Ep.3 : บอดี้การ์ดจำเป็น

3479 Words
Glofy Chat Line Glofy : เมล อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม รับสายพี่หน่อย Me : เราเลิกกันเถอะค่ะ Glofy : พี่ไม่เลิก อยู่ที่ไหน พี่จะไปหา Me : ไม่ต้องมา ฉันไม่อยากเจอ ฉันจะไม่อภัยพี่อีกแล้วค่ะ ฉันมีคนใหม่แล้ว คุณได้ทำการบล็อกบัญชีนี้แล้ว จบกันสักทีเจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบแฟน ฉันลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่กอล์ฟออก เพราะจะได้ไม่ต้องคิดถึงอีก ต่อไปพี่จะไปมีใครนอนกับใคร จะไม่มีใครสนอีกแล้ว แต่ความวัวที่เพิ่งจบมันมักจะมีความควายเข้ามาแทรก ประตูร้านของฉันถูกเปิดเข้ามาจากใครบางคนที่ฉันเองก็ไม่รู้จัก “ขอโทษนะคะ ร้านยังไม่เปิด” ฉันห้ามแขกที่เพิ่งมาถึง และผู้ติดตามอีกเกือบสิบคนที่ตามมาด้วย ฉันกดโทรศัพท์โทรออกหาเบอร์โทรแรกในเครื่อง “ผมไม่ได้มาเที่ยว แต่ผมมาหาคุณ” “คุณมาหาฉันถึงที่ร้าน คุณมีอะไรรึเปล่าคะ” “ตัวจริงคุณสวยกว่าในรูปอีกนะครับ แต่ลุคนี้ของคุณทำเอาผมค่อนข้างแปลกใจ ผมอยากให้คุณเลือกอีกครั้ง อยู่กับผม ผมดูแลดีนะ” “ถ้าฉันยอมตามใจคุณ ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ ที่ฉันไม่ตอบตกลง เพราะฉันไม่เข้าใจ ถ้าคุณให้ฉันอะไรที่ฝืนใจ ฉันจะทำยังไง แล้วถ้าคุณให้ฉันทำอะไรที่ผิดกฏหมายล่่ะ” “ผมแค่อยากให้คุณทำตัวน่ารัก ๆ อยู่ในโอวาท ตาคุณสวยจัง” ผู้ชายคนนั้นใช้มือช้อนคางของฉันขึ้นมา จนฉันต้องสะบัดหน้าหนี “ได้โปรดสำรวมด้วย ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ยังไงฉันก็เสียหาย แล้วการผูกมิตรของคุณช่างประหลาด คุณสั่งให้คนของคุณมาทำลายช่องทางการทำงานของฉัน เรายังจะเป็นมิตรกันอยู่จริงหรอคะ” มันเป็นการเตือน ที่คุณดื้อไง เอาเถอะ ผมจะให้คุณคิดอีกสักวัน 2 วัน การที่จะจัดการหรือบังคับคุณมันง่ายนิดเดียว ยิ่งสวยแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากจะให้เวลากับคุณเลย เชื่อเถอะมันไม่ยากหรอกกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบคุณ” มันพยายามจะเข้ามาประชิดฉัน จนฉันต้องผลักเขาออก กลัวจัง แต่ถ้าฉันแสดงออกว่ากลัว เขาต้องคิดว่าฉันเป็นเหยื่อให้ขย้ำแน่ ๆ แขนหนา ๆ รวบเอวฉันเข้ามาประชิดตัวของเขาไว้ แม้จะพยายามใจสู้แค่ไหนแต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว ฉันพยายามดิ้นจากอ้อมกอดนั้น “ออกไปนะ อย่านะ กรี๊ดดดดก