“พาฉันมาที่นี่ทำไมกัน...สูงจนน่ากลัว”
หลังจากกินข้าวเสร็จ แคเรียลก็พาคาริสามาที่ที่เขามักจะมาเวลาเบื่อ เหงา หรือเศร้า ซึ่งมันเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในลาสเวกัส
“ฉันชอบ มันดูสงบดี”
แคเรียลบอกขึ้นพร้อมกับมองไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงและผู้คนมากมายยามค่ำคืน ถึงตอนนี้มันจะวุ่นวายขนาดไหนแต่เขากลับไม่ได้รับรู้หรือได้ยินอะไรเลยเวลาอยู่บนนี้
“อืม...ก็จริง”
และคาริสาก็เริ่มมองไปรอบๆและดื่มด่ำกับวิว ที่มีเพียงแสงสีของเมืองนี้ เธอไม่เคยขึ้นมาที่นี่เลยเพราะวันๆเอาแต่เรียนกับทำงาน
“หรือที่พาฉันมาเพราะเศร้าเรื่องเฮเลนเหรอ?”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
แคเรียลหันไปมองคาริสาอย่างแปลกใจ เพราะเรื่องความรู้สึกที่เขามีต่อเฮเลนนั้น นอกจากเจมส์และเฮเลนก็ไม่มีใครรู้
“ก็เห็นๆอยู่ว่าคุณชอบเฮเลน อกหักสินะ ตัดใจเถอะ สองคนนั้นน่ะเหมาะกันจะตาย”
“ถ้าวันนั้นเธอไม่เข้าไปยุ่ง บางทีจุดจบมันอาจไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้”
“ฉัน...ฉันบอกแล้วไงว่า...อึ๊!! อื้อๆๆๆ”
และอยู่ดีๆแคเรียลก็ดึงคาริสาที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเข้ามาจูบ ทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะพยายามดิ้นแต่กลับถูกเขาจับล็อคตัวเอาไว้แน่น
“ฮึ่ม!”
จากนั้นจูบของเขาก็เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนตวัดเข้าไปในปากเล็กอย่างหิวกระหายจนคาริสาที่อ่อนด้อยประสบการณ์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ไม่จริง...จะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ...
คาริสาได้แต่คิด เมื่อตอนนี้สติที่มีกำลังถูกเขากระชากจนมันแทบหลุดออกจากร่าง จูบที่ห่างหายมานานหลังจากเลิกกับแฟนคนล่าสุดทำให้เธอเองเริ่มรู้สึกโหยหา ก่อนจะเคลิ้มตามด้วยการตอบสนองอย่างเชื่องช้า
“อื้ออออ”
เสียงครางดังขึ้นไม่หยุด เมื่อตอนนี้ความต้องการเริ่มเกิดขึ้น แคเรียลบดเบียดร่างกายแนบชิดพร้อมจูบหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่รอบๆออกไปให้หมด
“จะ...จะทำอะไร...”
พอเขาถอนจูบออก คาริสาที่ตอนนี้หน้าแดงปากแดงเงยหน้าขึ้นถามเขาเสียงแผ่วเบา
“เธอไม่ใช่คนโง่ ดูไม่ออกจริงๆเหรอว่าฉันต้องการอะไร”
แคเรียลบอกขึ้น เมื่อเขาแทบไม่ได้แตะต้องผู้หญิงเลยช่วงนี้ เพราะเอาแต่ยุ่งกับงานและยุ่งกับเธอนี่แหละ พอได้แตะต้องความต้องการดันเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันว่าฉันกลับ...”
หมับ!
“ว๊าย! จะทำอะไร...นี่มันที่สาธารณะ อ๊ะ อื้อๆๆๆ”
คาริสาที่กำลังจะเดินหนีถูกเขาจับเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอกลับมาที่เดิมแล้วจูบปากเล็กอีกครั้งและครั้งนี้เขาไม่คิดปล่อยเธออีกแล้ว
ไม่นะ เขาจะทำแบบนั้น ไม่ได้นะลิซ่า ไม่ได้...
คาริสาพยายามบอกตัวเองให้ขัดขืนเขา แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนมันกลับไม่เป็นผลเพราะตอนนี้เขาควบคุมเธอจนหมดแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ ตอนนี้เขาเป็นคนควบคุมจนเธอหมดทางห้าม
ส่วนแคเรียล ยิ่งจูบเขาก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่เอื้อมเข้าไปในกระโปรงตัวสวยที่เธอใส่อยู่แล้วดึงมันขึ้นเพื่อเปิดทางให้เขาได้เข้าไปสัมผัสกับความเป็นสาวที่ซ่อนอยู่ด้านในกางเกงในตัวเล็ก
“อึ๊! อื้ออออออ”
พอมือใหญ่ล้วงเข้าไปสัมผัสกับกุหลาบสาวของเธอ คาริสาถึงกับสะดุ้ง ก่อนเขาจะบดขยี้อย่างไม่เบามือจนเธอเริ่มสั่นสะท้านไปกับความเสียวกระสันจากมือใหญ่ของเขา
“อ๊า!...คะ...คุณ ฉันจะไม่ไหวแล้ว อื้อออ ปล่อย อ๊ะ อื้อออ พอได้แล้ว”
พอปากร้อนเลื่อนไปหาลำคอระหง คาริสารีบบอกเมื่อเธอกำลังจะปลดปล่อยจากแรงขยี้ของเขา เสียงที่ขาดๆหายๆทำให้แคเรียลยิ่งเพิ่มแรงขยี้ ปากร้อนไต่จูบเรื่อยลงมาหาเนินอกอันแบนราบ ซึ่งจะเรียกได้ว่าแบนที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสมาเลยก็ว่าได้
“เล็กเกินไป...”
เขากระซิบบอกเมื่อดึงเสื้อในสีหวานของเธอลงแล้วเจอเข้ากับหน้าอกสาว ทำเอาคาริสาถึงกับเบิกตากว้าง
“นี่!...ปล่อยเลยนะ อ๊ะ! บอกให้หยุด อื้ออออ หยุดสิ...อื้อออ”
เธอถึงกับดิ้นรนอย่างไม่พอใจที่เขาบอกว่าหน้าอกของเธอเล็ก ทั้งๆที่มันเป็นความจริงแต่มาพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอมันก็เกินไป
“หึหึหึ เดี๋ยวบีบๆแล้วก็ดูดบ่อยๆก็น่าจะใหญ่ขึ้น”
“อ๊ะ! อื้ออ คนบ้า”
พูดจบ แคเรียวก็งับเข้ากับยอดอกของเธออย่างต้องการแกล้ง จากนั้นเขาก็เริ่มตวัดเลียอย่างช่ำชอง ส่วนนิ้วยาวก็เร่งขยี้สอดใส่จนคาริสาทนไม่ไหวปลดปล่อยออกมาคามือของเขา
“เล็กไปหมด แต่ก็พอได้”
แคเรียลกระซิบบอก เมื่อไม่ใช่แค่ตัวที่เล็ก แต่แทบทุกส่วนเธอทั้งเล็กและแบนราบไปหมด เหมือนเขากำลังล่วงละเมิดเด็กก็ไม่ปาน
“นิสัยไม่ดี”
สวบ!!
“อ๊ะ! อื้อ!!”
และเขาก็แทนที่นิ้วยาวด้วยลำเอ็นใหญ่ที่เขาแสนภาคภูมิใจ จนคาริสาสะดุ้งเมื่อมันมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่เธอจะรับไหว
“นี่ก็เล็ก ฮึ่ม!!”
ถึงจะบอกว่าเล็ก แต่เขากลับพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อมันดูดรัดและเล็กแคบจนทำให้เขาตื่นเต้นและเสียวกระสันจนแทบบ้า
“เจ็บ...เจ็บเกินไป...”
“หึหึ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บ”
และจากนั้น แคเรียลก็กระหน่ำรักใส่เธอไม่ยั้ง เขาไม่สนใจสถานที่ หรือคนรอบข้าง เมื่อตอนนี้เขาต้องการ และเธอก็ทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมากจนแทบลืมเรื่องเศร้าใจไปจนหมด
“แกแน่ใจเหรอ? หึหึ ถอดใจง่ายจังวะ”
“ครับ เควินแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ส่วนแคเรียลก็อยู่กับผู้หญิงอีกคน เห็นไปหาบ่อยๆ น่าจะตัดใจได้แล้วครับ”
“อืม ออกไปได้แล้ว”
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าคมค่อยๆหายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยความเครียดขรึมเมื่อ สตีฟ อดีตลูกชายมาเฟียที่เคยมีชื่อเสียง แต่หลังจากบิดาของเขาจากไป ทั้งอำนาจและชื่อเสียงที่ต้องเป็นของเขากลับถูกแคเรียลแย่งไป เขาพยายามอยู่หลายปีกว่าจะจัดตั้งกลุ่มมาเฟียของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ก็ยังไม่ใหญ่โตเท่าพวกของแคเรียลอยู่ดี
“อีกไม่นานหรอก ฉันจะเอาทุกอย่างคืนมาจากแก ไอ้แคเรียล...”
พูดจบ เหล้าชั้นดีในมือก็ถูกสาดลงคออย่างไม่สนใจความข่มปร่าของมันเลย เมื่อชีวิตของเขามันขมกว่าเหล้านี่เสียอีก
“สตีฟคะ อ่างอาบน้ำพร้อมแล้วค่ะ ส่วนเรียวจิก็พร้อมแล้วเหมือนกัน...”
ไม่พูดเปล่า แต่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวกลับถูกถอดออกและโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี เผยให้เห็นร่างบางที่ไร้ไขมันแถมยังมีมัดกล้ามและรอยสักอันน่าหลงใหลแทบทั้งตัวอีก สตีฟวางแก้วลงแล้วเดินเข้าไปหาด้วยสายตาลามเลีย
“ไปสักมาใหม่เหรอ...ตรงนี้...”
สตีฟถามขึ้นพร้อมกับลูบไล้รอยสักใหม่ของ เรียวจิ ที่เป็นรูปมังกรลากไล้เข้าไปยังกลางกายสาวอย่างน่าค้นหา
“ค่ะ มังกรมุดถ้ำ”
“หึหึหึ ชื่อดีนี่...”
“อ๊ะ! อื้อออ”
พูดจบ นิ้วยาวก็มุดเข้าไปในถ้ำของเธอเพื่อค้นหาส่วนหัวของมันทันที ทำเอาเรียวจิถึงกับสะดุ้งกัดปากแน่นอย่างเสียวซ่าน
“ถ้ำนี้อุ่นดีนะ”
สตีฟพูดขึ้นพร้อมกับสอดลึกเข้าไปในกายสาว จากนั้นเขาก็จัดการขยับนิ้วเข้าออกอย่างไม่คิดถนอม เมื่อเรียวจิเป็นเหมือนของเล่นชิ้นสำคัญของเขา และเธอยังเป็นมือสังหารชั้นเยี่ยมให้เขาได้อีกด้วย
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ เรียวจิจะเสร็จแล้วค่ะ อ๊า อ๊า อ๊า เรียวจิ อื้อ เรียวจิไม่ไหวแล้ว อ๊ายยยยย”
ไม่นานร่างบางก็สั่นระรัวแล้วปลดปล่อยออกมาคานิ้วยาวของเขา ก่อนที่สตีฟจะเอานิ้วออกมาเลียกินน้ำรักที่หยาดเยิ้มติดเต็มนิ้วอย่างไม่คิดรังเกียจ
“ขอกินก่อนค่อยไปอาบน้ำนะคะ”
และร่างบางก็ค่อยๆนั่งลงพร้อมกับงัดเอาความเป็นชายของเขาออกมา ทำเอาสตีฟถึงกับกัดกรามแน่น หน้าคมแหงนหงายขึ้นเมื่อถูกปากร้อนกลืนกินแท่งรักของเขา จากนั้นทั้งห้องก็ลุกเป็นไฟ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นไม่หยุด