ตอนที่ 10 ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

1677 Words
สองพี่น้องกลับมาอาศัยอยู่ในถ้ำตามเดิม และตื่นแต่เช้าเพื่อเริ่มการค้าของตนกันด้วยความตื่นเต้น แม้จะมีตะกร้าสานและถังไม้มาช่วยในการเก็บผลไม้ได้สะดวกขึ้น แต่การขนพวกมันกลับไปไว้ในเรือก็ยังเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อย มู่สี่เสินต้องลงแรงสร้างลากเลื่อนจากท่อนไม้เล็กหลายอันมาผูกเข้าด้วยกันเพื่อช่วยในการขนส่งผลไม้ได้คราวละมากๆ มู่เหยาจีจะมีหน้าที่เก็บผลไม้สุกที่ร่วงหล่นอยู่ใต้ต้นไม้มากองเอาไว้ที่จุดหนึ่ง ให้พี่ชายทยอยนำตะกร้าผลไม้เอาไปเทใส่เรือแล้วกลับขึ้นมารับเอาไปใหม่ กว่าจะได้ผลไม้เต็มลำเรือสองพี่น้องก็ต้องพักเหนื่อยอยู่หลายรอบและใช้เวลาไปกว่าครึ่งค่อนวัน แต่เมื่อมองเห็นผลไม้กองโตที่ยังเป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของจำนวนผลไม้ที่มีเต็มเกาะ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขจนล้นอก “หากแลกเปลี่ยนเก็บสะสมเงินซื้ออุปกรณ์ได้มากพอ ไม่นานข้าคงจะสร้างเรือนหลังเล็กๆ ให้เจ้าสักหลังได้ เจ้าจะมีที่นอน ผ้าห่มที่อบอุ่น อ้อ! อย่าลืมเตือนข้าด้วย เราต้องแลกเอาข้าวสารกลับมาด้วยนะ อีกหน่อยเจ้าต้องเติบโต ต้องกินอาหารแบบมนุษย์จะได้แข็งแรง” มู่เหยาจีเงยหน้ามองพี่ชายที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ข้อมือที่เคยเล็กแบบบางคล้ายมือสตรีเต็มไปด้วยร่องรอยขีดข่วนและบาดแผลนับไม่ถ้วนด้วยความซาบซึ้งใจ “ท่านคิดแต่เรื่องข้า ไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไร ตามจริงท่านไม่จำเป็นต้องตามข้าลงมาอยู่ที่แดนมนุษย์ด้วยซ้ำ" มู่เหยาจีรู้สึกสงสารและขอบคุณอีกฝ่ายไปพร้อมกัน มู่สี่เสินเอื้อมมือมาลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ ใช่ว่าตนไม่คิดถึงความสะดวกสบายบนแดนสวรรค์ ทูตสวรรค์ฝ่ายบุรุษส่วนใหญ่จะมีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเขาจึงชอบอยู่ในร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วที่ดูงดงามเสียมากกว่า มีเพียงตนเท่านั้นที่มีร่างกายบอบบางคล้ายอิสตรีจึงมักจะถูกล้อเลียนจากทูตสวรรค์คนอื่น ๆ มีเพียงเหยาจีที่เห็นว่าตนแข็งแกร่งและฉลาดเฉลียว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะได้รับคำชมจากเหยาจีอยู่เสมอ ตนจึงเต็มใจติดตามเหยาจีลงมาและเวลานี้ก็มองว่าสาวน้อยตรงหน้าคือน้องสาวแท้ๆ ของตนจริงๆ เรือเก่าของสองพี่น้องพายเข้ามาถึงเกาะจิงเหมินในยามเซิน เกาโหลวหัวหน้าหมู่บ้านจึงเรียกให้ชาวบ้านเอาตะกร้า ข้าวสาร แป้ง ลากเลื่อนและเครื่องปรุงบางอย่างตามที่มู่สี่เสินต้องการมาแลกเอาผลไม้กลับไป “มีตะกร้าและลากเลื่อนเพิ่มขึ้น พรุ่งนี้ข้าคงจะเก็บผลไม้มาส่งได้เร็วกว่าเดิมขอรับ” มู่สี่เสินดีใจมากที่ได้ของที่ต้องการ แม้จะยังไม่ได้ที่นอนหรือผ้าห่ม แต่การได้ตะกร้าจำนวนมากไปก็ลดขั้นตอนการเก็บและเทผลไม้ไปได้หลายส่วน ยังมีลากเลื่อนที่แข็งแรง บรรจุผลไม้ได้คราวละหลายตะกร้าเพิ่มขึ้นมาอีก “เจ้าคิดว่าจะเก็บผลไม้บนเกาะได้อีกสักกี่วันจึงจะหมดหรือหลานชายมู่” “ที่ข้าเก็บมาคราวนี้เป็นเพียงผลไม้สุกที่ตกลงมาอยู่ใต้ต้นทั้งสิ้นเลยขอรับ โชคดีที่ซากใบไม้และผลไม้เก่าๆ หนาพอที่จะทำให้ผลของพวกมันไม่เสียหาย เฉพาะที่ตกลงพื้นมาก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่งเต็มลำเรือมาอีกครึ่งเดือนข้าก็คิดว่ายังไม่หมด ติดเพียงแค่ว่าพวกมันจะเน่าเสียไปก่อนเท่านั้น ส่วนบนต้นไม้ข้าคิดว่าน่าจะมีให้ขายได้ยาวนานถึง 3 เดือนขอรับ” เกาโหลวเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เขาเชื่อแล้วว่ามู่เหยาจีพูดความจริง หากเอาผลไม้ทั้งหมดบนเกาะมากองรวมกัน ก็คาดว่าจะสร้างภูเขาผลไม้ลูกย่อมๆ ได้เลยทีเดียว “เช่นนั้นปัญหาของเจ้าก็เป็นว่าต้องเร่งเก็บผลไม้ที่สุกงอมมาให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มันเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ลำบากเจ้าสองคนแล้ว คงจะเหนื่อยกันน่าดูชม” “ใช่ขอรับ เหนื่อยมาก น้องสาวข้าก็ต้องทำงานทั้งวันแทบไม่ได้หยุดพักเลย” “ข้าไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ เราสองคนกินแล้วก็นอนมาตั้งนาน มีงานทำบ้างข้าไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไปแล้ว อีกอย่างเวลานี้ข้าก็แข็งแรงกว่าแต่ก่อนแล้วนะเจ้าคะพี่ชาย” “จริงของเจ้า ยิ่งได้ทำงานมากขึ้น ก็เหมือนจะยิ่งเหนื่อยน้อยลง” มู่สี่เสินลอบคิดในใจว่าเวลานี้เขากับน้องสาวคงจะเริ่มปรับสภาพร่างกายให้เป็นมนุษย์ได้ดีกว่าก่อนแล้ว “เราต้องรีบกลับไปแล้วขอรับ กลับไปเก็บผลไม้ใส่ตะกร้ารอเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ก็จะได้นำกลับมาได้เร็วขึ้น ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ข้าอาจจะเอาผลไม้มาส่งได้ถึง 2 เที่ยว ขอบคุณท่านอาที่แนะนำ เราจะคัดเลือกผลไม้ที่สุกเต็มที่มาก่อน มันจะได้ไม่เน่าเสียไปเปล่าขอรับ” “เดี๋ยวก่อนๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน ครั้งหน้าเจ้าอยากได้อะไรเพิ่มอีกบ้าง ข้าจะได้บอกคนในหมู่บ้านให้เตรียมเอาไว้แลกเปลี่ยน” “ข้าต้องการเพียงข้าวสารไปสะสมเอาไว้ ผ้าปูนอนสำหรับเราสองคน จากนี้เราก็ต้องการแค่เงินขอรับ” มู่สี่เสินไม่ขาดอะไรนอกจากเรือนพักที่สะดวกสบายสำหรับน้องสาว ในเมื่อยังคิดวิธีการยังไม่ออกดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องสะสมไว้ให้มากก็คือเงิน การเก็บผลไม้ที่ทยอยสุกไล่กันไปก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เขาจะทำให้สินค้าเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้เด็ดขาด “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะให้บุตรชายข้าออกเรือจับปลาแค่ลำเดียว อีกลำของข้าจะให้เจ้าขอยืมไปขนผลไม้กลับมา ผูกเรือให้ติดกันเจ้าจะได้ไม่เสียเวลาพายไปกลับหลายรอบ” กู้หยุนตัดสินใจให้มู่สี่เสินขอยืมเรือเพิ่มอีก 1 ลำ เขาได้ยินแล้วว่าสองพี่น้องสามารถส่งผลไม้ออกมาขายได้ยาวนานถึง 3 เดือน ผลไม้เหล่านี้แม้จะมีบ้างที่สุกงอมต้องรีบกิน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเก็บไว้ได้อีกหลายวันและนำไปขายต่อสร้างรายได้ได้ คุณภาพของผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ เนื้อเยอะรสชาติหวานมากกว่าผลไม้บนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ขายได้ ขอเพียงให้พวกเขาส่งมาให้ได้ทันขายเท่านั้นก็พอ “ท่านอาเกา เรื่องผลไม้อย่างไรข้าก็ให้สัญญาว่าจะขายให้เฉพาะคนในหมู่บ้านจิงไห่ แต่ข้าอยากให้ท่านรับเงินค่าเรือกลับไปบ้าง เราไม่อาจเอาเปรียบท่าน" มู่สี่เสินควักเงินอีแปะกำหนึ่งยัดใส่มือหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลว “เจ้าเก็บเอาไว้ก่อนเถิด ข้าตั้งใจจะให้เจ้าสองพี่น้องขอยืมเรือไปใช้ตั้งแต่ต้นแล้ว อีกอย่าง ด้วยการค้าของเจ้า เรือลำเล็กของข้าไม่เหมาะหรอก เก็บเงินไว้ให้มากพอแล้วหาซื้อเรือลำใหญ่กว่านี้จะดีกว่า” เกาโหลวดันมือของมู่สี่เสินกลับไปดังเดิม “น้ำใจของท่านอาเกา เราสองพี่น้องจดจำเอาไว้แล้วขอรับ” มู่สี่เสินรู้สึกเกรงใจคนในหมู่บ้านจิงไห่เป็นพิเศษ เพราะคิดว่าตนก็เพียงแค่ออกแรงเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น ผลไม้ที่นำมาขายก็เป็นของได้เปล่าที่มีอยู่บนเกาะ แต่เป็นเกาโหลวกับชาวบ้านเสียอีก ที่ต้องเป็นฝ่ายเสียทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อสนับสนุนการดำเนินชีวิตของพวกตน “บุญคุณน้ำใจอันใดกันหลานชาย เราเสียอีกที่จะได้มีโอกาสหารายได้จากผลไม้ของพวกเจ้าสองคน เราหาปลาได้น้อยลงทุกวัน ยิ่งระยะนี้บางวันก็จับปลาไม่ได้เลยสักตัวไม่รู้พวกมันหายไปอยู่ไหนกันหมด ข้าจะไม่ปิดบังหรอกนะ ราคาที่ข้าจ่ายให้กับพวกเจ้ากล่าวตามจริงก็ราคาถูกไปสักหน่อย” เกาโหลวเข้าใจว่าสองพี่น้องต้องมาจากตระกูลใหญ่ร่ำรวย และพวกเขาอาจจะไม่เคยทำการค้าเอง จึงไม่รู้ราคาข้าวของต่าง ๆ “ผลไม้ที่เจ้านำออกมาเป็นผลไม้สุกที่ต้องรีบขายโดยเร็ว เราจะแบ่งเอาไปขายเฉพาะชาวบ้านบนเกาะทั้ง 4 หมู่บ้านก่อน แล้วจะคัดเลือกลูกที่เก็บได้นานหน่อย ใส่เรือข้ามไปขายที่แผ่นดินใหญ่ เราต้องมีค่าแรง และต้องระวังเรื่องการทำให้มันเสียหายบอบช้ำ หวังว่าเจ้าจะไม่คิดว่าพวกเราเอาเปรียบเจ้าสองคนหรอกนะ” “ไม่เลยขอรับท่านอา เราพอใจกับราคาที่ท่านจ่ายให้กับเราสองคนแล้วขอรับ” มู่สี่เสินรีบตอบกลับเช่นกัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าวสาร ตะกร้า หรืออะไรก็ตามมันสมควรจะแลกเปลี่ยนด้วยผลไม้กี่ลูก แต่เป็นชาวบ้านที่คิดคำนวณกันเอาเองว่าสิ่งของที่เขานำมาแลกเปลี่ยนสมควรจะได้ผลไม้ไปเท่าใด และไม่มีผู้ใดหยิบไปเกินกว่าที่ควรจะได้รับ คนที่ไม่มีสินค้ามาแลก ก็เลือกซื้อและจ่ายเงินให้มู่เหยาจี และยังสอนนางอีกด้วยว่าแต่ละชนิดสมควรขายในราคาเท่าใด โดยรวมแล้วสมาชิกในหมู่บ้านจิงไห่นำโดยหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลว ล้วนเป็นคนดีมีน้ำใจควรค่าแก่การได้รับความนับถือและไว้วางใจมากสำหรับสองพี่น้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD