Ep.4 : มีแต่ผมจูบนะ

2939 Words
จูบเลยหรอ จูบเลยนะ คนเป็นแฟนกันเค้าถึงจูบไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงไปจูบตอบเค้าล่ะ โอ้ยยยย ใจง่าย ใจง่ายเกินไปแล้วว เค้าบอกไม่ชอบที่เราแรด เค้าไม่ได้ชอบเรา มาทำแบบนี้ทำไม โอ้ยยยย ลืมจูบเมื่อวานของเค้าไม่ได้เลย ฮื้อออออ ฉันยังเข็ดกับความรัก 2 ปีของฉัน ที่มีแต่ความเสียใจอยู่เลย “ใจลอยคิดถึงใครอยู่คะคุณเมลลล ถึงชายหนุ่มที่เป็นอัศวินขี่ม้าขาวเมื่อวานรึเปล่า” พี่อาย PR สาวสวยประจำร้านเอ่ยแซว “ฉันเข็ดกับผู้ชายแล้วค่ะ ตอนนี้คิดแต่เรื่อง เงิน เงิน เงินค่ะ” “หล่อนะคะ คุณหมอกเนี่ย” “พี่ชอบ พี่ก็จีบสิคะ” “ความรักของผู้หญิงกลางคืนมันไม่มีจริงหรอกนะคะ พี่รักเงินมากกว่าผู้ชายค่ะ พี่มีลูก มีพ่อ มีแม่ที่ต้องดูแล ไม่มีครอบครัวผู้ชายดีๆคนไหนเค้ารับได้หรอกนะคะ ชีวิตผู้หญิงกลางคืน ที่ต้องผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยเป็นพัน ไม่ต้องหวังชีวิตแต่งงานเลยค่ะ เราขายความสุข แต่เราจะไม่แย่งสามีใครค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงกลางคืนจะคิดแบบพี่ทุกคนนะคะ ในหัวของพวกพี่มีแต่เงินค่ะ” “แต่ฉันยังอยากมีแฟน มีความรักดีๆค่ะ” “งั้นต้องเลิกออกมารับแขกค่ะ ทำงานอยู่แต่ในห้อง ข้างนอกให้พวกพี่จัดการเอง” พี่อายหันมายิ้มให้ฉัน “รอให้ร้านอยู่ตัวกว่านี้ ฉันจะหยุดค่ะ อย่างน้อยต้องให้แขกรู้จักที่นี่เยอะๆก่อน เราจะสู้มันไปด้วยกันค่ะ” ปึงงงงงงงง!!!!!! แล้วจู่ๆประตูร้านของฉันก็ถูกกระแทกจนเปิดออกอีกครั้ง นี่มันอะไรอีกเนี่ย เมื่อวานก็เพิ่งมา วันนี้มาอีกแล้ว พวกการ์ดของร้านพยายาาเข้ามาขัดขวาง แต่โดนพวกมันยกปืนขึ้นมาจ่อเอาไว้ รอบนี้ถึงกับใช้ปืนเลยหรอ กะเอากันถึงตายเลยหรอ “บันนี่จัง ฉันอยากติดต่อเพื่อนชายของเธอหน่อย รบกวนส่งโทรศัพท์ของเธอให้ฉันด้วย” ผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาเหมือนจะขอร้องขอโทรศัพท์ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนถูกขู่กรรโชกมากกว่า “ไม่ใช่ค่ะ เค้าเป็นแค่คนที่ฉันไปขอความช่วยเหลือ ไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าทั้งนั้น ฉันไม่มีเบอร์ติดต่อเค้าด้วย” “ปล่อยคุณเมลนะ” พี่อายที่ถูกกันออกไปตะโกนเสียงดัง “อ้อออ ชื่อเมลนี่เอง ครั้งที่แล้วผมมาผมไม่ได้แนะนำตัว เพราะไม่รู้ว่าคุณสำคัญ ตอนนี้ผมรู้แล้ว ผมชื่ออัสนีนะ อื้มมมมมม แล้วสาวสวยคนนั้นละ อยากแสดงบทฮีโร่หญิงงั้นหรอ ขืนใจ...