ตอนที่ 4 ลูกต้องเลือกสักคน
“ลูกเลือกแม่ดาราคนนั้นเหรอ?” คุณหญิงเพื่อนแพงยกมือทาบอก วนคิดสิบตลบได้ก็ยังรู้สึกว่าลูกชายตัวเองนั่นคิดอะไรแปลกๆ
“คุณแม่เป็นคนแนะนำมาเองนะครับ” ภูธาราช้อนสายตาออกมาจากน้ำกาแฟสีดำในแก้วมองผู้เป็นมารดาพลางตอบอย่างไม่ยี่ระ
ราวกับว่าเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่แม่ต้องการ
จริงอยู่ที่แนะนำลูกสาวของเพื่อนอีกคนให้ตาภูรู้จักแต่ตอนนั้นมันอยู่ในสถานการณ์คับขันถ้าไม่แนะนำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักกันเธอก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีมารยาททำให้เด็กไม่เคารพ ก็เลยจำใจแนะให้ลูกชายให้รู้จักเพื่อนห่างๆที่เป็นหมอเหมือนกัน มาเจอกันแบบงงๆแถมฝ่ายนั้นยังพาลูกสาวเข้ามาทักก่อนด้วย เธอก็แค่แนะนำไปตามมารยาท ลูกชายจะปักใจอะไรนักหนา
“คนนั้นก็ดารา หนูอันก็ดารา ลูกพูดเองว่าไม่ชอบอาชีพที่หนูอันทำมันก็อาชีพเดียวกัน”
“ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ครับ”
คนเป็นแม่กุมขมับดูแล้วไอ้ลูกชายไม่ได้ไม่ชอบที่อาชีพหรอก มันไม่ชอบหนูอันนานี้แหละ
“แล้วยังไงเปิดใจให้ดาราคนนั้นแล้วใช่ไหม?”
“ก็คุยๆครับ เย็นนี้จะไปทานข้าวด้วยกัน”
“ตาเถร ลูกคิดดีแล้วใช่ไหมลูกรู้ใช่ไหมว่าอันนากับ...”
“ผมไปเข้าเวรก่อนนะครับ”
คนเป็นแม่พูดยังไม่ทันจบหมอภูธาราก็แทรกขึ้น ลูกชายออกไปแล้วแต่คุณหญิงเพื่อนแพงต้องรีบคิดแผนการให้ลูกชายสมหวังกับหนูอันนาให้ได้
บรรยากาศในกองถ่ายดูแปลกๆเพราะตัวเอกและตัวร้ายดูจะสลับบทกันไปซะแล้ว เดิมทีอันนาคิวว่างแต่เพราะคุณบอยผู้กำกับที่เคยร่วมงานกันแล้วทำให้เธอโด่งดังพลุแตกในข้ามคืนบอกว่าหาคนที่เหมาะกับบทของนักแสดงรับเชิญไม่ได้ เธอว่างๆบวกกับรู้จักผู้กำกับและบทที่ได้รับมันก็ไม่เยอะ ถ่ายแค่สามสี่ฉาก
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่อันตบจริงมาได้เลย”
อันนาหันรี่หันขวางมองผู้กำกับซึ่งพยักหน้าส่งมาให้ เธอติดอยู่ฉากนี้มานานพอสมควรเพราะบทบาทของเธอดูไม่สมจริง หรือเพราะนางร้ายไม่เล่นตามบทกันแน่