อี๊ออออออ” มือใหญ่กดท้ายทอยของฉันเข้ามาประกบปากอย่างแรง จนรู้สึกถึงกลิ่นคาวในปาก แม้ฉันจะทั้งผลัก ทั้งกรี๊ด แต่มันก็ไม่ทำให้เขาปล่อย ฉันใช้มือผลักหน้าของเขาออกแล้ว ง้างมือจะตบคนตรงหน้า “ถ้าตบจะไม่ทำแค่นี้แล้วนะ ผมชอบคุณจังเลย ทำตัวน่ารัก ๆ ไว้เถอะ ผมอยากเลี้ยงกระต่าย บันนี่จัง อีก 2 วันผมจะมาทวงคำตอบใหม่” ประโยคของเขาทำเอาฉันหยุดชะงักไม่กล้าตบ ได้แต่จ้องหน้าเขาจนเขากับผู้ติดตามเดินออกจากร้านไป แล้วคนที่พยายามทำตัวให้เข็มแข็งก็ปล่อยโฮออกมาด้วยตัวสั่น ๆ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมกัน...จะให้ฉันอยู่อย่างสงบไม่ได้เลยหรอ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ “คุณเมลไหวไหมคะ พวกพี่จะเข้ามาช่วยแต่ผ่านไอ้พวกลูกน้องมันไม่ได้เลย” “ทำไมคะพี่อาย ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำตา พี่อายเดินเข้ามาปลอบฉัน พี่นิคสั่งให้การ์ดของร้านไปปิดเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ “ผู้ชายคนนั้น ต้องเป็นเจ้าของคลับโอลิมปัสแน่เลย เพราะมันมีรอยสักที่คอเป็นรูปสายฟ้า พี่เคยได้ยินลูกค้าพูดมาบ้างค่ะ” จะใครฉันก็ไม่สนทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับฉันไม่ได้หรอ ไม่นานหลังจากคนพวกนั้นออกไป ปลายสายของโทรศัพท์ของฉัน ก็เปิดประตูร้านเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่คุณมาช้าไปคุณหมอก มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว พวกมันไปแล้ว “ขอโทษนะที่มาช้าไป มันทำอะไรคุณ มันเป็นใคร” “ฉันไม่รู้จัก แต่สาว ๆ บอกว่ามันคือ เจ้าของคลับที่ชื่อโอลิมปัส เข้าไปคุยกับฉันในห้องดีกว่า เผื่อยังมีคนของมันอยู่” บอกเลยฉันกลัว ตอนนี้อะไรที่เซฟตัวเองได้ฉันทำทั้งนั้น ฉันลากแขนของคุณหมอกเข้าไปในห้องทำงานที่ชั้นสอง พร้อมปิดประตูอย่างลงกลอนอย่างแน่นหนา ก่อนจะมานั่งลงที่โซฟารับแขกในห้อง แล้วพยายามลืมเรื่องที่มันเพิ่งผ่านมา “ไหวไหมคุณ” “ลองมาโดนใครก็ไม่รู้จูบดูบ้างไหม” ฉันใส่อารมณ์ใส่คนที่มาไม่ทัน เพราะพวกคุณฉันเลยต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ชีวิตฉันโคตรซวยเลย ฉันใช้มือปาดน้ำตาของตัวเอง ก่อนที่เขาจะใช้มือปาดน้ำตาจากแก้มอีกข้างหนึ่งให้ฉัน “ต่อไปสัญญาว่าจะมาให้เร็วกว่านี้ จะไม่ให้มันมาแตะคุณได้อีกเลยดีมะ ตอนนี้หยุดร้องเถอะ อีก 2 วันมันจะมาใหม่ ใช่ไหม ผมจะรีบมาหาคุณตั้งแต่เช้าเลยดีไหม” “ไม่มีงานมีการทำรึไง” “อันนี้กวนตีนผมใช่ไหม