มันตรงนี้เลย” เสียงสั่งที่ทุ้มต่ำของคนที่ชื่ออัสนี ทำเอาชายฉกรรจ์มากมายตรงไปหาพี่อาย อย่าาาา อย่าทำแบบนั้น แม้จะเป็นผู้หญิงกลางคืน เธอก็ไม่ควรถูกขืนใจ “พอแล้ว!!!! แค่โทรศัพท์ใช่ไหม” ฉันส่งโทรศัพท์ให้คนที่ชื่ออัสนีทันที ก่อนจะพยายามวิ่งไปหาพี่อาย แต่โดนคนชื่ออัสนีกระชากแขนไว้ โธ่....นี่มันเวรกรรมอะไรของฉัน!!!!! “สวัสดีครับ คุณหมอก” ลำโพงถูกเปิดขึ้นให้ฉะนได้ยินบทสนทนานี้ด้วย [ ต้องการอะไร ทำไมไม่มาเล่นงานพวกกูตรงๆ ] “เล่นงานพวกมึงไปมันจะสนุกอะไร ว่าแต่เจ้าของร้านนี้สวยจังเลยนะ เด็กใครหนอ มึง หรือไอ้คี หรือใช้ร่วมกัน” [ ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ ถึงมึงไปวุ่นวายกับเธอก็ไร้ประโยชน์ ผู้หญิงสวยพวกกูฟันมาเยอะแล้ว ทำไมต้องใส่ใจด้วย กูแค่ใช้เค้าเป็นเหยื่อล่อมึงแค่นั้น และมึงก็โง่เดินเข้ามาในเกมกูเอง ตอนแรกกูคิดว่ากูเคยไปทำอะไรให้พวกมึงโกรธรึเปล่า แต่ตอนนี้กูแล้ว ว่ากูคิดมากเกินไป มึงก็แค่คนที่กูจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ] นั่นสินะ ผู้หญิงกลางคืน ทุกคนก็คงต้องการแค่ความสุข แต่ฉันดันเป็นเด็กน้อยเอง ที่เอาสิ่งที่เค้าทำมาใส่ใจ ทั้งๆที่ฉันเจอเค้าแค่ 3 ครั้งเอง แค่เค้าช่วยฉัน ไม่ได้แปลว่าเค้าจะรู้สึกอะไร “งั้นกูก็ฟันอีนี่ได้สินะ” ประโยคของคนที่ชื่ออัสนี ทำเอาฉันใจหายวาบ หวังว่าเค้าไม่คิดจะทำแบบนั้นจริงๆ [ มึงรอกูที่นั่นแหละ ] จบการสนทนา ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดดดด “ว้า...ตัดสายไปซะละ รองั้นหรอ พวกมึงกล้าดียังไงมาสั่งให้กูรอ” ฉันถูกคนชื่ออัสนีลากไปนั่งที่โซฟา แม้ฉันจะยื้อยุดแค่ไหน ก็สู้แรงเค้าไม่ได้ กลัว กลัวอีกแล้ว ที่นี่มันบ้าป่าเมืองเถื่อนหรือยังไง มือที่บีบแขนของฉันเอาไว้แน่น มันทำเอาฉันเจ็บและกลัวมาก “เธอเป็นเด็กของใคร ไอ้คี หรือ ไอ้หมอก” “ไม่ใช่ทั้งนั้น ทำไมถึงไม่เข้าใจ ฉันไม่ใช่เด็กของใครทั้งนั้น ฉันเป็นเจ้าของบาร์นี้ ได้โปรดให้เกียรติฉันด้วย” ฉันพยายามเชิ่กเข้าไว้ เพื่อบอกว่าฉันไม่กลัว แต่ใจฉันกลัวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว “เกียรติของเธอ เธอขายมันไปกับเงินแล้วไง” เสียงที่เคล้นออกมาจากลำคอของคนที่ชื่ออัสนี มันทำเอาความกลัวที่มากมายของฉันมันเริ่มเผยออกมา ปึงงง!!!!!! ประตูร้านของฉันถูกเปิดออกอีกครั้ง ชายสองครั้งที่คุ้นเคยเดินเข้ามา แต่ที่ฉันหวังคือเค้าพาคนมาเยอะๆ ไม่ใช่แค่ 2 คน แบบนี้จะช่วยเราจากคนเกือบยี่สิบคนของมันได้ยังไง “มากันสักที