“งั้นพี่ขอโทษด้วยนะ” อันนาบอกกับรุ่นน้องอย่างลำบากใจเพราะเธอไม่อยากตบจริง กลัวแต่ว่าใบหน้าสวยๆนั่นจะมีรอยฝ่ามือเธอไปหลายวันพลานทำงานไม่ได้อีก แต่ในเมื่อเจ้าตัวเองอนุญาตเธอก็คงต้องทำเพื่อให้ได้แสดงผ่านฉากนี้สักที
“เธอไปอ่อยผู้ชายของฉันถึงที่แล้วยังบอกว่าเขาเลือกเธองั้นหรือ?” คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงสายตาดุดันมองคนที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าน้ำตาไหลริน
อันนาเดินเข้าไปใกล้ร่างอีกคนก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหา
“ดิฉันขอโทษค่ะคุณหนู ดิฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณธันมีคุณหนูแล้ว” เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาสมจริง
จนเหล่าบรรดาทีมงานในกองต่างกำมือลุ้นกับฉากต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น
“มาบีบน้ำตาตรงนี้ให้ได้อะไร ใครต่อใครเขาก็พูดให้แซ่ดว่าเธอกับคุณธันได้กันแล้ว” มือบางบีบเข้าที่กรามเรียวไม่แรงนักแต่ต้องเกร็งแขนให้ดูเหมือนเธอบีบเข้าซะเต็มแรง “ฉันเลี้ยงดูปูเสื่อครอบครัวเธอมาเพื่อให้ลูกสาวคนรับใช้มาแย่งแฟนฉันงั้นสิ”
“จะดุจะด่าจะลงโทษดิฉันยังไงก็ได้ค่ะคุณหนู”
“ได้สิ เธอร้องขอเองนะ”
อันนาขยับออกมานิดหน่อยจ้องมองคนที่เงยหน้าสบตาไม่หลบหลีก
เพี้ยะ! ในที่สุดเธอก็ตบไปสุดแรงเพื่อให้ได้มุมที่ผู้กำกับถูกใจจะได้ถ่ายเทคเดียวจบ
หวังว่าจะผ่าน
“แค่กๆๆ”
“คัทๆๆ เอาใหม่ๆ”
อยู่ๆตัวร้ายของอันนาก็ไอออกมาทำให้ฉากที่แสดงไปทั้งหมดพังลงในพริบตา
“เดียร์น่าขอโทษนะคะ เอาใหม่นะคะ” สาวเจ้าขอโทษขอโพยจนหลายๆคนไม่กล้าโกรธ ใครจะห้ามเรื่องเจ็บป่วยได้เมื่อเป็นก็ต้องทำงานออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โอเค ตบแบบเมื่อกี้เลยนะอัน” ผู้กำกับสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม
“เริ่ม!”
เพี้ยะ!!
“แค่กๆๆ”
“ไหวหรือเปล่าคะ?” อันนาย่อตัวลงถามนักแสดงหน้าใหม่คนนี้อย่างเป็นห่วง
“คัทๆ ไหวหรือเปล่าเดียร์น่า” ผู้กำกับเริ่มหัวเสีย
“ขะ...ขอโทษค่ะ เอาใหม่นะคะ” เดียร์น่ารีบยกมือขอโทษทุกคน รวมถึงนางเอกที่ได้ร่วมบทด้วย
“อีกครั้งๆ ขอแบบเดิมเลยนะอันนา”
อันนาพยักหน้ารับแอบชำเรืองมองคนที่นั่งพับเพียบต่อหน้านิดหน่อย ชักจะแปลกๆ
“เริ่ม!”
เพี้ยะ!
นักแสดงหน้าใหม่อย่างเดียร์น่าหน้าหันไปตามแรงจนต้องใช้มือยันตัวเองไว้ไม่ให้ล้มลงไป
อันนาคิ้วกระตุกเมื่อกี้เธอยั้งมือกว่าสองครั้งที่ผ่านมา แล้วทำไมนักแสดงคนนี้ถึงยื่นใบหน้าเข้ามารับแรงตบนี้
“โอเค ผ่าน!!” ผู้กำกับปรบมือเสียงดัง ในที่สุดฉากวันนี้ก็จบลงในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ
อันนาก้มลงไปพยุงนักแสดงสาวรุ่นน้องให้ลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“โอเคใช่ไหมคะ?” แม้จะพึ่งเจอกันแต่เธอก็หวดฝ่ามือใส่หน้าอีกฝ่ายไปสามครั้งติด แม้จะเป็นแค่การแสดงก็ตามที
“ขอโทษนะคะคุณอัน ฉันพึ่งเข้าวงการได้แค่สองปีฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้คุณต้องเสียเวลาเลย” สาวเจ้าพูดอย่างรู้สึกผิดมือก็กอบกุมใบหน้าด้านซ้ายของตนเอง
“ฉันสิคะต้องขอโทษคุณ เพราะคุณทุ้มทั้งตัวทำให้ผู้กำกับถูกใจฉากนี้ ดีใจที่ได้ร่วมงานกันนะคะอันขอตัวก่อน” เธอลูบหลังนักแสดงรุ่นน้องพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะขอตัวกลับเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว
หญิงสาวเดินออกมาลาทีมงานและผู้กำกับชื่อดังไม่นานก็มีรถตู้ของทางบริษัทมาจอดรับหน้ากองถ่าย อันนาในบทนักแสดงรับเชิญคือตัวละครแสนร้ายสุดงี่เง่าเอาแต่ตามรังควานพระเอกจนพระเอกเบื่อหน่ายไปแอบกินกันกับคนรับใช้ในบ้าน สุดท้ายแม่นางคนนี้ก็ช้ำใจตายและได้เกิดใหม่อีกครั้งในตอนที่ยังไม่รู้จักพระเอก ราวกับให้เธอเลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบเดิมแล้วช้ำเลือดช้ำหนองตายเพราะรักคนที่ไม่เคยรักตัวเอง หรือจะเลือกทางเดินชีวิตใหม่
“พี่อันนาดูเหนื่อยๆนะคะ” มีนนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับเอ่ยขึ้น
“พี่แค่คิดบางอย่างไม่ตก แต่ไม่มีอะไรหรอก” เธอยิ้มให้ผู้ช่วยผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะเบนสายตาไปมองวิวนอกหน้าต่างในยามค่ำคืน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันเข้าใกล้เทศกาลคริสมาสต์แล้ว บางสถานที่ก็จัดงานขึ้นมารอแล้ว ในช่วงที่รถติดในเวลาเกือบห้าทุ่มนั้นก็คงไม่แปลกวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์หลายๆคนคงอยากกลับไปหาครอบครัวไม่สนด้วยซ้ำว่าต้องเดินทางขับรถไกลแค่ไหน อันนามองคู่รักสลับกันถ่ายรูปกับต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ เธอมองภาพนั้นสายตาเหมอลอย
‘น่ารักจัง’
หญิงสาวคิดในใจขณะที่รถเคลื่อนตัวไปไกลแต่สายตายังจับจ้องที่คู่รักหลายๆคู่จนสุดสายตา บางทีการที่เธอเป็นเธอใน เวอร์ชั่นนี้มันอาจไม่เข้าตาใครบางคนเข้า ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบนักหนาเอาแต่ปฏิเสธเธออยู่ได้ แล้วเธอก็เหมือนคนบ้าอยากเอาชนะเขาให้ได้เหมือนกัน
คลืด...คลืด....
เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นห้องไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงสักนิด สายตายากจะคาดเดามองโทรศัพท์ตัวเองอยู่อย่างนั้นแผ่นหลังเล็กเองพิงหัวตียงราวกับคนคิดไม่ตก
แกร๊ก!
“พี่อันนา พี่อันนา” ผู้ช่วยทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องนอนของดาราสาวเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเป็นห่วงนั่งหน้านิ่งพิงหัวเตียงอยู่ไม่ได้หายไปไหนก็ยกมือขึ้นวางทาบที่หน้าอกอย่างโล่งใจ “ทางบริษัทกำลังออกมาแถลงข่าวค่ะพี่อย่าคิดมากนะ”
“ทำไมเขาทำแบบนั้น” อันนาเอ่ยถามผู้ช่วยขึ้นไม่ได้เจาะจงว่าเขาที่พูดเป็นเขาไหน
“เอ่อ... ทางต้นสังกัดฝ่ายนั้นแจ้งมาว่านักแสดงของตัวเองไม่ได้ออกมาพูด น่าจะมีมือดีถ่ายคลิปแล้วเอาไปเขียนหัวข้อไม่มีมูลพวกนั้นค่ะ พี่อันอย่าคิดมากนะคะ”
“ไม่ใช่ ไหนบอกว่าเขาไม่ชอบดาราไง”