ฉันแอบสำรวจการทำงานของร้านคู่แข่งอยู่หลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ที่ The Mute โดยมีพี่นิคมาด้วย หรือไม่ก็พี่ๆPR คนอื่นสลับกันไปมา พวกพี่ๆน่ารัก ไม่ปล่อยให้ฉันไปไหนมาไหนคนเดียวให้รู้สึก เป็นอันตรายเลย
“ร้านเรามันต้องมีจุดขาย ไม่งั้นร้านเราจะสู่เค้าไม่ได้” ฉันบอกกับพวกพี่ๆ PR ไปแบบนั้น ฉันเลยจัดการสั่งชุดเสื้อผ้าจากอินเตอร์เน็ต หลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสาวเมด ชุดนักเรียน แต่มาจบที่ชุดสัตว์ เพราะเราจะมาปลุกสัญชาตญาณในตัวแขกกันหน่อย แล้วเปลี่ยนชื่อร้านจาก Castle เป็น เมรัย ให้คนรู้สึกว่ามันเป็นร้านใหม่
กว่าร้านจะได้เปิด ต้องทำโฆษณากันอีกเยอะเลย ที่สำคัญเลยเราใช้วิธีปากต่อปาก เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น ร้านชองเราก็คนเต็มจนแน่นเอี๊ยด ต้องจองโต๊ะล่วงหน้ากันเลย เราเลยเปิดโซน Vip ด้านบน ที่เป็นส่วนของหน้าห้องทำงานของฉัน แต่จะทำยังไงให้โซนนี้เต็มได้ทุกวัน ฉันเลยตัดสินใจใส่คอสเพลนั่นด้วยซะเลย แล้วก็จะออกจากห้องทำงานมาเจอแขกแค่ช่วง 4 ทุ่ม-5 ทุ่มเท่านั้นเพื่อเซฟตัวเอง ไม่อยากจะพูดคำนี้เลย แต่เพราะความสวยมันทำให้ฉันตกแขกที่มาเข้าพักได้ แขกหน้าเดิมจะมาจองโต๊ะด้านหน้า เพื่อรอฉันออกมาจากห้อง แค่วันละ 1 ชั่วโมง
ฉันค่อยๆปรับตัวค่อยเรียนรู้ มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่แล้วก็จู่ๆก็มีการติดต่อ จากผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าสายฟ้า ขอให้ฉันเข้าร่วม เพื่ออยากจะยึดอำนาจ The Mute แต่ฉันซึ่งเป็นคนใหม่ มาอยู่ใหม่ ไม่ได้รู้จักใคร และไม่อยากยุ่งกับใคร เลยปฏิเสธออกไปทันที เพียงเพราะฉันเพิ่งเปิดร้าน และไม่อยากขึ้นตรงกับใคร
“พี่นิค เจ้าของ The Mute เป็นใคร ทำไมใครๆเค้าถึงเกลียด ขนาดติดต่อมาขอให้เข้าร่วมคว่ำบาตร”
“ที่นี่มีหัวเรือเดียวมานานแล้วครับ คือ The Mute เจ้าของชื่อว่าคุณอัคคี และมีคนขับเคลื่อนชื่อหมอก ผมจะอธิบายยังไงดี ครอบครัวคุณอัคคีดูแลที่นี่มาตั้งแต่รุ่นปู่มั้งครับ คุณเคแกเป็นคนบุกเบิกสถานบันเทิงในระแวกนี้ แต่พอเปลี่ยนมือมาสู่คนที่อายุน้อยกว่า ก็ไม่มีใครอยากจะก้มหัวให้คนที่อายุน้อยกว่าทั้งนั้น ครอบครัวคุณอัคคีมีอิทธิพลมากครับในหางดงนี้”
อีตาอัคคีมันต้องยิ่งใหญ่มากสินะ เอาเถอะมันจะเป็นใครไม่ใช่เรื่องของฉัน
1 อาทิตย์ต่อมา.....