ตอนแรกก็คิดว่าผู้หญิงของพวกมึงรสชาติเป็นยังไงน้า พอได้ชิมถึงรู้ว่ามันเป็นแบบนี้นิเอง” ลิ้นชื้นเลียเข้าที่ต้นคอจนฉันต้องผลักเค้าออก “ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ ก็แค่ผู้หญิงอีกคนที่หวังฟัน มึงกับกูมาคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า” “ก็ดี สวยแบบนี้ผ่านพวกมึงละเสียดายแย่ ไปอยู่ผม ผมจะเลี้ยงอย่างดีเลย” อัสนีพยายามจะจูบฉัน จนฉันต้องเอามือปิดหน้าเอาไว้ แต่เค้ากลับพยายามดึงมือของฉันออก อย่านะ!!! อี้!!!!!!! ขยะแขยง “กูจำได้ละ มึงก็คือไอ้ลูกคนที่มันถูกกูอัดน่วมจนหายไปเลย ชื่ออะไรนะ นึกไม่ออก” แล้วจู่ๆคุณอัคคีก็โพล่งขึ้นมา กลางความตึงเครียด “กูชื่ออัสนี” “พวกมึงอาจจะจำกูไม่ได้ แต่กูจำพวกมึงได้ จำได้ขึ้นใจ และจำไปจนวันตาย กูจะทำให้มึงไม่เหลืออะไรอย่างที่กูเคยเป็น แล้วกูก็จะไม่หยุดแค่นี้ พวกมึงนอนกับแฟนกูใช่มะ ระวังตัวเอาไว้ กูไม่ได้มาเล่นๆ ตอนนี้กูไม่ได้อยู่ในจุดที่จะกลัวพวกมึงอีกแล้ว” “เสียใจด้วยละกัน มันคงจะยากหน่อย เพราะผู้หญิงสำหรับกูมันก็แค่ผู้หญิง” คุณหมอกพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วไม่แยแสสักนิดว่าฉันกำลังเจอกับอะไร “งั้นก็เริ่มจากบันนี่ก็แล้วกัน พวกมึงเอาผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถไปกับเราด้วย คืนนี้กูมีเรื่องจะคุยกับเธอทั้งคืนเลย” อัสนีกระชากแขนฉันให้ลุกขึ้น แล้วพยายามจะลากออกจากร้าน คุณหมอกตรงเข้ามาถีบอย่างจัง แต่โดนอัสนีเบี่ยงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้จุดที่ควรจะโดน “11 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้แต่พวกมึงที่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เรื่องวันนั้น กูสัญญากับตัวเองมาตลอด ว่ากูต้องเก่งให้มากพอ ที่จะทำให้พวกมึงลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น” เค้าพยายามจะชกสวนคุณหมอก แต่คุณหมอกกลับหลบได้อย่างหวุดหวิด “พวกหน้าตัวเมีย ก็ใช้วิธีหน้าตัวเมีย แล้วกูจะบอกอะไร ผู้หญิงของมึงมาเสนอตัวให้พวกกูเอง” ประโยคของคุณอัคคีทำให้คนฟังถึงกับเลือดขึ้นหน้าจนเก็บสีหน้าแทบไม่อยู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “เหมือนที่เมียมึง กำลังจะยอมกูเองใช่ไหม” ผัวะ!!!! เสียงการต่อสู้ดังขึ้น ฉันทำได้แค่หลับตาปี๋เพราะความกลัว เอ้ออออ...