ธาราทำตามที่ให้สัญญากับผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ พอฟ้าสางหญิงสาวตื่นอาบน้ำชำระคราบสกปรกออกจากร่างกาย จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าชุดเดิมมาสวมใส่ ซึ่งเป็นชุดเดรสรัดรูปสีแดงตัวกระโปรงยาวพ้นสะโพกแค่เพียงไม่กี่นิ้ว ซึ่งเธอถูกแมงดาคุมบาร์บังคับให้สวมเมื่อคืนที่ผ่านมา
“เกลียดไอ้ชุดบ้านี้จริงๆ”
ธาราหยิบชุดเดรสขึ้นมามอง แม้ไม่อยากสวมใส่ชุดนี้ เพราะนอกจากจะสั้น เปิดมากกว่าปิดเรือนร่างของเธอแล้ว ยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยปะปนมาด้วย แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่สวมเดรสสีแดงตัวนี้ เธอก็คงต้องเปลือยกายล่อนจ้อน มีเดรวชสั้นๆ ตัวนี้ปกปิดร่างกาย ก็ยังดีว่าไม่ได้สวมอะไรเลย
อีกสิบนาทีต่อมา ร่างบางระหงเดินลงมาตามบันไดบ้าน โดยไม่ลืมกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม เครื่องเรือน เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนมีราคาแพง บ่งบอกถึงฐานะของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินลงมาถึงห้องโถงใหญ่ เห็นผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์กำลังนั่งดูข่าวภาคเช้าอยู่ ธาราตั้งใจจะเข้าไปขอบคุณอีกฝ่าย ที่มีน้ำใจกับเธอ
แต่แล้ว...เท้าเล็กมีมันอันต้องชะงักอยู่กับที่ ก่อนจะพาผู้เป็นเจ้าของหลบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของผู้ประกาศข่าว กำลังเสนอข่าวการตายของปีเตอร์พอดี
‘ข่าวใหญ่ในวันนี้คงไม่พ้นเรื่องนักธุรกิจชื่อดังของเมืองพัทยานั่นก็นายปีเตอร์ พาร์กเคอร์ถูกฆ่าตายอยู่ภายในบาร์ของเขาเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงคืนที่ผ่าน ซึ่งเป็นคดีดัง เป็นที่ติดตามของประชาชนทั่วประเทศ ตอนนี้เจ้า
หน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามจับคนร้าย เดี๋ยวเรามาฟังคำให้สัมภาษณ์ในบางส่วนของ พ.ต.ท.พิรุณ นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ครับ’
‘จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ เราพอจะทราบว่าคนร้ายเป็นเด็กสาวในบาร์ของผู้ตายเอง ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งเราคิดว่าคนร้ายยังคงหลบหนีอยู่ในพัทยา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งภาพสเก็ตของหญิงสาวผู้นี้ไปตามสถานีขนส่ง และผู้ประกอบการรถยนต์ทุกแห่งในพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง หากพบหญิงสาวในภาพ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที และหากใครแจ้งเบาะแสจนสามารถจับหญิงคนร้ายรายนี้ได้ จะมีรางวัลนำจับเป็นการตอบแทนหนึ่งแสนบาท’
“หนึ่งแสน! ฉันมีค่าหัวหนึ่งแสน”
ธาราพึมพำเสียงแผ่วเบา แข้งขาสั่นเทาจนไม่มีแรงหยัดยืน ร่างเล็กเซผงะพิงไปกับเสาต้นใหญ่ อยากร้องไห้เหลือกำลัง ที่จู่ๆ ตนเองก็กลายเป็นฆาตกรที่มีราคาค่าหัวขึ้นมา
“ฉัน...ฉันไม่ได้ฆ่าเขา...”
ธารารำพันเสียงสั่นเทา ไม่อยากเชื่อว่ามีดปอกผลไม้เล่มเล็กที่เธอแทงไปบนตัวของปีเตอร์ จะทำให้ชายผู้นี้ขาดใจตายได้
ธาราลอบมองทีวีจอใหญ่ยักษ์อีกครั้ง นึกดีใจที่คนสเก็ตภาพของเธอ สเก็ตภาพได้ไม่เหมือนเท่าที่ควร คงไม่มีใครรู้ง่ายๆ ว่าเธอคือผู้หญิงในภาพที่กำลังถูกเสนอข่าวอยู่
ธาราพยายามรวบรวมสติให้กับตัวเอง กำลังจะก้าวเดินไปหาไคล์ ซึ่งยังคงนั่งดูข่าวอยู่ แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้า หลบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่เหมือนเดิม เมื่อเห็นไบรอันเดินมาหาผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับเอ่ยบอกว่า
“เจ้านายครับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอพบครับ”
ไคล์ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมาติดตามข่าวของปีเตอร์ เขาอยากรู้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการทำคดีนี้ พอเห็นภาพสเก็ตของหญิงคนร้ายที่กำลังถูกนำเสนออยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ คิ้วเข้มหนาก็ขมวดหากันยุ่ง ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงในภาพเขม็ง รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ว่าตนเองเคยเห็นหน้าหญิงสาวคนนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
“ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้นัก”
ไคล์ไม่ทันหาคำตอบให้ตัวเองไปมากกว่านี้ เมื่อไบรอันเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเครียดๆ ว่า
“เจ้านายครับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอพบครับ”
ไคล์พยักหน้ารับรู้ ไม่มีอาการหวาดกลัวให้เห็น เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเยี่ยมตั้งแต่เช้าตรู่ นั่นก็เป็นเพราะว่ารู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องถูกเชิญไปให้ปากคำอย่างแน่นอน
“พวกเขารออยู่ที่ไหน”
“ผมให้รออยู่นอกบ้านครับ”
“ไปเชิญพวกเขาเข้ามา”
“ครับเจ้านาย”
ไคล์มองตามลูกน้องที่เดินออกไปทำตามคำสั่ง จากนั้นก็หยิบรีโมทกดปิดโทรทัศน์ พลางคิดถึงใบหน้าของหญิงคนร้ายที่เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ในก่อนหน้านี้ หัวสมองอันชาญฉลาดเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็นึกไม่ออกสักที
“ติดอยู่ที่ปลายจมูกแท้ๆ แต่ทำไมถึงนึกไม่ออก”
ความคิดไคล์ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง เมื่อไบรอันเดินเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเขาเพิ่งเห็นออกข่าวเมื่อสักครู่เดินตามหลังมาพร้อมกับลูกน้องจำนวนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณไคล์”
“เรียกผมว่าพาร์กเคอร์”
ไคล์ออกคำสั่งเสียงแข็ง ใบหน้าคมเข้มเผยริ้วรอยความไม่พอใจให้เห็น หากไม่สนิทชิดเชื้อ ก็ไม่ต้องการให้ใครเรียกเขาด้วยชื่อจริง
พ.ต.ท.พิรุณหน้าม้านไปกับคำสั่งของบุรุษที่ยืนตีหน้าเรียบเฉยอยู่ตรงหน้าเขา “ครับ ผมต้องขอโทษด้วยครับคุณพาร์กเคอร์”
“เดินทางมาหาผมตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ทราบว่าคุณตำรวจมีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ” ทั้งๆ ที่รู้ถึงวัตถุประสงค์ของนายตำรวจผู้นี้ดี แต่ไคล์ก็ยังคงแสร้งเอ่ยถามออกไป
พ.ต.ท.พิรุณรู้ว่ามาเฟียอย่างไคล์ไม่ใช่คนโง่ และเป็นมาเฟียที่ซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างใน ไม่เช่นนั้นแล้ว ไคล์คงไม่ผงาดอยู่ได้วงการธุรกิจแทบจะทุกชนิดภายในเมืองพัทยา
“ผมอยากมาขอเชิญคุณพาร์กเคอร์ไปให้ปากคำเกี่ยวกับคดีของมิสเตอร์ปีเตอร์ครับ”
“ได้ครับ ผมยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสมอ” ไคล์ตอบเสียงราบเรียบ ทว่าหากฟังให้ดีเจ้าพ่อหนุ่มกำลังเยาะหยันนายตำรวจผู้นี้อยู่
“ขอบคุณมากครับ ที่ให้ความร่วมมือในการทำคดี”
“ผมได้ยินว่ามีรางวัลนำจับถึงหนึ่งแสนบาท”
“ใช่ครับ คุณพาร์กเคอร์”
ไคล์กระตุกยิ้มเย็นอยู่ตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบให้ทุกคนที่ได้ยินต้องสะดุ้งไปตามๆ กัน “ถ้ายังงั้นผมเกทับเป็นห้าแสน! ใครก็ตามที่สามารถชี้เบาะแสนำจับคนร้ายรายนี้ได้ ผมให้เงินรางวัลห้าแสน และจะมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้อีกห้าแสน!”