ยังอยากให้ดูแลความปลอดภัยให้อยู่ไหม” “ขอบคุณที่คุณมา อย่างน้อยก็รู้ว่า The Mute ทำตามสัญญา ว่าแต่พวกคุณจะทำยังไงต่อ รู้แล้วนิว่ามันเป็นเจ้าของ Olympus มันคือที่ไหน ทำไมฉันไม่รู้จัก” “มันเป็นคลับปิด ที่รับเมมเบอร์เฉพาะพวกคนมีเงิน ถ้าคุณเดินเข้าไป Pr ในนั้น แก้ผ้าเดินเลยล่ะ เป็นโลกที่คล้ายของคุณ ต่างกันตรงที่มันดาร์กกว่าของคุณเยอะ แบบใครจะทำอะไรกันก็ได้ แบบสวรรค์ของคนชอบเรื่องอย่างว่า คุณเองก็ต้องระวัง อย่าไปไหนคนเดียว เข้าใจไหม” “อื้ม” แก้ผ้าเดินงั้นหรอ แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว อี๊วววว ขนลุก ฉันพยายามสงบจิตสงบใจกลับเรื่องที่มันเพิ่งจะเกิดขึ้น “อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม” “คุณจะรำคาญฉันเปล่า ๆ ฉันเป็นคนนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน” “แบบคุณเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนผม แต่ถ้าไม่อยากให้อยู่ ผมกลับก็ได้ คุณพักผ่อนเถอะ ต้องทำงานต่อไม่ใช่รึไง มีอะไรโทรเรียกผมละกัน” “ถ้ายังมีคนของมันเหลืออยู่ล่ะ” แต่พอเขาจะไปมันกลับรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ฉันเลยเผลอจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ “อยากให้อยู่ ก็ต้องพูดว่าอยากให้อยู่รู้ไหม ไม่พูดคนอื่นก็ไม่รู้” เขาย่อตัวลงกับพื้นเพื่อให้ตัวเขาเอง อยู่ในระดับสายตาของฉัน แต่ฉันกลับเชิ่ดใส่เขา “อย่ามาคิดว่าฉันใจง่ายนะ แค่คุณบอกจะดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ เมื่อกี้มันมากันเป็นสิบ ทำเอาฉันใจไม่ดีเลย ต้องดึงหน้าทำเป็นไม่กลัวอยู่ตั้งนาน” “โอ้ย ผมไม่ได้คิดสักหน่อย ว่าคุณใจง่าย ผมเข้าใจว่าคุณกลัว แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว” เขายิ้มบาง ๆ ให้ฉันแล้วทำเหมือนจะลูบหัว แต่กลับดึงมือกลับ มองใกล้ ๆ แบบนี้ดูดีจังเลย ตาโตดีแฮะ ริมฝีปากยังเป็นสีชมพูเลย ทาลิปหรอ ฉันพยายามดึงสติออกมาจากหน้าหล่อ ๆ ของเขา “ฉันโอเคละ ขอบคุณมาก ๆ คุณกลับไปได้ละ” “บอกเลยตอนนี้ผมขาชาไปหมดละ” ขาชางั้นหรอ อื้มมมมม ชามากเลยสินะ ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตีขาของเขาอย่างแรง จนเขาแสดงออกทางสีหน้าออกมาว่าทรมาน “ซี๊ดดดดดดดด ถ้าตีอีกครั้งผมโกรธจริง ๆ แล้วนะ” ถามว่าฉันสนใจไหม บอกเลยว่าไม่ ฉันแกล้งตีที่ขาของเขาอีกที แต่ครั้งนี้เขากลับรวบฉันมากอดเอาไว้ ไม่ให้ฉันตีขาเขาได้อีก แต่ไม่เห็นต้องกอดเลย!!! เรายืนกันนิ่ง ๆ แบบนั้น ไม่ขยับเขยื้อน แล้วจะกอดฉันแบบนี้อีกนานไหม จนเขาค่อย ๆ ขยับขาข้างที่ชาน้อย ๆ แล้วหันมาสบตาฉัน อย่ามามองนะ “หายแล้วก็ปล่อยสิ คุณกลับได้แล้ว” ฉันผลักเขาออกอย่างแรง จะเขาเซไปด้านหลัง “คร๊าบ ๆ จะกลับเดี๋ยวนี้ แล้วเสื้อผมอย่าลืมเอามาคืนด้วยล่ะ ครั้งหน้าผมจะมาเอา” เสื้อ เสื้ออะไรอะ อ้ออ เสื้อคลุม ฉันพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วลงมาส่งเขาที่หน้าร้าน สรุปไอ้กอดเมื่อกี้ เขาตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจงะ หลอกแตะอั๋ง หรือแค่ไม่อยากให้เราตีเขาจริง ๆ แต่เขาแทบไม่มองเราเลยนะ สงสัยแค่กลัวเราจะแกล้งจริง ๆ 2 วันต่อมา...... เช้าที่แสนสดใสของฉันต้องจบลง เมื่อนิติบุคคลเอาช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มาให้ฉัน การ์ดที่แนบมากับดอกไม้ทำเอาต้องเกิดอาการจิตหลุด [ ผมรอคำตอบที่น่าฟังจากคุณอยู่นะครับ ] Rrrrrrrr Rrrrrrrr Rrrrrrrrr [ Mhok Calling..... ] สายเรียกเข้าที่เหมือนสายสวรรค์ของฉันในตอนนี้ สายสนทนา [ ผมอยู่ด้านล่างคอนโดคุณ ] “จะลงไปเดี๋ยวนี้” จบการสนทนา “ดีใจจังเลยที่คุณมา บอกเลยตอนนี้ฉันกำลังสติแตกอย่างแรง ขึ้นมาห้องฉันก่อนสิ” นี่คือคำทักทายแรกที่ฉันเอ่ยเมื่อเจอหน้าคุณหมอก บอกเลยนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพาผู้ชายขึ้นห้อง แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้อีกแล้วว่าใครปลอกภัย แต่ฉันอยากให้เขาเห็นช่อดอกไม้ที่เพิ่งส่งมา “คุณดูนี่สิ มันส่งดอกไม้มาให้ฉันตั้งแต่เช้า แบบนี้ฉันหลอนนะ” “ไม่ว่าคุณจะตกลง หรือปฏิเสธยังไงคุณก็ไม่ปลอดภัย ผมเริ่มรู้สึกแล้วสิ ว่ามันไม่ใช่เรื่องธุรกิจแล้ว คุณไม่ได้ไปทำอะไรให้มันแค้นส่วนตัวใช่ไหม “จะบ้าหรอ ฉันก็อยู่ปกติมาตลอด มันก็ไม่เคยมีเรื่องอะไร จนเพื่อนคุณเข้ามาในร้านนั่นแหละ ชีวิตฉันถึงได้วุ่นวายแบบนี้” “ผมก็กำลังรับผิดชอบให้อยู่นี่ไง เลิกโวยวายก่อนได้ไหม เรื่องมันเกิดแล้วจะงอแงไปมันก็ไม่ดีขึ้น เพราะงั้นวันนี้ผมถึงมาอยู่ตรงนี้” เขามองฉะนด้วยสายตาดุ ๆ ทำไมอะ ฉันไม่มีสิทสิทธิ์บ่นหรอ ทำไมต้องทำหน้าดุด้วยอะ “ฉันไม่ได้งอแงนะ” “นี่ไงกำลังงอแง” “ฉันเปล่า ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ทำหน้าที่บอดี้การ์ดไปดี ๆ ก็แล้วกัน วันนี้ฉันมีไปธนาคาร