฮวาเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวล จื่อหลง จื่อกวง พวกเจ้าทั้งสี่ตามไปดูแลและคุ้มกันฮูหยินให้ดี หากนางเกิดอันตรายแม้แต่เส้นผม พวกเจ้าคงรู้ว่าต้องเจอกับอะไร”
อาเฟยไม่ยินยอม เขาต้องการให้บ่าวทั้งสี่เดินทางไปกับเหอหลันฮวา ส่วนตัวเขาไปกับฟ่านเทียนเผยย่อมต้องไม่เกิดอันตราย เขารู้ว่ารอบกายของฟ่านเทียนเผยมีองครักษ์เงามือดีหลายคน
“แต่ท่านพี่”
“เจ้ายังห่วงเรื่องความปลอดภัยของสามีเจ้าอีกหรือในเมื่อน้องเขยเดินทางไปกับข้า คิดเช่นนี้คล้ายกับดูเบาตัวข้านะฮวาเอ๋อร์”
ฟ่านเทียนเผยกล่าว เขารู้ดีวาน้องสาวต่างแซ่ผู้นี้ย่อมต้องห่วงความปลอดภัยของสามี แต่ในเมื่อมากับเขาทำไมยังต้องกังวลเรื่องนี้อีก
“เจ้าค่ะ พี่รองฟ่านพูดเช่นนี้ข้าก็เบาใจ ข้าจะเดินทางไปนอกเมืองเพื่อดูที่ดินในการก่อสร้าง เสร็จแล้วเรากลับไปเจอกับที่ตระกูลฟ่านนะเจ้าคะ”
นางยินยอมในที่สุด ก่อนจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อขึ้นรถม้าไปนอกเมือง
จวนตระกูลเหอ
“ท่านแม่ ข้าได้ข่าวมาว่านางกำลังเดินทางออกนอกเมือง ท่านให้คนไปจัดการนางให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”
เหอชิงลี่เมื่อรู้ข่าวจากคนของนางว่าเหอหลันฮวาพี่สาวต่างมารดากำลังเดินทางออกนอกเมือง โดยไม่มีสามีอย่างอาเฟยติดตามไปด้วย ทำให้รีบรุดมาที่ห้องของมารดา
“ข่าวของเจ้าแน่นอนหรือไม่” ฮูหยินรองเอ่ยถามบุตรสาว
“แน่นอนเจ้าค่ะท่านแม่ ท่าน...”
ฮูหยินรองยกมือห้ามบุตรสาวไม่ให้พูดอะไรปากกว่านี้ เพราะว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงนางสองแม่ลูก แต่กลับมีจิงอี้เหนียงอีกคน
“เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับลี่เอ๋อร์”
“เจ้าค่ะนายหญิง”
จิงอี้เหนียงตอบรับก่อนจะรีบเดินออกมาจากเรือนของฮูหยินรองด้วยท่าทางปกติ
จากนั้นฮูหยินรองจึงหันมาคุยกับบุตรสาวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“เจ้าแน่ใจหรือว่าหลันฮวากำลังเดินทางไปนอกเมือง นางไปทำอันใดหรือ”
“นางคงไปดูที่ดินหรือไม่กิจการของนาง ที่เหอฮูหยินทิ้งไว้ให้ แต่ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้ให้ท่านมาสอบถามว่านางไปทำการอันใด ข้าต้องการให้ท่านจัดการนางให้พ้นทางข้าเจ้าค่ะ”
“นางแต่งออกไปแล้ว เจ้ายังต้องการจัดการนางไปทำไม เจ้าควรจะหาวิธีมัดใจองค์ชายรองอีกครั้งมากกว่า”
ในเวลานี้นางไม่อาจเข้าหน้าสามีได้ นางจึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ไม่เข้าใจเลยว่าบุตรสาวของนางทำไมยังจ้องเล่นงานเหอหลันฮวาอยู่
“ท่านแม่ทราบหรือไม่เจ้าคะ วันนี้องค์ชายรองพบนางด้วยความบังเอิญ ดูจากที่คนของข้าเล่ามา องค์ชายรองคล้ายกับมีความเสียดายที่ต้องเสียนางไป แล้วท่านแม่ยังจะให้ข้านิ่งนอนใจอีกหรือเจ้าคะ”
เหอชิงลี่กำมือแน่น ขนาดแต่งงานออกไปแล้ว องค์ชายรองคล้ายกับต้องการอดีตคู่หมั้นกลับมา แต่นางที่มอบกายมอบใจให้ไปกลับตัดสัมพันธ์อย่างง่ายดายแถมยังไร้เยื่อใยอีก จะให้นางยอมได้อย่างไร
“เจ้าจงเล่ารายละเอียดมาให้ข้าฟังทั้งหมด”