“คุณเมลคะ นี่ไงคะ 2 สิงห์ มากันทั้งพี่ทั้งน้อยเลยค่ะ คนที่สูงๆคนนั้นชื่อคุณอัคคีค่ะ เหฟ้นไหมคะที่ผมตั้งๆ ข้างๆที่มาด้วยคนนั้นชื่อว่าวายุ เป็นน้องชาย นั่งโซน Vip แบบนี้ มาหาคุณเมลแน่ๆ”
“มาหาฉันทำไมอะ”
“ไม่ทราบสิคะ คุณเมลสวยขนาดนี้มาจีบมั้ง ผูกมิตรไว้เถอะค่ะ ในความคิดของพี่ ต่อให้พวกข้างนอกแย่งอำนาจกันแค่ไหน The Mute จะชนะ ผูกมิตรเข้าไว้ ยิ้มสวยๆค่ะ”
“จะดีหรอพี่อาย”
“จำที่พี่สอนไว้ค่ะ ตอนนี้คุณเมลเป็นบันนี่ จะไม่มีใครได้รู้จักคุณเมล พวกผู้ชายยังไงก็แพ้ความสวยของผู้หญิง เชิ่ดไว้ค่ะ ยิ่งได้ยากเค้ายิ่งอยากได้ ไปค่ะลุย” พี่อาย พี่ PR ผลักหลังฉันออกมาน้อยๆ เพื่อไปทักทาย 2 สิงห์ที่เค้าพูดถึง
เออ พวกเค้าหล่อจริง คนพี่เนี่ยเจ้าอารมณ์หน้าเหวี่ยงมาก อีคนน้องเนี่ยเจ้าชู้ชัวร์ยิ้มให้ผู้หญิงไม่เลือกหน้าเลย ไม่น่าจะคบค้าด้วยเลยสักคน เข้าทางคนพี่ละกัน คนน้องดูชีกออะ ไม่เอา อี๊วววว
แต่พอฉันเข้าไปหาคนพี่ คนน้องกลับดึงฉันลงไปนั่งตักทันที อีตานี่นี่มันยังไง ฉันพยายามทำตามที่พี่อายเคยสอน เล่นตัวเข้าไวเ
“ผมรอคุณอยู่”
มารออะไรฉัน ฉันกับตุณรู้จักกันหรือยังไง แล้วไอ้มือที่แนบหลังนี่มันคืออะไร
“ยินดีตอนรับสู่บาร์ของฉันนะคะ คุณวายุ หล่อกว่าที่เค้าพูดกันซะอีก อะไรทำให้ 2 สิงห์มาถึงที่บาร์ของฉันได้” ฉันยกขาพาดไว้บนตักของคนที่เป็นพี่ชายด้วย
“อื้มมมม บอกเลยอย่าสะกิดผม ผมขึ้นแล้วลงยากนะ”
“หล่อทั้งพี่ทั้งน้องแบบนี้ จะเลือกใครดีนะ คนพี่ก็ดี คนน้องก็เริ่ด”
มองใกล้ๆแบบนี้แล้วหล่อจริงแฮะ ทั้งพี่และน้องเลย แต่คนพี่ไม่มีท่าทีจะสนใจฉันเลย ขัดกับคำที่ปากพูดออกมาอย่างสิ้นเชิง
“คุณรู้จักพวกผมด้วยหรอ เป็นเกียรติจัง แล้วถ้าผมอยากรู้จักคุณบ้าง” วายุกระซิบเบาๆข้างหูฉัน จนฉันต้องละสายตามาสนใจคนที่ฉันนั่งตักอยู่ก่อน
“วันนี้ฉันเป็นกระต่าย เรียกฉันว่าบันนี่ก็แล้วกันค่ะ”
“แต่ผมอยากเรียกคุณว่าเมย์”
ใช่ชื่อฉันที่ไหน แต่ก็ใกล้เคียง แสดงว่าพวกเค้าสืบประวัติฉันก่อนที่จะมาหรอ นี่ไม่ใช่การมาเที่ยวธรรมดาซะแล้วสิ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ แต่ฉันกลัว ฉันจะต้องเซฟตัวเอง
“ตอนนี้ในเวลางานฉันจะไม่ใช้ชื่อนี้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ปล่อยค่ะ ฉันจะลุกแล้ว” ฉันไม่คุยกับเค้าอีกแล้ว ฉันผลักเค้าออกแล้วพยายามจะลุกขึ้น แต่อีตาวายุกลับล็อคตักฉันเอาไว้ แบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้วนะ
“ไม่ปล่อย...เป็นตัวเองแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย แบบเมื่อกี้ทุกคำของคุณมันโกหก”
“ต้องแบบไหนถึงจะพูดความจริงคะ ต้องการให้ฉันพูดความจริงแค่ไหนกันเชียว รู้จักฉันขนาดไหนเชียว ถึงรู้ว่าฉันโกหก” ฉันเริ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาอย่าชัดเจน แต่ยิ่งดิ้นเค้าก็ยังไม่ปล่อย
“ก็รู้จักมากพอที่จะบอกที่ได้ว่าตอนนี้คุณกำลัง หัวใจเต้นแรงเพราะผม”
ที่เต้นแรงเพราะกลัวรึเปล่า เพราะตอนนี้คุณน่ากลัวที่สุดเลยยยยยยย ฉันพยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เป็นพี่ชาย แต่เค้าดันหายไปไหนก็ไม่รู้ ฮื้อออออ อีตานี่กำลังจะหอมฉันแล้ว
“อย่านะคะ ฉันชอบพี่ชายคุณ ขอโทษด้วยค่ะ” หัวใจฉันยังเต้นแรงด้วยความกลัว ฉันทำได้แค่พูดออกไปส่งๆแบบนั้น เพื่อเอาตัวรอด
“ว้าแย่จัง ผมว่าผมกำลังทำคุณกลัว ชอบพี่ผมงั้นหรอ แต่ผมชอบคุณนะ”
“ไม่ค่ะ ฉันชอบพี่ชายคุณ”
คุณวายุปล่อยฉันนั่งลงบนโซฟาแต่โดยดี เฮ้ออออ....ค่อยยังชั่ว ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเป็นบ้าเลย
“ผมถามอะไรคุณหน่อยสิ มีคนแปลกๆติดต่อหาคุณบ้างไหม ประมาณว่าขอให้คว่ำบาตร The Mute อะไรทำนองนั้นอะ”
เอ๊ะ!!! คว่ำบาตร The Mute หรอ เข้ามาสืบว่าฉันเข้ากับศัตรูรึเปล่าแบบนี้หรอ ถ้างั้นแสดงจุดยืนของเราไปน่าจะดีกว่า
“มีค่ะ ฉันไม่รู้อะมากหรอกนะ รู้แค่พวกนั้นชื่อสายฟ้า แต่ฉันก็ไม่ได้เข้าร่วมหรอกนะ ฉันอยากอยู่ของฉันแบบนี้ แล้วฉันก็จะไม่เข้าร่วมกับใครด้วย”
หลังจากที่กับคุณวายุเสร็จฉันก็รีบเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที เพื่อเปลี่ยนชุดกระต่ายนี่ออก บอกเลยฉันเกลียดนักพวกผู้ชายชีกอมือปลาหมึกเนี่ย เพราะแบบนี้รึเปล่าพี่กอล์ฟเค้าถึงได้มีคนอื่นบ่อยๆ จริงๆแล้วอาจจะผิดที่เราหวงตัวมากเกินไป แต่เค้าไม่เคยทำให้มั่นใจเลย ว่าถ้าเคาได้ฉันแล้วเค้าจะไม่ทิ้งฉัน แต่พอคิดถึงผู้ชายคนนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอาดื้อๆ คนที่เข็งแรง เข้มแข็งก็กลายเป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตาที่เอาแต่ฟุบร้องไห้ อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัว ที่ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียว ปล่อยน้ำตามันไหลออกมาแบบนั้น ปล่อยให้ความอ่อนแอ มันเข้ามาครอบงำตัวฉันเอาอยู่แบบนั้น
และแล้วหลังจากวันนั้น
คนที่ชื่อสายฟ้าติดต่อฉันมาอีกแล้ว แล้วฉันก็ยังปฏิเสธด้วยเหตุผลเดิม แต่ครั้งนี้มันไม่ได้จบง่ายๆ ร้านของเราถูกกลั่นแกล้ง ล้อรถของแขก ถูกกรีดจนแตก แขกเริ่มไม่กล้ามา พวกอันธพาลเริ่มเข้ามาหาเรื่องร้านเรา แต่นั่นฉันยังพอทนได้ ที่ทนไม่ได้คือ 2-3 วันมานี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกตามตลอด มีของแปลกๆส่งผ่านนิติมาให่ฉันถึงห้อง แบบนี้มันเริ่มน่ากลับเกินไปแล้ว ฉันทนไม่ไหวบุกเข้าไป The Mute ด้วยตัวคนเดียว เพื่อทวงหาความรับผิดชอบ จากคุณอัคคี ถ้าพวกเค้าไม่มาร้านของฉันก็จะไม่เป็นแบบนี้
ยอมรับว่าตัวเองอาจจะหุนหันพลันแล่น แต่ตอนนั้นฉันโมโหนิ ฉันอยู่ของฉันดี จู่ๆก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ไม่รู้ ฉันลงทุนไปยังไม่ได้ทุนคืนเลยนะ มันเลยทำให้ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ที่ The Mute ฉันเดินหาจนทั่วแต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของคุณอัคคี เข้าทางพนักงานแล้วกัน
ฉันเดินเข้าหาพนักงานคนหนึ่งที่เดินไปเดินมาอยู่นานแล้ว อาจจะเป็นผู้จัดการร้านรึเปล่า เพราะเค้ามีการสั่งงานพนักงานคนอื่นด้วยนิ แต่พอจะเข้าไปเค้าก็ดันวุ่นวายจนชนเข้ากับฉันเข้าอย่างจังๆ
“โอ้ยยยย!!!”
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเจ็บรึเปล่า” คนที่ชนเอ่ยคำขอโทษ ตอนแรกก็กะจะโกรธ แต่ที่ไม่โกรธเพราะ....กางเกงขาสั้นลายหัวใจ กล้าใส่ได้ไงอะ ฉันพยายามสลัดทุกอย่างออกจากหัว แล้วบอกเจตนาที่ตัวเองมาที่นี่
“ไม่ค่ะ คุณทำงานที่นี่รึเปล่า”
“ครับ ผมทำงานที่นี่”
“คุณอัคคีอยู่ไหมคะ พอดีฉันเป็นคนรู้จัก”
“ขอโทษทีนะ วันนี้เมียมันมา คงให้เจอไม่ได้ กลับไปเถอะ ถือซะว่าฟินๆแล้วจบๆกันไป ผมขอตัว”
ไม่ใช่โว้ยยยย เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ฉันไม่ใช่เด็กเจ้านายเค้าสักหน่อย แล้วไอ้ฟินๆจบกันไปนี่คืออะไร
“ปากเสีย!!! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันต้องการความช่วยเหลือ บอกเค้า สายฟ้า ติดต่อมาอีกแล้ว”
“สายฟ้างั้นหรอ อื้ม งั้นตามผมมา ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่ามันจะเสร็จกิจจากเมียมันเมื่อไหร่ เฮ้อออ เอาเถอะๆ ผมจะพาไปเจอ ตามผมมาแล้วกัน”
ฉันเดินตามเข้าขึ้นบันใดมาที่ชั้น 2 ซึ่งมีโต๊ะบางตากว่าฉันแรกมากนัก แต่เค้ากลับมองฉัน มองแบบไม่วางตา เฮ้อออ พวกผู้ชายนี่มันยังไงนะ
“มองอีกนิดเดียว ฉันจะเก็บตังค์แล้วนะคะ”
“คุณคงจะเป็นเจ้าของร้านเมรัย”
“ชุดคุณน่ารักนะ ลายหัวใจ เอาซะอยากจับหัวใจเลย” ฉันค่อยๆมองไล่ตั้งแต่หน้าจนลงมาถึงจุดกึ่งกลางรูปหัวใจของบ๊อกเซอร์ที่เค้าใส่ แล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ กล้าใส่ได้ไงวะ ใส่ชุดแบบนี้นอนจริงดิ
แล้วไม่นานนักเค้าก็กดโทรศัพท์โทรหาคุณอัคคี เพื่อถามว่าเค้าอยู่ที่ฉันไหน ฉันเพิ่งรู้ว่าที่นี่ มี 10 ชั้น แล้วก็เปิดให้บริการแทบทุกชั้นเลย โห...ดูยิ่งใหญ่เหมือนกันแฮะ ว่าแต่ข้างตรงก้นก็มีหัวใจด้วยแฮะ ขำอะ หัวเราะตอนนี้เสียมารยาทไหม เราเดินเข้ามาในลิฟต์ที่ตรงนี้สว่างพอที่จะเห็นหน้าเค้าชัดๆ ที่จริงเมือกี้ก็ชัด แต่สนใจหัวใจบนกางเกงมากกว่า
“ไปครับ ผมจะนำทางให้ คุณเคยเที่ยวบาร์โฮสรึเปล่า” เสียงเรียกทำให้ฉันหลุดออกมาจากความคิด เพราะตอนนี้ลิฟต์เปิดออกแล้ว
“ไม่ค่ะ สวยแบบนี้ต้องเที่ยวบาร์โฮสด้วยหรอคะ”
“อย่าห่างผมนะ ลูกค้าชั้นนี้บ้ากาม” คำเตือนของเค้าทำเอาฉันต้องเดินตามเค้ามาแบบติดๆ ชั้นนี้มันเป็นบาร์แบบวาบหวิวหรอ มีเสาด้วย เค้าต้องเต้นรูดเสากันด้วยหรอ
แต่พอเดินมองนู่นนี่นั่นมาเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีก็หยุดที่หน้าห้อง Vip 12 ซะแล้ว นี่หรอที่เค้าเรียกบาร์โฮส ตื่นเต้นไม่เคยรู้จักเลย รู้เพียงแค่ที่มีผู้ชายหล่อๆมาขายความสุขทางกาย
“เชิญนั่งครับคุณเมย์”
พอประตูเปิดออกก็เจอคุณอัคคีกับผู้หญิงที่ทักฉัน
“อ้าววว คุณ!!! เฮียคีฉันได้หน้ากากจากเธอคนนี้แหละ ฉันลงนั่งข้างล่างดีกว่า เฮียมีแขก” อ่อ หน้ากากทร่จะทิ้งตอนเข้ามา ฉันยิ้มให้เธอน้อยๆ เธอนี่เองที่เป็นเมียของคุณอัคคี พอใจสินะ ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ หน้าเธอแปะอยู่ทั่วห้าง ข่าวเม้าท์ว่าสองคนนี้คบกันก็เป็นเรื่องจริงสินะ
“เอางั้นหรอ อื้ม...งั้นขอเฮียคุยธุระแป๊ป”
ฉันเปิดประเด็นที่จะพูดทันที ไม่รอรีอะไรทั้งนั้น
“หลังจากที่คุณไปที่ร้านของฉันวันนั้น คนที่ใช้ชื่อสายฟ้าก็ติดต่อฉันมาอีกครั้ง เพื่อขอให้ฉันเข้าร่วมด้วย แต่พอฉันตอบปฏิเสธ ร้านของฉันก็ถูกเล่นงานในวันต่อมา แต่ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในสงครามของพวกคุณ ฉันอยากใช้ชีวิตสงบสุขของฉัน 2 วันมาแล้วที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกตาม มันน่ากลัวมากนะสำหรับผู้หญิงอะ”
“ผมขอช่องทางที่มันติดต่อหาคุณได้ไหม ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้” เสียงนิ่งเรียบที่ตอบกลับมาแบบนี้หมายความว่ายังไง รับผิดชอบส่งๆงั้นหรอ
“ยังไง!!!” ฉันตะคอกใส่เค้าเสียงดัง จนคนในห้องสะดุ้งกันหมด หนุ่มเป้ารูปหัวใจเลยต้องไล่หนุ่มโฮสออกไปก่อน
เสียงตะคอกดังๆของฉันทำให้พี่กระเทยคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น ต้องพาผู้หญิงที่ชื่อพอใจออกไปก่อน ต่อไปจะมีใครออกไปอะไรอีกไหม จะได้ไม่ขัดฉันพูดอีก ฉันมาพูดเรื่องสำคัญแต่นี่อะไร ช่วยจริงจังกับปัญหาที่ฉันเจอหน่อย
