“อะไรกัน ทำไมวันนี้ลิซ่าไม่มาทำงานล่ะ ลิซ่าลารึเปล่า?”
คริสเดินเข้ามาถามเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เพราะนี่เกือบจะเที่ยงแล้วแต่ยังไม่เห็นคาริสาที่ห้องทำงาน
“ไม่นี่ ฉันเองก็ไม่เห็น แต่ก็น่าจะไม่ได้ลานะเพราะแฮรี่ก็พึ่งถามหาไปเมื่อไม่นานนี่เอง”
“อืม...”
พอได้ยินแบนั้น คริสก็เดินกลับออกไป ก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาคาริสา เมื่อเขากลัวว่าเธออาจจะป่วยถึงไม่มาทำงาน
“หือ? ไม่รับแฮะ หรือว่าป่วยจริงๆ”
พอโทรไปไม่มีคนรับ คริสก็เริ่มเป็นห่วงและเป็นกังวลเมื่อปกติแล้วคาริสาแทบไม่เคยลาหยุดหรือเงียบหายไปแบบนี้
“คริส เข้ามาคุยกันหน่อยสิ”
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แฮรี่ก็เดินมาเรียกให้เขาเข้าไปคุยงานด้วย
“เอาไว้ค่อยไปดูที่ห้องเธอก็ได้ อาจจะป่วยจริงๆ”
คริสพูดขึ้น ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้าที่เดิมแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของแฮรี่ เมื่อยังไงงานก็ต้องมาก่อน
ส่วนคาริสา ตอนนี้ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงใหญ่ของแคเรียล หลังจากเสร็จกิจรักเขาก็อุ้มร่างหมดสติของเธอลงมาจากหอคอยนั่นแล้วพามาที่ห้องพักของเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่น
“ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอดังอยู่ในนี้ครับ จะให้ผม...”
“เอามานี่”
เจมส์เดินถือกระเป๋าสบายใบเล็กเข้าไปยื่นให้กับเจ้านายของเขา ก่อนแคเรียลจะเปิดมันออกแล้วเริ่มค้นดูในนั้น เขารู้จักคาริสามาเป็นเดือนแต่กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยนอกจากชื่อ นามสกุลที่ทำงานและวันเกิด
“โทรศัพท์ ล็อกรหัสแน่นอน...แล้วนี่ เครื่องสำอางเยอะดีแฮะ ส่วนนี่...กระเป๋าสตางค์”
และแคเรียลก็เจอของสำคัญของเธอ เขาเปิดมันออกดูและพบว่าเธอพกรูปครอบครัวเอาไว้ ซึ่งน่าจะตอนที่ยังเด็กอยู่
“มีพี่น้องด้วยแฮะ...”
เขามองดูรูปใบนั้น ซึ่งมีกัน 4 คน ก็น่าจะเป็นครอบครัวของเธอ ก่อนเขาจะเก็บมันไว้ที่เดิมโดยไม่ได้พลิกดูด้านหลังว่ามันมีชื่อของทุกคนในรูปเขียนเอาไว้อยู่
จากนั้นแคเรียลก็ค้นดูทุกซอกทุกมุมของกระเป๋าใบเล็กนั่น ซึ่งมีแค่บัตรประชาชนที่เป็นภาษาไทย บัตรกรีนการ์ดและบัตรเครดิตต่างๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย
“สมกับทำงานกับเอบีไอ แล้วเธอมีดีอะไรเอบีไอถึงให้ทำงานด้วย...”
และนี่ก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจของแคเรียล เขาไม่รู้ว่าคาริสามีดีอะไรถึงได้ทำงานที่นั่น และพอเขาสนใจเรื่องนี้มันเลยทำให้เขาสนใจในตัวเธอไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
“เอาคืนไป ถ้าเธอตื่นก็พาไปส่งด้วย”
แคเรียลยื่นกระเป๋าคืนให้เจมส์เมื่อมันไม่มีอะไรสำคัญเลย
“ครับ”
“ให้คนเตรียมรถด้วย ฉันจะไปดูงานที่ผับสักหน่อย”
“ครับ”
บอกเสร็จ แคเรียลก็ลุกเดินออกไปจากห้อง เมื่อเขามีทั้งผับ ทั้งคาสิโน และธุรกิจย่อยอื่นๆที่ต้องดูแลเต็มไปหมด คงมานั่งเฝ้าคาริสาทั้งวันไม่ได้ เพราะไม่รู้เธอจะตื่นตอนไหน
ที่นี่มัน...ไม่ใช่ห้องเรานี่...
ทางด้านคาริสา พอตื่นขึ้นมาเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเป็นที่ๆไม่คุ้นเคย และความทรงจำของเมื่อคืนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว ทำเอาเธอถึงกับหน้าแดงรีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวทันที
อ๊ายยยยยย ลิซ่า! นี่เธอทำอะไรลงไปห๊ะ!! ยัยบ้า ยัยสติไม่ดี อ๊ายๆๆๆๆๆ
เธอได้แต่ด่าทอต่อว่าตัวเองที่หลงใหลไปกับแคเรียลจนเกิดเรื่องขึ้น แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไง เธอนอนกับเขาไปแล้ว ยิ่งคิดคาริสายิ่งอยากตบตัวเองแรงๆแต่ได้แค่กัดฟันแน่น ก่อนจะดึงผ้าห่มลงอีกครั้งแล้วมองไปรอบๆห้อง
เขาไปไหน...ในห้องน้ำเหรอ...
คาริสาได้แต่มองสำรวจ ก่อนจะพบว่ามีแค่เธอที่อยู่ในห้องนี้ หญิงสาวค่อยๆพยุงร่างอันเจ็บหน่วงตรงกลางกายสาวลุกเดินไปยังห้องน้ำ จากนั้นเธอก็จัดการตัวเองและหาเสื้อผ้าใส่ ซึ่งก็เป็นชุดของเขานั่นแหละ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน
“ห้องนี้ใหญ่แฮะ...”
เธอมองไปรอบๆห้องอันกว้างขวางแต่กลับไม่เจอใคร
แกร็ก!
“ว๊าย! เอ่อ...”
ขณะกำลังสำรวจ ประตูห้องกลับเปิดออก ทำเอาเธอตกใจรีบเดินถอยหลัง
“คุณตื่นแล้วเหรอครับ ต้องการทานอาหารก่อน หรือต้องการให้ผมไปส่ง”
ลูกน้องของแคเรียลถามขึ้น เพราะเขาถูกสั่งให้คอยดูแลและไปส่งเธอ
“แล้วแคเรียล...”
“นายออกไปที่ผับ บอกให้ผมพาคุณไปส่งครับ”
“อืม งั้นฉันกลับเลยแล้วกัน”
และคาริสาก็เลือกที่จะกลับ เพราะเขาคงไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องเมื่อคืน มันก็แค่หนึ่งคืนที่ผ่านไปของเขา ซึ่งเป็นเธอเองที่เสียเปรียบเผลอตัวเผลอใจให้เขาทำแบบนั้น
และพอกลับมาถึงห้องพัก คาริสากลับรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เธอจัดการกับตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะโทรไปลางานแล้วกินยานอนพักเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหัวตัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่มีข้อมูลอย่างนั้นเหรอ?...จะเป็นไปได้ยังไง พวกแกรึเปล่าทำงานไม่ได้เรื่อง”
สตีฟหันกลับมาถามลูกน้องของเขา เมื่อเขาให้ไปหาข้อมูลของผู้หญิงที่แคเรียลควงอยู่แต่กลับมาบอกว่าเธอไม่มีข้อมูลอะไรเลยแบบนี้ จะให้เขาเชื่อได้ยังไง
“ผมให้คนของเราพยายามแล้วครับ แต่หาไม่ได้จริงๆ ข้อมูลของเธอถูกปิดเป็นความลับและถูกเข้ารหัสเอาไว้ด้วย มีแค่รูปไม่กี่ใบที่ได้มาจากการแอบถ่ายครับ”
“บ้าเอ้ย! ไม่ได้เรื่อง!”
“ขอโทษครับ”
สตีฟพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะยกรูปที่ได้มาขึ้นดู และดูยังไงผู้หญิงในรูปก็ไม่น่าจะใช่คู่ควงของแคเรียลได้ ตัวเล็กยิ่งกว่าเด็ก แถมดูยังไงอายุก็ไม่น่าจะเกิน 20 เสียด้วยซ้ำ
“แน่ใจเหรอว่าเป็นคนนี้”
“ครับ มีรูปที่เธอขึ้นรถไปกับแคเรียลด้วย นี่ครับ”
และสตีฟก็มองรูปในมืออย่างรู้สึกลังเล เมื่อเขารู้ว่าแคเรียลชอบผู้หญิงแบบไหน ถ้าไม่สวย ไม่โดดเด่น ไม่มีทางที่แคเรียลจะเสียเวลาควงเล่นแน่นอน
“หรือมีอะไรผิดพลาด ผู้หญิงคนนี้อาจไม่ใช่ผู้หญิงของมันก็ได้ คอยดูเอาไว้ก่อน”
สตีฟคิดไปอีกทางว่าบางทีคาริสาอาจทำงานให้แคเรียลก็เป็นได้ เมื่อคิดยังไงก็ไม่น่าใช่คู่ควงของแคเรียลแน่นอน
“มีอะไรคะ...ทำไมดูหน้าเครียดๆแบบนั้นล่ะ...”
เรียวจิเดินเข้ามาพร้อมกับกดจูบลงไปบนแก้มสากอย่างไม่สนใจคนอื่น เมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าเธอเป็นมากกว่าลูกน้องของสตีฟ เธอมองรูปถ่ายในมือของเขาแล้วถามขึ้น
“ผู้หญิงที่ไอ้แคเรียลยุ่งด้วยน่ะ เธอพอจะรู้จักรึเปล่า?”
“หือ? ขอดูหน่อย”
เรียวจิมองคนในรูปอย่างพิจารณาเมื่อเธอแน่ใจว่าคือคนเอเชียอย่างแน่นอน
“คนของเราหาข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ มันถูกเข้ารหัส เธอพอจะจัดการได้ไหม?”
“เข้ารหัสข้อมูลเหรอ หึหึหึ น่าสนใจจัง...เดี๋ยวจัดการให้ แต่ขอรางวัลใหญ่ๆหนักๆสัก 3 วัน 3 คืน...ได้ไหม?”
“ได้สิ ให้ 4 วันเลย”
และทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยสายตาสื่อความหมายออกมาอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่สนใจอีกหลายๆคนที่ยืนอยู่ด้วยเลย จนคนพวกนั้นต้องพากันหันหน้าหนีไปมองทางอื่นอย่างรู้งาน ก่อนที่เรียวจิจะกดจูบลงที่ปากหยักของเขาอย่างดูดดื่ม ซึ่งสตีฟก็ไม่ทำให้เธอได้ผิดหวังตวัดขาเรียวมาเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้
“หึหึหึ ไม่ไล่พวกนี้ไปเหรอ?...”
“ไม่จำเป็น”
สตีฟบอกขึ้นพร้อมกับงัดเอาความเป็นชายของเขาออกมา ก่อนจะสอดใส่เข้าไปในร่องสาวที่เบ่งบานรอเขาอยู่ทุกครั้งที่เขาต้องการ
สวบ!
“ฮึ่ม!”
เขาครางออกมาเมื่อสอดใส่เข้าไปในร่องสาวเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะดันเธอให้ไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วกระหน่ำรักอย่างไม่สนใจอะไรอีก ส่วนพวกลูกน้องของสตีฟก็ได้แต่อดทน เมื่อทั้งเสียงครางทั้งเสียงเนื้อกระทบเนื้อทำให้พวกเขาจินตนาการกันไปต่างๆนานาจนต้องเอามือลงมากุมเป้าของตัวเองเอาไว้ เมื่อยังไงพวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีความต้องการไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย