08 ตลกสิ้นดี

2156 Words
ระหว่างทางหลังจากที่พี่หมอคีย์จับมือฉันไปประสานไว้ เราก็ต่างคนต่างเงียบค่ะ ไอ้มือของพี่หมอคีย์น่ะ ฉันไม่ได้อยากจับหรอกนะบอกไว้ก่อน แต่พอจะเอาออกพี่หมอคีย์ก็รั้งเอาไว้ พร้อมกับปรายสายตามาดุฉัน ฉันไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากเถียงเพราะอีกสักพักฉันต้องไปอยู่ในพื้นที่ของเขา ฉันควรสงบปากไว้สักนิด ถึงแม้จะมีคุณปู่ช่วย แต่ท่านก็อายุมากแล้ว ฉันไม่ค่อยอยากให้ท่านเครียด เพราะฉันยังจำได้ดีว่าพี่หมอคีย์มีเพียงคุณปู่กับคุณย่าที่เลี้ยงดูมา ซึ่งตอนนี้คุณย่าเสียแล้ว จึงเหลือแค่คุณปู่ เรียกได้ว่าญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของพี่หมอคีย์ แม้ว่าฉันจะเกลียดพี่หมอคีย์จนบางทีอยากจะทำลายทุกอย่างของเขา แต่ฉันก็ไม่บ้าดีเดือดขนาดที่ว่าไม่ลืมหูลืมตามองความผิดชอบชั่วดี อีกอย่างที่สำคัญก็คือคุณปู่ของพี่หมอคีย์เอ็นดูฉันมาก และช่วงที่พี่หมอคีย์ไม่กลับบ้าน ก็ฉันนี่แหละที่มาค้างกับท่าน มาคุยเป็นเพื่อนคลายเหงา สองชั่วโมงต่อมา... -บ้านคีย์- “คุณปู่ขา...” ฉันลงจากรถได้ก็รีบวิ่งเข้ามานั่งตรงหน้าคุณปู่ที่ตอนนี้ท่านนั่งวีลแชร์อยู่ที่ประตูบ้าน “หนูจีน” คุณปู่ยิ้มให้ฉันพร้อมกับยื่นมือมาลูบลงที่ศีรษะของฉันอย่างอ่อนโยน “มานั่งรอจีนอีกแล้ว มันมืดแล้วนะคะคุณปู่ มานั่งตากลมแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายนะคะ เดี๋ยวคุณหมอจัดยาเพิ่มน้า...” แม้ภายนอกของฉันจะเปลี่ยนไป แต่ลึก ๆ ภายในใจของฉัน ฉันยังอ่อนโยน และฉันเลือกว่าจะอ่อนโยนกับใคร ใครสมควรได้รับความอ่อนโยนของฉัน “ปู่เพิ่งออกมาเองหนูจีน” ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ คุณปู่น่ะ ถ้ารู้ว่าฉันจะมาคุณปู่จะมารอที่หน้าบ้านเป็นประจำ อันนี้แม่บ้านบอกกับฉัน “จริงเหรอคะ” คนแก่คะยั้นคะยอมากไม่ดีค่ะ ฉันจึงจะแกล้งเชื่อท่าน เพื่อให้ท่านสบายใจ “จริงสิลูก หนูจีนกินอะไรมารึยัง เจ้าคีย์พาแวะกินอะไรบ้างไหม” “ยังค่ะ จีนยังไม่หิว เดี๋ยวถ้าหิวค่อยหาของมากินก็ได้ค่ะ ตอนนี้เราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวน้ำค้างลง” ฉันเอื้อนเอ่ย แล้วลุกขึ้นเข็นคุณปู่เข้าบ้าน ด้านพี่หมอคีย์ก็หอบหิ้วกระเป๋าตามฉันเข้ามา “ว่าแต่คุณปู่ทานยาตรงเวลารึเปล่าคะ แอบดื้อระหว่างที่จีนไม่มารึเปล่าน้า...” ฉันแกล้งเอ่ยถาม เพราะคุณปู่ของพี่หมอคีย์น่ะท่านเบื่อการทานยา ท่านบอกว่ามันจำเจ กินทุกวันแล้วกลืนไม่ลง แต่ถ้าฉันมาท่านก็จะยอมทานอย่างง่ายดาย เพราะฉันหลอกล่อท่านเก่ง “ปู่ไม่ดื้อ กินตามเวลาตลอด” “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราจะได้วาดรูปที่วาดค้างไว้ต่อ โอเคไหมคะคุณปู่” รูปวาดที่ฉันพูดนั้นหมายถึงรูปคุณปู่ ท่านบอกว่าอยากเป็นแบบให้ฉันวาด ซึ่งฉันยินดีมาก ๆ ขนาดภาพค่อนข้างใหญ่ และฉันจริงจังกับภาพนี้ งานจึงล่าช้า ที่บอกว่าจริงจังก็เพราะฉันต้องการให้งานออกมาดี เป็นการให้เกียรติคุณปู่ที่ยอมมานั่งมองฉันแล้วยิ้มอยู่ได้นมนาน “ปู่โอเคอยู่แล้ว แล้วนี่ได้คุยกับปู่ของเราบ้างไหม” “ปู่คงคาก็งานยุ่งค่ะ ช่วงนี้ไม่รู้ว่างานอะไรบ้าง แต่ปู่คงคาบอกว่าถ้าว่างจะมานั่งจิบน้ำชากับคุณปู่นะคะ” “ดี ๆ ปู่ก็คิดถึงมัน” ท้าวความก่อนว่าคุณปู่ของพี่หมอคีย์ กับคุณปู่ของฉันนั้น เป็นเพื่อนกันค่ะ และเพราะตอนนั้นฉันเป็นหลานที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในตระกูลศิวะวานนท์ ฉันจึงได้หมั้นกับพี่หมอคีย์ ตามความต้องการของสองชรา ทุกอย่างมันเหมือนจะดี แต่ที่จริงมันมีจุดบอด มีข้อผิดพลาด และแน่นอนว่าคุณปู่ของฉันมองข้ามจุดบอดนั้น หนึ่งเหตุผลหลักคือเพื่อฉัน อีกเหตุผลคือเพื่อเพื่อนรักที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และอีกหลายโรคที่แทรกซ้อน ถ้าความจำบางอย่างของฉันเลอะเลือนตลอดไป มันอาจจะดีกว่าตอนนี้มาก ๆ ฉันอาจจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงเอาแต่ใจที่หลงรักคู่หมั้นที่แสนเย็นชาของตัวเองมาก ๆ ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น อยากได้อะไรเขาต้องหาให้ อยากให้อะไรเขาต้องรับ อยากเจอเมื่อไหร่เขาต้องมา มองย้อนกลับไปเห็นตัวเองในตอนนั้นก็สมเพชตัวเองสิ้นดี คนรอบข้างที่รู้เรื่องราวคราวนั้นคงหัวเราะฉัน และคนที่หัวเราะฉัน สมเพชฉันมากที่สุดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคู่หมั้นของฉันนั่นเอง ครึ่งชั่วโมงถัดมา... “มีอะไรคะ” ฉันถามพี่หมอคีย์ซึ่งตอนนี้เขาเดินตามฉันเข้ามาในห้องส่วนตัวของฉัน ห้องที่ฉันจะอยู่ประจำเวลาที่มาค้างที่นี่ จนเรียกได้ว่าห้องนี้คือห้องของฉัน คือครึ่งชั่วโมงก่อนฉันเข้าไปนั่งคุยกับคุณปู่ของพี่หมอคีย์ นั่งเล่าว่าฉันกำลังจะเปิดร้านสัก ตอนนี้ให้เพื่อน ๆ ช่วยทำร้าน คุณปู่รู้จักเพื่อนของฉันค่ะ ท่านรู้หลาย ๆ เรื่องที่ฉันเล่า และแน่นอนว่าตอนที่ฉันเล่าพี่หมอคีย์ไม่อยู่ เขาไปไหนไม่รู้ เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องของคุณปู่ตอนที่คุณปู่ใกล้หลับ “พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา” “อะไรคะ รีบพูดมาสิ จีนจะได้อาบน้ำนอน” ฉันเดินมานั่งที่ขอบเตียง พี่หมอคีย์เดินมาหยุดตรงหน้าฉัน “อาบน้ำนอนหรือคุยกับใคร ?” เขาถามด้วยเสียงเย็นเยียบ “จีนไม่ใช่พี่หมอคีย์นะคะ” ฉันย้อนทันที และอยากจะย้อนมากกว่านี้ “พี่ทำไม?” “รู้อยู่แก่ใจ” “จิลลา!” “ถ้าจะหาเรื่องทะเลาะก็ออกไปเถอะค่ะ วันนี้จีนเหนื่อยแล้ว” ฉันชักสีหน้าใส่พี่หมอคีย์ “เหนื่อยนี่คือไปทำอะไรมา?” “อะไรคะ พูดมาให้เคลียร์ค่ะพี่คีย์!” ถ้าเรียก ‘พี่คีย์’ คือฉันจริงจังมาก ๆ และเริ่มจะอารมณ์เสียมากด้วย คำว่า ‘พี่หมอคีย์’ คือสรรพนามที่มีเพียงฉันที่เรียก มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่เขามายืนตรงหน้า บอกว่าเป็นคู่หมั้น เล่าว่ากำลังเรียนทันตะปี 1 ‘ถ้างั้นหนูเรียกพี่หมอคีย์ได้ไหมคะ’ ‘หืม... พี่ยังไม่ได้เป็นเลยนะ’ ‘พี่หมอคีย์ได้เป็นทันตะแน่นอนค่ะ พี่หมอคีย์เก่งอยู่แล้ว หนูเป็นกำลังใจให้ค่ะ’ ‘ขอบใจนะ พี่จะพยายามนะ’ ‘ห้ามใครเรียกแบบหนูนะคะ ให้หนูเรียกได้คนเดียว’ ‘ใครจะเรียก ก็คงมีแค่จีนนั่นแหละ’ ‘นั่นแหละค่ะ สัญญานะคะว่าให้จีนคนนี้เรียกคนเดียว...พี่หมอคีย์’ ‘ครับพี่สัญญา’ สตอรี่ปัญญาอ่อนพื้นภูมิความหลังของฉันเด้งเข้ามาในหัว เอาแต่ใจอย่างเดียวไม่พอ ยังปัญญาอ่อนอีกต่างหาก และมันแน่นอนมาก ๆ ว่า ‘พี่หมอคีย์’ สามพยางค์นี้มีแค่ฉันที่เรียก “จะพูดไหมคะ ถ้าไม่พูดก็เชิญออกจากห้อง” ฉันลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า เมื่อพี่หมอคีย์มองฉันตาไม่กะพริบ “...” และเงียบไม่พูดจา “เชิญค่ะพี่คีย์” “มีคนบอกพี่ว่าจีนเล่นชู้ ระหว่างที่พี่ยุ่ง” แล้วเขาก็พูดออกมาเมื่อฉันออกปากไล่อีกครั้งอย่างจริงจัง แต่เดี๋ยวนะ! ตลกสิ้นดี ฉันเนี่ยนะที่มีชู้ จิลลาคนนี้ที่ทั้งหัวใจมีแค่พี่หมอคีย์เนี่ยนะจะมีชู้ บ้าบอ “หน้าหนูเหมือนคนมีชู้เหรอคะพี่คีย์” ฉันแหงนหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่โกรธเคือง แล้วถ้าคำว่า ‘พี่คีย์’ มา คำว่า ‘หนู’ ก็จะถูกแทนที่โดยอัตโนมัติ “หน้าจีนไม่เหมือน แต่หน้าแบบนี้ไหมล่ะ ชู้ของจีน” พี่หมอคีย์ยื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าฉัน มันเป็นรูปถ่าย และรูปถ่ายเหล่านี้ก็คือฉันและ... “ชู้ที่ไหนกัน นั่นเพื่อนหนูทั้งนั้น” ฉันตอบไปตามความเป็นจริง ที่อยู่ในภาพก็คือเพื่อนของฉัน ไอ้ปิง ไอ้ปอง ไอ้ปลื้ม ไอ้ป๊อก ไอ้เปรย ก็แค่ทุกรูปมีแค่ฉันกับเพื่อนชายสองต่อสอง ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายจากร้านเหล้าหลาย ๆ ร้าน เนื่องจากว่าฉันชอบออกไปฟังเพลง และดื่มนิดหน่อยพอเอาอารมณ์ เวลาที่นึกถึงเรื่องน่าเศร้า โดยเฉพาะเรื่องของคนตรงหน้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฉันไปนั่งตามร้านเหล้า และจะมีเพื่อนไปด้วยครั้งละคน หมุนเวียนสลับกันไป บางทีก็ไปกันครบ บางทีก็ไปสามคน บางทีก็สี่คน บางทีก็ห้าคน คือส่วนใหญ่พวกห้าเหี้ยมันไม่ใช่พวกเที่ยวที่แบบนี้ ที่ต้องไปก็เพราะไปเป็นเพื่อนฉัน และมันคือความจริงที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วเรื่องที่ว่า... ใช่ว่าเพื่อนทุกคนจะว่างตามอารมณ์ของฉัน พวกมันไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ฉันไปไหนมาไหนคนเดียว นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คนอื่นเข้าใจว่า ‘ฉันควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า’ แล้วไงใครแคร์ นี่จิลลา จิลลาคนดี “เพื่อนที่ไหนทำกันแบบนั้น” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมสายตาที่จับจ้องฉันด้วยความไม่พอใจ ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ ไม่ยอมรับในสิ่งที่ฉันตอบ ถ้าไม่ยอมรับ จะมาถามทำบ้าอะไร “เพื่อนของหนูนี่แหละค่ะที่ทำ ทำไมคะพี่คีย์” “มันง่ายไปนะจิลลา แก้ตัวง่ายเกินไป ทำอย่างกะสนิทมากมาย ถามจริงเถอะ... เพื่อนดื่มหรือเพื่อนร่วมเตียงถึงได้แนบชิดแบบนั้น” คนตรงหน้ากำลังอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก และเขาไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนี้ใส่ฉัน “อืมมมมม... ข้อนี้น่าคิดนะคะ เพื่อนดื่ม หรือ เพื่อนร่วมเตียง หึหึ... พี่คีย์มีประสบการณ์โดยตรงเหรอคะ ถึงได้ดูเหมือนเข้าใจโจทย์ข้อนี้จัง” ถ้าถามสีหน้าท่าทางของฉันในตอนนี้ ก็คงจะเดากันได้ว่ามันน่าปวดประสาทสำหรับคนฟังและคนมอง รวมถึงคนที่มีชนักติดหลังอย่างพี่หมอคีย์ ชนักที่ฉันมองเห็นมาตลอด! “จิลลา ตอนนี้พี่ถามเรา ไม่ได้ให้เรามาถามพี่” “อ้าว! ตายแล้ว นี่พี่คีย์ถามหนูเหรอคะ หนูนึกว่าอยากหาเรื่องหนูซะอีก” ฉันทำท่าเอามือป้องปาก แสร้งทำเป็นตกอกตกใจ “พี่จะหาเรื่องเราทำไม” พี่หมอคีย์กำลังพยายามใจเย็นเป็นอย่างมาก ฉันสังเกตได้จากการขบกรามแน่น “ก็อาจจะหาเรื่องไม่อยากแต่งไงคะ ความจริงหลักฐานแค่นี้ก็เพียงพอที่จะถอนหมั้นนะ พี่คีย์ไม่ลองดูล่ะ เราสองคนจะได้ไม่ตะ...” “เราจะแต่งงานกันจีน อย่าพูดเรื่องนี้อีก แล้วก็ไปจัดการบรรดาชู้ของเราด้วย” พี่หมอคีย์พูดแทรกและชักสีหน้าดุดันใส่ฉัน “นั่นเพื่อนหนู ไม่ใช่ชู้” ฉันยังคงเถียง เพราะมันคือเรื่องจริง “อย่าก๋ากั่นจีน อย่าริมีชู้แล้วเอาสถานะเพื่อนมาอ้าง อย่าทำให้พี่เดือด” พี่หมอคีย์เดินเข้ามาใกล้ฉันมาก แล้วเขาก็ผลักฉันล้มลงที่เตียงนอน “เดือดแล้วจะทำไมคะ พี่คีย์จะรังแกหนูเหรอ” ฉันยังคงปากเก่ง ส่วนพี่หมอคีย์กำลังอยู่ในท่าคาบคร่อมฉัน “อย่าท้าพี่จีน” “นี่คือคำถามค่ะ ไม่ใช่คำท้าทาย เป็นถึงหมอ แยก...” เสียงของฉันขาดห้วง เพราะกลีบปากของฉันถูกปิดด้วยริมฝีปากอมชมพู นี่คือครั้งแรกที่เราจูบกัน! ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้ว่าเขาคือคู่หมั้น “จีนคือของพี่ อย่าเที่ยวไปเป็นของฟรี อย่าให้พี่ทนไม่ไหว อย่าดื้อมากไปกว่านี้ แล้วไปเลิกกับไอ้พวกนั้นซะ ก่อนที่พี่จะหมดความอดทน” พี่หมอคีย์ถอนจูบออก แล้วพ่นคำพูดมากมายออกมา คำพูดที่ไม่ได้เข้ามาในหู ไม่ได้เข้ามาในระบบสมอง หรืออะไรของฉันทั้งนั้น สิ่งเดียวที่เข้าหูของฉันคือคำว่า ‘หมดความอดทน’ ‘ทำไมคะ ถ้าหมดความอดทน พี่คีย์จะทำกับหนู เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนใช่ไหม’ นี่คือประโยคที่ฉันอยากจะตะโกนออกไปดัง ๆ แต่ฉันกลั้นอารมณ์ไม่พูด ถ้าพูดตอนนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD