ทั้งคู่นั้นไม่รู้ว่ามีแขกคนสำคัญแอบเข้ามาในบ้านพร้อมกับหายนะ ที่กำลังจะคืบคลานเข้าหา อีกไม่นานด้วยแรงพยาบาทของดวงตาคู่นั้น ที่จ้องจะทำร้ายคนทั้งคู่ได้ทุกเมื่อ
“นายไปนานไหมกี่วัน”
“คิดถึงอ่ะดิ! ไปไม่นานหรอกประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้างานเสร็จเร็วก็อาจจะได้กลับก่อน หรือบางทีถ้ามีปัญหาก็อาจจะยืดเยื้อออกไปอีก”
“อืม...”
เมื่อทั้งสองทานข้าวเสร็จเข็มทิศได้ลุกขึ้นออกมาจากโต๊ะอาหาร มินตราก็ลุกขึ้นเตรียมเก็บจานไปล้าง แต่เธอกลับรู้สึกใจหาย
“ผมไม่อยู่อย่าลืมลงกลอนประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยนะ ไปแล้วเดี๋ยวตกเครื่อง”
“อืม..ไปเถอะไม่มีใครเขาบ้าระห่ำเหมือนนายหรอก"
หมับ!! อยู่ๆ ร่างระหงก็เซถลาตามแรงกระชากของชายหนุ่ม อกนุ่มของเธอกระแทกเข้ากับอกกว้างอันแข็งแกร่งของเขา ร่างทั้งสองแนบชิดสนิทเสียจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่งกันและกัน
สายตาที่ไม่ลอกแลกของชายหนุ่มนั้น ได้สบเข้ากับดวงตากลมโตที่มันรับกับใบหน้านวล เหมาะกับใบหน้างามรูปไข่ เขาค่อยๆ โน้มตัวลงต่ำก่อนจะกดริมฝีปากลงไปจูบเธอ ปากหนาได้ทาบลงไปบนริมฝีปากบางของสาวรุ่นพี่ เขารับรู้ได้ถึงความอ่อนละมุนของรสชาติอันแสนหวานของรสจูบนั้น จนแทบจะคลั่ง
จากจูบที่นุ่มนวลเริ่มร้อนแรงและเร้าอารมณ์ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของเขาได้แตะกระหวัดเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากของเธอทั่วทุกอณู ก่อนที่ลิ้นหนานั้นจะค่อยๆ แตะลงไปที่ปลายลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่มเขาพักช่องว่างไว้ให้เธอหายใจเพียงระยะสั้นๆ ก่อนที่จะแตะกระหวัดปลายลิ้นนั้นเข้าไปใหม่อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่ต้องการโหยหารอคอยมานานแสนนาน
ชายหนุ่มจูบอย่างดูดดื่มเขาอ้อยอิ่งอย่างไม่ยอมเลิกราในรสจูบจากมินตรา แต่เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือเรือนแพงนั่นแล้ว เข็มทิศต้องถอนริมฝีปากออกจากปากเรียวนุ่มนั้นอย่างแสนจะเสียดาย เพราะหากช้ากว่านี้เขาต้องตกเครื่องแน่ และมารดาก็ต้องโกรธโอกาสที่มารดาของเขาจะยอมรับในตัวของมินตราก็จะลดน้อยลง
“ขอมัดจำไว้ก่อนกลับมาจะทบต้นทบดอกไปจริงแล้วนะ.จุ๊บ!”
มินตรายังคงยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้กับลมหายใจที่หอบถี่ จังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่คงที่ บ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำกับเธอนั้นมันคือความรู้สึกแปลกใหม่ ที่แม้แต่สัมผัสของอดีตสามีเธอกลับไม่เคยรู้สึกพิเศษมากมายแบบนี้มาก่อน เธอยืนมองเขาเดินจากไปจนลับตาก่อนจะได้สติกลับมาเก็บจานไปล้างแล้วเดินไปเปิดร้านที่ชายหนุ่มจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว
ผ่านไปสองวันมินตรายังคงเปิดร้านตามปกติ การที่ไม่มีเข็มทิศมาตอแยนั้น มันทำให้เธอรู้สึกขาดหายอะไรไปบางอย่าง แต่หญิงสาวก็พยายามตั้งสติในสิ่งที่มันจะเป็นไปได้ เข็มทิศไม่ติดต่อกลับมาไม่โทรไม่คอลหา ส่วนตัวเธอเองก็ไม่กล้าที่จะติดต่อไปหาเขาเพราะมีเส้นบางๆ เรื่องอายุและสถานะของเธอปิดกลั้นเอาไว้
ฮ่องกง..
เข็มทิศพยายามทำงานทุกอย่างอย่างเร่งรีบ แต่ก็มีปัญหาให้เขาต้องแก้อยู่หลายจุด ทำให้ไม่มีเวลาโทรหามินตราค่ำของวันนี้ก็เช่นกันเขาหมกมุ่นอยู่แต่กับจอโน้ตบุ๊กตั้งแต่เช้ายันเย็น
“เข็มทิศคืนนี้ไปเที่ยวเทศกาลโคมไฟกลางฤดูใบไม้ร่วงกันนะ” ไอลินเอ่ยชวนเข็มทิศขึ้นมา
“ไม่ว่างต้องรีบเคลียร์งานถ้ามึงอยากไปเดี๋ยวให้คนพาไป” ชายหนุ่มยังคงทำงานต่อโดยไม่สนใจไอลีนแม้แต่น้อย
“มึงจะรีบอะไรนักหนาเพิ่งมาได้สองวันเอง กูช่วยงานมึงทุกอย่างนะเว้ย! แค่พากูไปแค่นี้ไม่ได้หรือไง” หญิงสาวเริ่มโวยวายออกมาเสียงดัง
“ไว้คราวหน้าก็แล้วกันเดี๋ยวกูพาไป”
“คราวหน้าของมึงคือปีหน้าป่ะว่ะ” ไอลินเริ่มงอแง เพราะตัวเธอเองก็วาดฝันเอาไว้ว่าอยากไปเที่ยวกับเข็มทิศ อุตส่าห์ได้มากับเขาสองต่อสองโอกาสแบบนี้นานทีปีหนเท่านั้น
“ก็ได้มึงอยากไปที่ไหนบ้างล่ะว่ามากูยกให้มึงหนึ่งวันก็แล้วกัน”
“ Thank you my friend..เอาเป็นว่าไปดูโชว์ไฟประดับก็แล้วกันนะกูอยากไปนานแล้วป่ะไปกันเลย”
ไอลินพูดพร้อมกับฉุดแขนเข็มทิศลุกขึ้นตามเธอไป เมื่อทั้งสองออกมาจากห้องของโรงแรม ก็ตรงไปขึ้นรถที่ทางโรงแรมได้จัดเตรียมเอาไว้ให้สำหรับเข็มทิศในการเดินทางไปในที่ต่างๆ
ภาพของเข็มทิศในอิริยาบถต่างๆ ที่ถูกถ่ายทอดโดยไอลินนั้น บางภาพทั้งสองก็แนบชิดสนิทกันราวกับคู่รักก็ไม่ปานโดยภาพทั้งหมดได้ถูกอัพโหลดลงอินสตาร์แกรม โดยไอลินแท็กคำว่า..#จะไกลหรือใกล้กูกับมึงก็ไม่เคยห่างไกลกัน#..ขอบคุณสำหรับทริปนี้พวกมึงอิจฉากูล่ะ!
มินตราที่นอนไม่หลับกำลังเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่เพื่อรอใครบางคนโทรมานั้น เธอได้กดเข้าไปส่องอินสตาร์แกรมของเขา ภาพที่เห็นกับเวลาที่เพิ่งอัปโหลดนั้นมันทำให้เธอถึงกับน้ำตาเล็ดออกมา ชายหนุ่มไม่มีเวลาโทรหาแต่มีเวลาไปสวีทหวานแหววกับเพื่อน ปากก็บอกว่าเพื่อนแต่ภาพที่เห็นนั้นมันมากกว่าที่เป็น
ข้อความและภาพที่แท็กหากันนั้น มีเพื่อนหลายคนเข้าไปเม้นต์บ้างก็บอกว่าเหมาะกันดี บ้างก็เมื่อไหร่จะมีข่าวดี บ้างก็ไปซ้อมฮันนีมูนเหรอ แต่ส่วนมากมีแต่คนเข้ามาแสดงความยินดีและเชียร์ให้คนทั้งคู่รีบลงเอยกันเร็วๆ
เวลาฮ่องกงกับไทยที่ห่างกันเพียงหนึ่งชั่วโมงนั้นมันยิ่งทำให้หญิงสาวกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ปากก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเข็มทิศแต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ง่ายเลยที่เธอจะทำใจให้ยอมรับหากเขามีใครอีกคนที่ไม่ใช่เธอ
ความเงียบในยามเย็นของวันถัดมา เมื่อเก็บร้านเสร็จมินตราก็เดินเข้ามาในบริเวณบ้านก่อนจะนั่งลงที่ม้าหินอ่อนข้างๆ สนามหญ้าใต้ซุ้มดอกเฟื่องฟ้า เธอนั่งเล่นได้สักพัก ก่อนจะเงยหน้าแล้วแหงนมองขึ้นไปยังห้องของเข็มทิศ ซึ่งอยู่บ้านข้างๆ ที่เวลานี้หน้าต่างได้ปิดสนิททุกบาน มองไปเห็นเพียงแค่ผ้าม่านกำมะหยี่โทนสีสะดุดตา ผ่านกระจกใส ที่ชายรุ่นน้องหากเขาอยู่มักจะเปิดมันเอาไว้ เพื่อแอบมองเธอบ่อยๆ มินตรามักจะหลบเมื่อรู้ว่าคนที่มองมามีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่ภายใต้ดวงตาสีนิลคู่นั้น..
ความเงียบสงบที่มันปกคลุมนั้น กำลังทำให้มินตราย้อนคิดไปถึงวันเวลาที่ผันผ่าน บ้านที่เคยอบอุ่นมีพ่อแม่ลูก บัดนี้เหลือแค่เธอที่โดดเดี่ยวสามีที่หวังจะสร้างอนาคตด้วยกัน เธอนั้นกลับโดนเขาหักหลังจนความฝันพังทลายลงสิ้น
ชีวิตที่เธอมองว่าตัวเองนั้นช่างไร้ค่า แต่บางคนกลับพยายามสร้างคุณค่าให้กับเธอ โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อหนุ่มน้อยที่เข้ามาพัวพันทั้งฐานะชาติตระกูลอายุสถานภาพที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งความไม่เหมาะสมในทุกประการ แต่เวลานี้ใจของเธอมันกำลังแย้งกับสิ่งที่ควรจะเป็น
เมื่อน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจเธอ เข็มทิศรุกหนักขนาดนั้นหากหญิงสาวไม่หวั่นไหวเผลอใจไปบ้างก็ไม่ใช่คนแล้ว คงเป็นเพียงรูปปั้นที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไม่มีชีวิตไม่มีหัวใจ
ผ่านอีกคืนที่ไม่มีเข็มทิศเข้ามาวุ่นวาย เธอไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่กำลังจะเหี่ยวตาย เมื่อไม่มีคนมารดน้ำ มินตราล้มตัวลงบนเตียงนอน ก่อนจะได้ยินเสียงไลน์โทรเข้ามา ซึ่งส่งผลให้ใจของเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เมื่อรูปคนโทรเข้าโชว์หราอยู่บนหน้าจอนั้น ทำให้ใบหน้างามเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เธอฉีกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะกดรับสายแล้วรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยราวกับว่าไม่ยินดียินร้ายกับปลายสายที่โทรมา