แต่ก่อนอยู่บ้าน น่ากลัวที่สุดคือดูหนังผี แต่นี่ฉันจะกลายเป็นผีซะเองไหมเนี่ย “วันนี้เราไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อมีเรื่อง แต่เรามาเพื่อแนะนำตัว ยินดีที่ได้เจออีกครั้ง ช่วยทำให้ผมสนุกกว่านี้หน่อย พ่อฉันอยากได้ The Mute ไนต์คลับพวกแกจะเป็นของขวัญอย่างดีในวันเกิดครบ 65 ปีของพ่อฉันเลย ช่วยทำให้สนุกกว่านี้หน่อยนะ พวกเรากลับ เอาบันนี่จังของฉันกลับมาด้วย” “ปล่อยยยย!!! ปล่อยยยยนะ ฉันไม่ไป” ทำไม ทำไมต้องเป็นฉันทุกที เพราะฉันดันไปรู้จักกับคนพวกนี้แน่ๆ มือของฉันถูกเปลี่ยนมือให้ลูกน้องของอัสนีจับเอาไว้แทน จังหวะที่เปลี่ยนตัวมือ คุณหมอกกระชากแขนเอาไว้แทน เค้าดึงฉันมาไว้ที่ด้านหลัง บังฉันไปด้วย ต่อสู้ไปด้วยมันทำให้เค้าเจ็บหนักขึ้น เพราะเค้าเอาตัวเองมาบังการโจมตีที่จะโดนฉันเอาไว้ทั้งหมด “ไอ้คี!!! มึงจะนิ่งอีกนานไหม” ตุบบบ!!!! ที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจากแก้วอย่างหนา ทุบเข้าที่หัวของคุณหมอกอย่างแรง “คุณหมอกกก!!!!” ฉันตะโกนออกมาสุดเสียง เพราะตกใจ และกลัวมาก นี่คือเรื่องเสี่ยงตายเรื่องแรกในชีวิตของฉันเลย แม้จะโดนหนักขนาดนี้ เค้าก็ยังจับมือฉันไม่ปล่อย จากการโดนตีหัวเมื่อครู่ ทำให้คุณหมอก ได้แต่ยืนนิ่งๆให้พวกนั้นโจมตีเราอยู่ฝ่ายเดียว แม้จะสู้กลับไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวหลบได้ตามใจ พอ พอแล้ว ใครก็ได้หยุดเรื่องนี้ที แล้วคุณอัคคีที่สติหลุดก็ควักปืนจ่อที่หน้าของคนชื่ออัสนีไว้ ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นอีกแล้ว ฉันแค่ห่วงคนตรงหน้าที่ตอนนี้ นิ่งเงียบ “พอแล้วเด็กๆ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก็พอ” “แล้วผู้หญิงละนาย” “ถ้าเจ้าของเค้าหวงขนาดนี้ ปล่อยให้เค้าได้ร่ำลากันอีกสักวัน ยังไงฉันอยากได้ ก็ต้องได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเมียใคร” พอมันเห็นสภาพคุณหมอก ก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วก็ถยอยออกจากร้านไป ทิ้งไว้แต่ร้านของฉันที่เสียหายยับเยิน “ขอ..โทษ...ที่พูดไม่ดี” เสียงสุดท้ายที่พูดกับฉันก่อนที่ตัวเองจะล่วงลงมาสู่อ้อมกอดของฉัน “คุณหมอกกกก!!!!!” อย่า อย่าเป็นอะไรนะ ได้โปรด ขอร้องละ ฉันพยายามใช้แรงกับขาสั่นๆของฉัน พยุงคุณหมอกออกไปนอกร้าน เป้าหมายคือโรงพยาบาล “เดี๋ยว!!! คุณจะพามันไปไหน” “โรงพยาบาลไง เค้าสลบไปแล้ว เห็นไหม!!!!” “ไปที่ไนต์คลับ แค่นี้มันไม่ตายหรอกหน่า คุณก็ควรจะมีความรับผิดชอบ ตามไปเฝ้ามันด้วย” คุณอัคคีช่วยฉันแบกร่างที่หนักอึ้ง ไปที่รถของพวกเค้า แล้วยัดร่างที่ไร้สติไว้ที่เบาะหลัง