ฉันปลดล็อกโทรศัพท์แล้วส่งให้พ่อหนุ่มเป้าหัวใจ ดูสิ่งที่คนที่ชื่อสายฟ้าส่งมา หลังจากเจ้านายเค้าไปหาฉัน [ ผมจับตาดูคุณอยู่ ] ฉันยอมรับออกไปตรงๆว่าฉันกลัว เพราะฉันเป็นผู้หญิง
“เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ร้านคุณโดนเล่นงานยังไง”
ฉันเล่าสิ่งที่ฉันเจอให้เค้าฟัง ทั้งเรื่องที่รถลูกค้าโดนเจาะยาง อันธพาลที่เข้ามาหาเรื่อง คนที่สะกดรอยตามฉัน
“ถ้าผมอยากจะขอให้คุณเข้าร่วมกับพวกมัน คุณจะว่าอะไรไหม ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย ผมกับไอ้หมอกจะดูแลคุณเอง ผมไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับไอ้สายฟ้าอะไรนี่เลย ผมอยากให้คุณช่วย”
“ไอ้คี จะดีหรอ เค้าเป็นผู้หญิง”
“มึงก็ไปดูแลเค้าดิ”
“เรื่องของมึง อย่ามาโยนขี้ โว้ยย แล้วทำไมต้องเป็นกู เมียมึงกลับไปเมื่อไหร่ มึงก็ไปดูแลเอง”
เอ้าาาา เริ่มเถียงกันแล้ว โอ้ยยย ฉันมาขอความช่วยเหลือผิดคนไหม
“แบบนี้จะได้เรื่องไหม ทำไมฉันต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อคุณด้วย พูดอะไรง่ายจัง” ฉันสาดอารมณ์ใส่เค้า
“แล้วคุณจะทำยังไง อะไรที่ทำให้เซฟตัวเองได้ คุณก็ต้องทำ!!!” คุณอัคคีตะคอกใส่ฉันบ้าง มันทำเอาฉันสะดุ้งใจตกตาตุ่มเลยทีเดียว ทำไม ทำไมต้องเกรี้ยวกราด
“พอๆ คุยกันดีๆไม่ได้รึไง เรื่องเสี่ยงคุณไม่ต้องมาเสี่ยงเพื่อพวกเรา อะไรที่ทำแล้วคุณคิดว่าคุณจะปลอดภัย คุณทำเลย ไม่ต้องห่วง พวกเราเข้าใจ คุณต้องเข้าใจก่อน คุณไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ส่วนเรื่องที่ไอ้ตุ๊ดนี่ทำให้คุณเดือดร้อน ผมจะให้มันจัดการให้แน่นอน”
“ตุ๊ดงั้นหรอ!!!! มากไปแล้วนะมึง”
“ที่ฉันกลัวค่ะ เค้าเหมือนตามฉันไปทุกที่ ฉันเลยต้องเอาหน้ากากกระต่ายของที่ปิดหน้าออกมา แต่ฉันมั่นใจ สายฟ้าต้องเป็นผู้ชายแน่นอน เพราะเค้าส่งของพวกนี้มาค่ะ” ฉันเปิดของที่คนที่ชื่อสายฟ้าส่งมาให้พ่อหนุ่มเป้าหัวใจดู
“เค้าจีบคุณหรอ”
“ฉันไม่แน่ใจค่ะ ของทุกอย่างมันส่งมาหลังจากวันที่คุณอัคคีมา ฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นการซื้อตัวมากกว่า ร้านฉันไม่ใช่รัานเล็กๆ จะเป็นน้องก็แค่ไนต์คลับนี้เท่านั้น ตอนที่ร้านฉันเปิดไนต์คลับของคุณก็สะเทือน คนน้อยลงอย่างชัดเจน เค้าจะซื้อตัวฉันก็ไม่แปลก”
“แต่โดนแกล้งแบบนี้ทุกวันไม่นานก็เจ๊ง เพราะฉะนั้นเซฟตัวเองซะ เปิดได้แค่เดือนเดียว ยังไม่ได้ทุนคืนเลย มีปัญหามาจะแย่” อัคคีพูดขึ้นมาลอยๆ
“ฉันแค่อยากใช้ชีวิตปกติ สงบๆ แต่พอคุณเข้ามาในร้าน ชีวิตก็ฉันก็เปลี่ยน”
“พออออ!!!! เอาอีกแล้ว เฮ้ออออ มึงก็แสดงความรับผิดชอบหน่อย ไปส่งเค้าซะ กูจะได้ไปทำงานสักที!!”
“ไม่ต้องส่งค่ะ ฉันเอารถมา ฉันกลับเองได้ ส่งแค่ข้างล่างก็พอ”
“ผมไปส่งเอง ปล่อยคนกลัวเมียไว้ที่นี่แหละ แต่ผมอาจจะต้องขอใส่กางเกงนิดนึง ผมใจกล้าไม่พอที่จะใส่บ๊อกเซอร์ลายน่ารักนี่ออกไปนอกไนต์คลับ”
เออฉันก็ใจกล้าไม่พอที่จะไปกับคุณในสภาพนี้ แต่ที่จริงไม่ต้องส่งฉันก็ได้นะฉันโอเคที่จะกลับเอง ไปกับคุณฉันไม่รู้ว่าจะปลอดภัยรึเปล่า
หลังจากเค้าไปเปลี่ยนชุดเสร็จ เค้าก็พาฉันลงมาที่ลานจอดรถ เราได้คุยกันนิดหน่อย
“คุณคงจะชื่อเมย์ ผมชื่อหมอกนะ รู้จักกันไว้จะดีกว่า”
“ชื่อเมลค่ะ เรียกซะไทยเลย เมลที่มาจากคาราเมลอะ”
เค้าเดินนำที่ไปรถของตัวเองจนฉันต้องร้องทัก เพราะฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแน่ๆ
“เอารถฉันไว้ที่นี่ แบบนี้พรุ่งนี้ฉันก็ต้องมาเอาอีกนะสิ ไม่อยากมาแล้ว ไม่ชอบเพื่อนคุณ”
“แต่ใครๆก็อยากเป็นผู้หญิงของอัคคีนะ”
“ไม่ชอบทั้ง อัคคี และ วายุ เมื่อวานน้องชายเค้าก็มือปลาหมึกมาเลย ฉันเลยต้องเอาตัวรอดด้วยการบอกว่าฉันชอบพี่ชายเค้า ไม่งั้นดิ้นไม่หลุดแน่ๆ ทั้งๆที่ฉันบอกว่าฉันไม่ยุ่งกับแขก ก็ยังไม่ฟัง”
“เอาไงดี งั้นผมขอไลน์หน่อย คุณแชร์โลเคชั่นมา ผมจะได้ขับตามไปถูก เอาแค่ผมส่งคุณถึงบ้านปลอดภัยก็พอ แล้วผมจะขับกลับทันที”
“งั้นก็ได้ ฉันก็ไม่ได้ใจง่ายพอจะให้คนที่เพิ่งรู้จักขึ้นคอนโดหรอกนะ”
ฉันยอมให้ไลน์ตามที่เค้าขอ เพื่อแชร์โลเคชั่นไปให้
“ใครบอกผมจะขึ้นคอนโดคุณ ผมก็ไม่ใจง่ายขึ้นคอนโดผู้หญิงง่ายๆหรอกนะ”
จ๊ะ...ขอให้เป็นอย่างงั้น ผู้ชายที่ไม่ใจง่ายงั้นหรอ โม้ละม้างงงง ฉันเบะปากใส่เค้าน้อยๆ ใครจะให้คุณขึ้นคอนโดง่ายกัน
“ชุดแบบนี้วันหลังไม่ควรใส่ออกมานะ” เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกถอดมาคลุมไหล่ให้ฉัน อ๊ะ...อื้มมม ควรจะเอ่ยขอบคุณเค้าไหมนะ ฉันเชิ่ดใส่เค้าเป็นการกลบเกลื่อน แม้จะประทับใจการกระทำนี้น้อยๆก็เถอะ
==================
ไรท์ขอเล่าย้อนไปตอนที่ สองคนนี้เจอกันครั้งแรกก่อนนะคะ
กลัวว่า ถ้านักอ่านใหม่ๆที่เข้ามาอ่านจะไม่เข้าใจ
ว่า 2 คนนี้เป็นใคร เจอกันยังไง อะไรยังไง
^^ ขอคอมเม้นท์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