และไปร้าน” “งั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวสิ ผมจะรอที่โซฟาเนี่ยแหละ” นี่ห้องฉัน ทำไมคุณถึงมาสั่งฉันแบบนี้ ฉันเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ครัว เพื่อหยิบชามาให้แขกบริการตัวเอง บริการตังเองไปก็แล้วกัน มาบอกฉันงอแง ฉันเปล่าสักหน่อย “ฉันลืมเลยอันนี้ชา บริการตัวเองก็แล้วกัน ยกมาให้ถึงขนาดนี้แล้ว” “ขอบคุณครับ” คุณหมอกมองหน้าฉัน มองทำไม “คุณจะมองทำไมนักหนา หลงเสน่ห์ฉันแล้วรึไง” ฉันเลยแกล้งยิ้มยั่ว แต่เขากลับทำคิ้วขมวดใส่ฉัน “แต่งหน้าจนหน้าแก่เชียว แต่งบาง ๆ ก็พอ นึกว่างิ้ว” แล้วจู่ ๆ เขาก็เมินใส่ฉันไปเลย ผู้ชายอะไรปากแบบนี้ มีที่ไหนให้มาวิจารณ์การแต่งหน้าของผู้หญิง คุณหมอกพาฉันไปธนาคารตามที่ฉันร้องขอ เป็นการเดินทางที่ฉันถูกกลั่นแกล้งมาตลอดทางเลย ทั้งเอาหน้ามาใกล้บ้าง เดี๋ยวก็ด่าบ้าง ไม่เคยมีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้นะจะบอกให้ หลังจากที่ทำธุระที่ธนาคารเสร็จ เราก็แวะกินข้าวที่ห้างนั้นเลย เขาเป็นคนที่ดูแลคนอื่นดีจัง “ทำไมคุณถึงมาทำร้านแบบนี้ มันไม่ค่อยเหมาะกับผู้หญิงเท่าไหร่” “ก็หากินกับพวกผู้ชายมันง่ายดี ที่จริงฉันไม่ได้คิดจะทำ แต่เพราะมารับช่วงต่อร้านของลุงที่เพิ่งเสีย ตอนแรกจะหยุดทำ เพราะร้านนี้มันใกล้จะเจ๊งอยู่แล้ว แต่เพราะพนักงานที่นี่มันเยอะ และหลายคนต้องเลี้ยงครอบครัว จะให้ทิ้งพวกเขามันก็ดูใจร้ายไป ก็แค่นั้น แล้วคุณละทำไมถึงมาทำไนต์คลับกับเพื่อนของคุณ” “เพราะเบื่อบ้านอะ ไม่อยากรับช่วงต่องานที่บ้าน แล้วไอ้คีมันก็เสนอเงินที่น่าสนใจ ผมเลยตัดสินใจมาทำงานกับมัน” เด็กมีปัญหาเหมือนฉันเลย น่าเบื่อเนอะกรอบของครอบครัวอะ ฉันยังเบื่อเลย “เงินน่าสนใจนี่เท่าไหร่อะ” “มากกว่ามัน” มันที่ว่านี่คือคุณอัคคีสินะ “แล้วแฟนล่ะ เพื่อนคุณมีแฟนแล้วคุณไม่มีหรอ” “ผมไม่ใช่คนใจง่ายนะ แล้วโลกที่เราอยู่คุณก็รู้ มันไม่ใช่ว่าจะเจอคนที่ใช่ ได้ง่าย ๆ นะ แล้วผมก็ไม่มีเวลาหา เอาเป็นว่าแฟนผมมีมาจนเบื่อแล้ว” “แหวะ หล่อเลือกได้รึไง กลับกันเถอะ จะได้ไปร้านกัน พวกมันอาจจะไม่มาแล้วก็ได้” ฉันเบะปากใส่คนที่คิดว่าตัวเองหล่อเหลือเกิน ก่อนจะเช็กบิลแล้วออกจากร้านอาหารเพื่อกลับไปที่ลานจอดรถ แต่จู่ ๆ เขาก็เดินเร็วขึ้นจนฉันตามไม่ทัน ฉันเลยคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ เพื่อให้เขาเดินช้าลงหน่อย “แบบนี้เสื้อผมยับหมด แบบนี้แล้วกัน” คุณหมอกดึงมือฉันออกจากแขนเสื้อ แล้วเปลี่ยนมาเป็นจับมือแทน