ฉันประคองหัวของคนเจ็บขึ้นมาวางไว้บนตักน้อยๆ ทำไมละ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันเจ็บ จะมาเจ็บแทนฉันขนาดนี้ทำไม ทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้สำคัญอะไร อย่าเป็นอะไรนะคะ อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกผิดเลยถ้าคุณจะตายเนี่ย @ไนต์คลับ The Mute เค้าถูกพามาที่ห้องทำงานขนาดใหญ่ ชั้นที่ 9 ของไนต์คลับ สิ่งที่คนของที่นี่หามาให้มีเพียงแค่ผ้าขนหนู อุปกรณ์ทำแผล ฉันมองคนที่เจ็บอย่างไม่เข้าใจ ลุกขึ้นมาสิคะ ลุกขึ้นมาด่าฉันอีกก็ได้ จะยอมให้ด่าฟรีเลย แต่อย่านอนหลับอยู่แบบนี้ ฉันมองเลือดที่ยังนองอยู่บนใบหน้า เลยตัดสินใจขออนุญาตเจ้าของที่ออกไปเอาน้ำใส่กะละมัง เพื่อเอามาเช็ดเลือดและสิ่งสกปรกที่มันอยู่บนร่างกาย พอมาถึงห้องน้ำ ฉันกลับทรุดตัวลงแล้วเอาแต่ร้องไห้ นี่ฉันกำลังหนีออกจากบ้านมาเจออะไรเนี่ย ฉันปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาพร้อมกับความอ่อนแอ ปล่อยให้ความเงียบทำให้ฉันใจเย็นลง ก่อนจะเปิดน้ำใส่กะละมัง แล้วยกกลับเข้าไปในห้อง โดยไม่ลืมเคาะประตู “นี่ไง ผู้หญิงที่ไอ้หมอกมันยืนเอาตัวบัง” “เสียดายอะ เฮ้ออออ ว่าแต่ เฮียจะทำยังไงต่อ” ฉันไม่ได้สนใจประโยคสนทนาของพวกเค้านัก เพราะคุยกันไม่นานคุณวายุก็ออกจากห้องไป แต่สนใจกับการเช็ดเลือดที่แห้งเกรอะกรังอยู่บนใบหน้าของชายที่นอนไม่ได้สติ แต่คราบเลือดที่แห้งเช็ดออกไม่ง่ายเลย ฉันค่อยๆซับที่แผลให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลึกเหมือนกันนะเนี่ย มันควรจะเย็บไหมนะ แต่เช็ดไม่ทันเสร็จคนที่นอนอยู่ก็รวบมือฉันเอาไว้ “ออกไป” ไล่ฉันหรอ คุณคงจะเกลียดฉัน ที่ทำให้คุณต้องเจ็บขนาดนี้ ฉันเข้าใจ ฉันไม่ใช่คนเข้าใจยาก ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ฉันวางผ้าขนหนูแลุ้กขึ้น “ผมไม่ได้หมายถึงคุณ ผมหมายถึงไอ้ตุ๊ดที่มันนั่งมองเราอยู่ที่โต๊ะทำงาน” “ตื่นมาก็ปากหมาเลยนะมึง กูเป็นเจ้าของที่นี่นะ มึงมาไล่กูได้ไง” คุณอัคคีพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก “ออกไป ไม่งั้นทีมึง กูทำบ้างนะ” เสียงไล่เย็นๆทำเอาคนที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป คุณอัคคียอมออกไปแต่โดยดี ตอนนี้ในห้องทำงานขนาดใหญ่มีเพียงแค่เราสองคน กับเสียงแอร์คอนดิชันเท่านั้น รั้งฉันไว้ทำไมอะ ฉันถูกดึงลงมาให้นั่งอยู่บนโซฟาที่เค้านั่งอยู่ “คุณนี่ก็ใจร้ายไป ผมเจ็บขนาดนี้ทิ้งลงหรอ อย่างน้อยก็ทำแผลให้ก่อนสิ” “วันหลังอย่าเอาตัวมาบังฉันแบบนี้อีกนะคะ ถึงฉันจะกลัว แต่ฉันกลัวคุณตายมากกว่า” ฉันมองคนตรงหน้าด้วยตาดุๆ “ก็บอกแล้วไงให้พูดแค่สั้นๆ ห่วง” “ไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันทำแผลให้คุณเสร็จ ฉันจะกลับ ฉันจะไม่อยู่เป็นผู้หญิงที่คุณหวังฟันหรอกนะ” “ขอโทษ” ขอโทษ ขอโทษอีกแล้วหรอ ทำไมผู้ชายชอบพูดคำนี้กับฉันนัก “ทำไมผู้ชายชอบพูดคำว่าขอโทษนัก มันควรจะไม่พูดออกมาดีกว่าไหม ดีกว่ามาขอโทษ” “ผมพอจะรู้แล้ว ว่ามันแค้นมาจากเรื่องส่วนตัว คุณก็เห็นว่ามันกัดเหมือนหมาบ้า แค่ผมมาดูแลคุณมันยังตามมากัดคุณเลย ผมแค่อยากให้มันเลิกยุ่งกับคุณเท่านั้น” แล้วจู่ๆคนตรงหน้าก็ทำเสียงและตาดุใส่ จะดุไปถึงไหน พ่อฉันยังไม่กล้ามองดุแบบนี้เลยนะ ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหน้าของเค้าต่อ แล้วค่อยๆสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์แตะไปที่แผลเบาๆเพื่อฆ่าเชื้อ ฉันไม่รู้ว่าตัวฉันเชื่อคุณได้ไหม ฉันมีปัญหากับความเชื่อใจอย่างรุนแรง “ทำแผลให้คุณอีกแล้ว เมื่อวานก็เพิ่งทำ แผลเก่าไม่หาย แผลใหม่มาอีกแล้ว” “นั่นดิ เป็นแผลเป็นไม่หล่อมาทำยังไง ผมหาแฟนไม่ได้คุณต้องรับผิดชอบนะ เพราะคุณหน้าหล่อๆของผมถึงเป็นแผล” “คนหลงตัวเอง” “แล้วคุณอะ หลงผมรึเปล่า” คำถามของคุณหมอกทำเอาฉันตาโตด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเค้าจะล้อเล่นแบบนี้ “ใครจะไปหลงคนหลงตัวเองแบบคุณกัน” ฉันกดมือหนักๆลงที่แผลของคุณหมอก จนเค้าต้องร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอาผ้าก็อตแปะแผลของเค้า เพื่อกันฝุ่นละอองเข้าไปในแผล “โอ้ยยยยย....เดี๋ยวเป็นแผลเป็น” “จะได้เลิกหลงตัวเอง หล่ออะใช่ แต่นิสัยไม่ดี ปากร้ายอย่างกับผู้หญิง มีอะไรดีบ้างคะ” “เหมือนผู้หญิงงั้นหรอ สงสัยต้องทบทวนความจำให้คุณซะหน่อยแล้ว ว่าผมใช่ผู้หญิงรีเปล่า” คุณหมอกโน้มตัวเข้ามาใกล้จนฉันต้องเอนตัวหลบไปทางด้านหลัง แล้วเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้ “อย่านะคะ คุณทำคุณอาจจะไม่คิด แต่ฉันคิด” ฉันผลักคนเจ็บออก “ขอโทษผมแค่อยากแกล้งเฉยๆ ผมไปส่งคุณที่คอนโดดีกว่า” “แต่คุณเจ็บอยู่ ฉันเรียกแท็กซี่ก็ได้” “ได้ยังไง มันไม่ปลอดภัย ตอนนี้ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณนะ คุณต้องเชื่อฟังผมสิ ผมไม่ขึ้นห้องคุณหรอก แค่ไปส่งแค่นั้น” “แต่....” “มีแต่ผมจูบนะ” “ค่ะ” ฉันรีบรับคำทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD