“แน่ใจว่าคุณพูดความจริง” ไคล์ไม่เชื่อสักเท่าไร จึงต้องถามซ้ำออกมา
“สาบานได้เลยค่ะ ว่าฉันถูกเพื่อนหลอกมาขายจริงๆ” ธารายกมือพนมไหว้ ขณะย้ำคำพูดของตนเอง “ฉันหนีออกมาจากบาร์ และถูกนักเลงคุมบาร์ตามไล่จับตัว ฉันพยายามหนีเอาตัวรอด ฉันเห็นรถจอดอยู่หลายคัน แต่ทุกคันติด
ล็อกหมด”
“ยกเว้นรถของผม” ไคล์เอ่ยต่อท้าย
“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ รถคุณไม่ได้ล็อก” ธารารับคำเสียงแผ่วเบา พยายามก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของไคล์ ที่จ้องมองเพื่อจับผิดเธอ
“ถ้าคุณถูกหลอกมาขายจริง ผมจะพาคุณไปแจ้งความ และให้ตำรวจช่วยส่งคุณกลับบ้านด้วย”
คำพูดของไคล์สร้างความตกใจให้กับธาราเป็นยิ่งนัก หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว พร้อมกับเอ่ยขอร้องน้ำเสียงสั่นเทา
“ไม่...อย่าส่งฉันไปหาตำรวจ”
“ทำไม”
“คนที่หลอกฉันมาเป็นตำรวจเหมือนกันค่ะ”
ธาราจำต้องโกหกออกมา หากยอมให้ชายผู้นี้ส่งเธอไปหาตำรวจ ก็ไม่ต่างจากส่งเธอให้ไปติดคุกในคดีฆ่าคนตาย!
“ไม่ให้ส่งไปหาตำรวจ แล้วจะเอายังไงกัน คุณมีเพื่อน มีญาติอยู่ในพัทยาไหม ผมจะให้ลูกน้องส่งคุณไปหาพวกเขาเหล่านั้นเอง”
“ฉันเป็นเด็กบ้านนอก ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติที่นี่แม้แต่คนเดียว” หยาดน้ำตาใสเอ่อคลอเบ้าในทันที เมื่อนึกถึงโชค
ชะตาอันเลวร้ายของตัวเอง
‘บ้าชะมัด! ทำไมเราถึงรู้สึกใจคอไม่ดีกับน้ำตาของผู้หญิงคนนี้’
ไคล์พึมพำอยู่ในใจ นอกจากมารดาของเขาแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกรู้สากับหยาดน้ำตาของผู้หญิงมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกอยากทำทุกอย่างเพื่อให้หยาดน้ำตาใสจางหายไปจากดวงตาคู่สวยคู่นี้
“ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ถ้ายังงั้นผมจะส่งคุณไปมูลนิธิเด็กและสตรี”
“ไม่...ฉันไม่ไป...”
ธาราร้องตอบ และด้วยความลืมตัว หญิงสาวโผเข้าไปจับต้นแขนแข็งแกร่งไว้แน่น ขณะวิงวอนต่อด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
“ฉัน...ขอพักที่นี่สักคืนได้ไหมคะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะหาทางกลับบ้านเอง”
ความหวาดกลัวที่มีต่อบุรุษผู้นี้เริ่มจางหายไปบ้างแล้ว เพราะหากไคล์คิดจะทำร้ายเธอ เขาคงลงมือตั้งแต่นาทีแรกที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
ไคล์สะบัดมือหนีในทันทีที่ถูกมือเล็กเย็นเฉียบจับลงมาบนต้นแขนของเขา ชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจมือเล็กที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก ทว่า...เพราะมีกระแสบางอย่างที่แล่นจากมือเล็กเข้าสู่ตัวเขา จนเกิดอาการสั่นสะท้านต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องกระชากมือหนีไม่ต่างจากถูกเปลวไฟลามลวกไปทั่วต้นแขน
“ก็ได้ ผมจะให้คุณพักในบ้านของผมสักคืน”
ไคล์ตอบตกลง ซึ่งคำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มได้จากใบหน้างามในทันที และนั่นก็ทำให้เขาต้องสบถด่าธาราอยู่ในใจ
‘บ้าฉิบ...ได้โปรดอย่ายิ้มแบบนี้ให้กับผู้ชายหน้าไหนอีก’
ธาราไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอเปิดให้โลกดูสว่างสดใส และเขามั่นใจเกินร้อยว่าผู้ชายทุกคนที่เห็นรอยยิ้มกว้างจากเธอ คงต้องการบดขยี้ริมฝีปากลงไปบนเรียวปากคู่นี้ เหมือนเช่นดั่งที่เขากำลังต้องการทำอยู่ในขณะนี้
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ที่เมตตาฉัน”
ธารายกมือพนมไหว้ คลี่ยิ้มออกมาได้เมื่อคิดว่าอย่างน้อยคืนนี้เธอก็ไม่ต้องไปนอนในลูกกรงแคบๆ และไม่ต้องหนีการตามล่าจากคนชั่วเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“เธอชื่ออะไร” จู่ๆ ไคล์ก็เอ่ยถามสั้นๆ ทำเอาธาราตีสีหน้างุนงง พร้อมกับเอ่ยถามซ้ำ
“คะ อะไรนะคะ”
“ผมถามว่าคุณชื่ออะไร” ไคล์ถามซ้ำติดรำคาญ
“ธาราค่ะ”
ไคล์พยักหน้า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องของตนเอง “เดนิส พาธาราไปพักในห้องรับแขกด้วย”
“ครับเจ้านาย”
แม้ออกจะสงสัยอยู่มาก ที่จู่ๆ ผู้เป็นเจ้านายก็ต้อนรับขับสู้หญิงแปลกหน้า ยอมให้พักในคฤหาสน์หลังนี้ แต่เดนิสก็ยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี
“ลุกขึ้สิ เดี๋ยวผมจะพาไปห้องพัก” เดนิสกระชากเสียงสั่งธาราบ้าง
ธารายังไม่ทำตามคำสั่งของเดนิส หญิงสาวหันไปมองเจ้าพ่อหนุ่ม พร้อมกับยกมือไหว้เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ คุณ...”
“ผมชื่อไคล์...ไคล์ พาร์กเคอร์” ไคล์เอ่ยตอบเมื่อรู้ว่าหญิงสาวต้องการทราบชื่อของเขา
ธาราสะดุ้งเล็กน้อยตอนได้ยินนามสกุลของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกันกับคนที่เธอส่งให้ไปเยียนยมบาลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้
“ค่ะคุณไคล์ ฉันขอบคุณคุณมากๆ นะคะ”
“จำไว้นะธารา ผมให้คุณพักในบ้านของผมแค่คืนนี้เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นการทำบุญ สงเคราะห์ลูกนก ลูกกาที่น่าสงสารอย่างคุณ แต่ถ้าหากคุณคิดขโมยข้าวของในบ้านของผม...ผมสาบานได้เลยว่าเป็นการทำอย่างผิดมหันต์!”
ธาราสะท้านเยือกไปกับคำขู่ของไคล์ “ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ พรุ่งนี้ ฉันจะรีบออกไปจากบ้านของคุณแต่เช้า ขอให้คุณไว้ใจว่าฉันจะไม่ขโมยข้าวของๆ คุณเด็ดขาด”
ไคล์พยักหน้ารับรู้ พร้อมกับโบกมือไล่ “ไปได้แล้ว”
ธาราคลี่ยิ้มให้กับไคล์และเลยไปถึงไบรอัน ก่อนจะรีบเดินตามเดนิสตรงไปยังห้องพักของเธอ
“เจ้านาย แน่ใจหรือครับ ที่จะให้ผู้หญิงข้างถนนคนนี้นอนพักในบ้านคืนนี้” ไบรอันเอ่ยถาม หลังจากนิ่งเงียบฟังมานาน
“อืม...” ไคล์รับคำในลำคอ ก่อนจะเอ่ยบอกต่อ “เราไม่เชื่อที่ธาราพูดสักเท่าไร เธอหลบสายตาของเราแทบตลอด
เวลา แต่...ถือว่าช่วยให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นไม่ต่างจากลูกนกหลงรังได้มีที่พักอาศัยหลับนอนก็แล้วกัน หากเธอคิดขโมยของในบ้าน ถึงตอนนั้นเราจะจัดการกับเธอเอง”
“ถ้ายังงั้น ผมจะให้เดนิสคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วยนะครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน” ไคล์พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นบิดกายไปมาด้วยความอ่อนล้า “เราจะไปนอนแล้ว ยังปวดหัวไม่หายกับเรื่องของปีเตอร์ นายไปบอกให้เดนิสอยู่เฝ้าธาราด้วยก็แล้วกัน”
“ครับเจ้านาย” ไบรอันรับคำอีกครั้ง
ไคล์ไม่อยู่รอฟังคำตอบรับจากไบรอัน เจ้าพ่อหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นบันไดบ้านตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง พอเดินถึงเตียงนอนใหญ่ ก็ทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ทว่า...ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ามากเพียงใด กลับข่มตานอนไม่หลับ เพราะยังจดจำภาพรอยยิ้มหวานๆ ของธาราได้ติดตา พลางนึกถึงถ้อยคำที่ตนเองขู่หญิงสาวไว้ด้วย
“ธารา...ถ้าเธอคิดเป็นหัวขโมย คุณได้เจอดีแน่”
ไคล์ยังคงระแวงธารา คิดว่าหญิงสาวอาจจะเป็นหัวขโมยที่แสร้งเล่นละครตบตา ให้เขามอบความสงสารให้กับเธอ จนยอมให้เธอพักค้างคืนอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
แต่...ไคล์หารู้ไม่ว่า ธาราไม่ได้ขโมยทรัพย์สินเงินทองของเขา แต่! เธอจะขโมยมากกว่านั้น นั่นก็คือการขโมยหัวใจของไคล์ พาร์กเคอร์ มาเป็นของเธอ...