แบบนี้ก็ได้หรอ “ต้องจูงมือด้วยหรอ” “ก็คุณเดินช้า แบบนี้เร็วขึ้นเยอะ ทำไม เขินหรอ หน้าแดงเลย” “ใช่ที่ไหน ปล่อยได้แล้ว” ฉันสะบัดมือเขาออก กลางทางที่มีรถวิ่งผ่าน มันทำให้เขาต้องคว้ามือเธอฉันไว้อีกครั้ง แล้วผ่านทางที่มีรถวิ่งผ่านมาก่อน “ทำไมดื้อแบบนี้ เห็นไหมว่ารถมันเยอะ” “ก็ ก็ ก็ ไปเลย ขึ้นรถ ปล่อยได้แล้ว หลอกแต๊ะอั๋งทุเรศ” แต่ทำไมฉันถึงร้าวผ่าว ๆ ที่หน้าแบบนี้นะ แม้เขาจะปล่อยมือฉันแล้วก็ตาม ไม่กล้าคุยด้วยเลย แล้วสรุปเขาจับมือเราทำไมอะ หรือเพราะเราเดินช้าจริง ๆ แต่มันต้องจับมือด้วยหรอ คุณหมอกขับรถมาส่งฉันที่ร้าน แต่พอลงจากรถ ประตูรถตคันที่จอดอยหน้าร้านก็เปิดออก ชายฉกรรจ์ 6-7 คนวิ่งกรูเข้ามาหาเรา คุณหมอกให้ฉันเข้าไปอยู่ในรถแล้วล็อกประตู ฉันก็ทำตามที่เขาสั่ง ก็ฉันกลัวนิ ฉันได้แต่มองการต่อสู้จากด้านในรถ เขาเก่งจัง ขนาดโดนรุมแบบนี้ยังยืนอยได้เลย “กรี๊ดดดดดดด คุณหมอกข้างหลัง” ฉันตะโกออกมา จนลืมไปว่าฉันอยู่ในรถ เขาคงจะไม่ได้ยิน ฉันใช้โทรโทรเข้าไปบอกคนในร้าน ให้ออกมาช่วยไล่พวกมันหน่อย ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คุณหมอกอาจจะหมดแรงแน่ ๆ พอการ์ดของร้านที่ถืออาวุธที่พอจะหาได้ในร้านออกมา พวกมันก็วิ่งกลับไปที่รถตู้ โดยมีคุณหมอกวิ่งตามไปด้วย จะตามไปทำไม โง่จริง!!!! พอพวกมันปิดรถตู้ แล้วขับออกไปฉันเลยเปิดประตูรถออกไป แล้ววิ่งไปหาคุณหมอกทันที “หมอกกก เป็นอะไรไหม คุณเลือดออก เจ็บไหม” “ก็นิดหน่อย ตีกันมันก็ต้องมีบ้าง” “ดีที่มันเป็นหน้าร้าน ฉันเลยโทรเรียกคนมาช่วยได้ เข้าไปทำแผลข้างในเถอะ เจ็บมากไหม” ฉันมองเขาด้วยความเป็นห่วงก่อนจะพยุงบอดี้การ์ดจำเป็นของฉันเข้าไปในร้าน พอเข้ามาข้างในร้านก็ขอกล่องยาจากพวกป้า ๆ พี่เฝ้ามองเราอย่างตกใจ ฉันพาเขาขึ้นไปห้องทำงานของฉันบนชั้นสองทันที นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนยอมเจ็บตัวช่วยฉันแบบนี้ ฉันอยากจะขอบคุณ อยากจะขอโทษ แต่ตอนนี้ในหัวของฉันมันตีกันมั่วไปหมด “เจ็บไหมอะ” “รอบที่ 2 แล้วนะ คำถามนี้อะ” “ก็เห็นแล้วเจ็บแทนอะ พวกนั้นหมาหมู่ชัด ๆ” เพราะกล่องยามาช้าฉันเลยเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง ซับเลือดให้เขาก่อน โธ่...