ฮูหยินรองเอ่ยเสียงเย็น หากแต่งงานออกไปแล้วยังกล้ามาเป็นหนามตำใจของบุตรสาวนาง นางยินดีที่จะกำจัดให้พ้นทางเช่นกัน เป็นหลานสาวตระกูลฟ่านแล้วอย่างไร ขนาดเหอฮูหยินคนก่อน นางยังจัดการได้โดยที่ไม่มีใครกล้าเอาผิดหรือสงสัยในตัวนาง
“จางเหมย เจ้าไปบอกพี่ชายของเจ้าให้จัดเตรียมคนและจัดการเสี้ยนหนามของบุตรสาวข้าเสีย เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่หรือไม่”
ฮูหยินรองใบหน้าเยียบเย็นลงก่อนจะสั่งการสาวใช้คนสนิท
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
จางเหมยรับคำและรอรับถุงเงิน จากนั้นจึงรีบรุดออกไปทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างเร่งด่วน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ดีกับข้า”
เหอชิงลี่เดินเข้ามาโอบเอวของมารดาไว้ก่อนจะยิ้มอย่างสมใจ
“ข้ามีบุตรเพียงแค่เจ้า หากข้าไม่ทำเพื่อเจ้า จะให้ข้าทำเพื่อผู้ใดกันเล่า”
ฮูหยินรองโอบกอดบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นขวางหนามในการขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายาของบุตรสาวนาง นางยินดีและพร้อมที่จะทำลายมันผู้นั้นทันที
เหลาอาหารของตระกูลฟ่าน ภายในห้องรับรองเต็มไปด้วยขุนนางที่ได้รับเทียบเชิญ ซึ่งแต่ละคนมีความแปลกใจบนใบหน้าที่ไม่อาจซ่อนได้
“ใต้เท้ากู้ ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดคุณชายรองฟ่านถึงได้ส่งเทียบเชิญให้พวกเรา” ใต้เท้ากู้เอ่ยถามสหายร่วมชะตากรรม
“ข้าเองไม่รู้เช่นกันว่า คุณชายรองฟ่านเรียกมาด้วยเรื่องอันใด ในเวลาปกติแทบจะไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำ”
ด้วยนิสัยของฟ่านเทียนเผยทุกคนย่อมทราบดีว่าชายหนุ่มมีนิสัยเช่นไร แม้แต่พวกเขาส่งเทียบเชิญไปถึงตระกูลฟ่านอย่างไร กลับไม่ได้คำตอบรับ แต่แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกันเล่า
แต่ไม่ว่าจะสงสัยเพียงใด แต่ใต้เท้าแต่ละคนกลับไม่ได้คำตอบ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ฟานเทียนเผยและอาเฟยจึงเดินเข้ามาในห้องรับรองแห่งนี้
“คุณชายรองฟ่าน”
“ข้าต้องขออภัยพวกท่านด้วยที่ผิดนัดไปเกือบครึ่งชั่วยาม พอดีว่าขอไปตามน้องเขยตัวดีน่ะสิ กว่าจะแยกจากน้องสาวข้าได้ ข้าแทบจะทุบหัวลากมา”
ฟ่านเทียนเผยกล่าวติดตลก ทำให้ใต้เท้าทั้งหลายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในเมื่อตระกูลฟ่านมีเพียงหลานชายแซ่เดียวกันเพียงสองคน และหลานต่างแซ่สามคน
ดังนั้นจึงมีเพียงคุณหนูใหญ่เหอเท่านั้น และชายคนนี้คงเป็นสามีบ่าวของนาง หากคุณชายรองฟ่านเรียกว่าน้องเขยเต็มปาก เท่ากับตระกูลฟ่านยอมรับหลานเขยคนนี้แล้ว
และนี่คือสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด แต่มันกลับเกิดขึ้นจริง
ฟ่านเทียนเผยมองใบหน้าของแต่ละคนที่เดี๋ยวตกใจเดี๋ยวซีดเผือด ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย และเดินมานั่งตรงหัวโต๊ะโดยมีอาเฟยมานั่งด้านข้าง
“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้ว ข้าคงต้องขอแนะนำน้องเขยของข้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นี่คืออาเฟย แซ่เว่ย สามีของเหอหลันฮวา และเป็นหลานเขยของตระกูลฟ่านที่ผ่านการเห็นชอบจากสองผู้เฒ่าในตระกูล”