คุณไม่ใช่คนเหล็กนะ ทำไมถึงเอาตัวเองเข้าไปสู้กับคนเยอะแบบนั้น ไม่ฉลาดเลย “เก่งมาก ที่ทำตามคำสั่ง พอไม่ดื้อมันก็จะน่ารักแบบนี้” “ฉันอยากช่วยคุณได้มากกว่านี้ ถ้าคนของฉันออกมาเร็วกว่านี้ คุณก็จะไม่เจ็บแบบนี้” “ห่วงหรอ” “ก็ฉันทำให้คุณเจ็บ” “ยาวไป สั่น ๆ ก็พอ ห่วง” รอยยิ้มของคนที่ยิ้มมามันทำเอาหัวใจของฉันสั่นไหว “ทำไมฉันต้องพูดด้วยล่ะ” อาการร้อนผ่าว ๆ ที่หน้าอีกแล้ว “ผมเนี่ยเก็บค่าช่วยคุณถูกมากเลยนะ ถ้าคุณไม่จ่ายผมทวงหนี้โหดนะ พูดออกมาดีกว่า ไม่งั้นผมจะเก็บค่าช่วยคุณเป็นอย่างอื่น” ใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้มันทำให้ฉันต้องดันหน้าเขาออก “ฉันเป็นห่วง พอใจไหมอะ” แกร๊ก~* เสียงเปิดประตูเข้ามา มันทำให้เขากลับไปนั่งตัวตรง “ขอโทษค่ะคุณเมล กล่องยาค่ะ” “ขอบใจ ไปเถอะตรงนี้ฉันจัดการเอง” ฉันเดินไปรับกล่องยา แล้วกลับมานั่งทำแผลให้เขาตามเดิม ฉันพยายามทำให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากให้เขาเจ็บไปมากกว่านี้ ก้านสำลีที่ชุ่มไปด้วยยา ค่อยถูกฉันบรรจงแตะลงที่แผลเบา ๆ ตาของเขามองมาที่ฉันตลอดจนเป็นฉันเองที่ต้องหลบตาเป็นระยะ ตาเขาสวยดีจัง “เสร็จแล้วค่ะ” “โทษตัวเองนะ ที่ทำตัวน่ารักเกินไป” ร่างบางของฉันถูกเขารวบไปชิด หน้าที่ใหล้ขนาดนี้ทำเอาฉันต้องเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ “อย่านะ คุณกำลังทำให้ฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย” “สงสัยตอนนี้ผมก็คงเป็นผู้ชายใจง่ายเหมือนกัน” มือของฉันถูกเขาดึงออกแล้วประทับริมฝีปากลงมาอย่าวแผ่วเบา ฉันได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่ไม่เคยจูบนะ แต่แค่ไม่บ่อย แล้วนี่ก็ดันมาจูบกับคนที่รู้จักกันได้ไม่นานอีก ริมฝีปากของเขาขยับช้า ๆ แม้จะไม่ได้อยากจูบตอบก็ตาม แต่กลไกของร่างกายมันช่างทรยศ เขาจะปล้ำฉันรึเปล่า ตอนนี้เรามีกันแค่สองคนในห้องด้วย จู่ ๆ ก็เริ่มกลัวขึ้นมาซะงั้น บทจูบของเขามันทำให้ฉันเริ่มสั่น จนเขาต้องถอนจูบออก “ถือว่าผมเก็บค่าที่ช่วยคุณแล้วกัน” เสียงนุ่มทุ้มต่ำ ค่อย ๆ พูดมันออกมาเบา ๆ เก็บค่าช่วยงั้นหรอ!!!!! มาจูบจนเขินไปหมดแบบนี้ มาบอกว่าเก็บค่าที่ช่วยงั้นหรอออออ!!!!! “กลับไปเลยไป ไม่ให้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาช่วย ไม่ต้องดูแลแล้ว” “ลงไปส่งกันก่อนสิ” คุณหมอกลุกขึ้นยืนกระตุกยิ้มมุมปากใส่ฉัน “ไม่ส่ง ลงไปเองเลย” “งั้นขอบคุณที่ใช้บริการ กระผมขอตัวลาก่อน” รอยยิ้มกวน ๆ ของเขาก่อนที่จะออกจากห้องทำงานมันทำให้ฉันคว้าหมอนใบเล็กบนโซฟาปาใส่เขาทันที อีตาบ้าาา!!!!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD