เพี๊ยะ! ฝ่ามืออวบขาวผ่องฟาดเข้าที่ใบหน้าบุรุษไม่ยั้งแรง ส่งผลให้ใบหน้าของชายวัยยี่สิบสามหันหน้าตามแรงโทสะ
"มารดา!" เสียงตกใจไม่คิดว่ามารดาจะลงไม้ลงมือกับตนถึง ตั้งแต่เล็กจนโตหากผิดท่านแม่ก็ทำเพียงชี้หน้าดุด่า
"เรียกข้าแล้วเงินมากมายจะได้คืนมาหรือยังไง เจ้ามันโง่ สตรีมากมายสกุลดียังไม่เสียเงินเพียงเท่านี้ ห้าหมื่นตำลึงทอง เจ้าได้ยินไหมว่าห้าหมื่นตำลึงทอง โอ๊ย! สมองของเจ้ามีแต่ฟางหรืออย่างไร ห๊า! ไช่กวง โจรขโมยเงินยังได้ไปไม่มากเท่านี้เลย! เจ้าลูกอกตัญญู!" สตรีวัยกลางคนโกรธจัดจนหน้าแดง ไม่รู้จะสรรหาคำด่าใดมาต่อว่าบุตรชาย
"ท่านแม่ฟังข้าก่อน" เขาเดินเข้าไปหามารดา พยายามใจดีสู้เสือ บีบแขนและหัวไหล่ให้กับหนิงเหนียนอานอย่างเอาอกเอาใจ แต่มารดาโกรธจัดสะบัดตัวไม่ให้บุตรชายเพียงคนเดียวแตะเนื้อต้องตัว
"จะพูดอะไรก็รีบพูด ไม่ต้องมาแตะตัวข้า"
"ขะ...ขอรับ ท่านแม่ ข้าไม่แตะตัวท่านก็ได้ คืออย่างนี้นะ วันนี้ข้ายอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพราะได้ให้คนไปสืบมาแล้วว่าหอนั้นแท้ที่จริงเจ้าของคือนาง เพียงใช้ชื่อมารดาเป็นเจ้าของเท่านั้น" เขากล่าวอย่างใจเย็น เห็นมารดายังไม่คลายโทสะก็กล่าวเสริมขึ้นอีก
"ท่านแม่คิดดูนะขอรับ หากข้าได้ตัวและหัวใจนาง หอแห่งนั้นไม่แน่ว่าจะกลายเป็นของข้า นางมีหน้าที่เชื้อเชิญแขกหรือไม่แน่ในภายหน้าข้าอาจจะใช้ให้นางรับแขก ส่วนเงินห้าหมื่นตำลึงทองของสกุลเรา ภายหน้าก็ต้องกลับมาเป็นของเรา ทั้งเรายังได้ในส่วนของนาง ท่านแม่ว่าไม่ดีหรือขอรับ"
"หึ! นางคณิกาไม่ได้โง่ทุกคน เจ้าคิดว่านางนั่นจะให้เจ้าหลอกง่ายๆ หรือไง"
"นั่นก็ไม่แน่ท่านแม่ ท่านอย่าลืมสิ สตรีเมื่อมีรักมักทำได้ทุกอย่างเพื่อหวังเอาใจชายของตน" วาจาเอื้อนเอ่ยกับมารดา ดวงตาเป็นประกายเมื่อกล่าวถึงสตรีที่เขาเพิ่งพบพานใบหน้า ที่แท้นางก็คือ
กู้หลันอวี้ เพราะนางชื่นชอบเขาตั้งแต่วัยเยาว์ ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่มีใครรูปงามเกินเขา อนึ่งตระกูลหนิงเรียกได้ว่ามหาเศรษฐี เงินทองมีใช้ไม่ขาดมือ มีใครบ้างเล่าไม่อยากเกี่ยวดองด้วย ยิ่งเขาแสดงทีท่าว่าสนใจนาง ขี้คร้านนางคงรีบเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างเขาแน่
"เจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้น? "
"ขอรับท่านแม่ หากไม่เพราะเป็นคำสั่งของท่านให้ข้ารีบมา ข้าวสารอย่างนางถูกข้าหุงเป็นข้าวสุกไป
เรียบร้อยแล้ว" เขาเอ่ยอย่างมั่นใจตนเองนัก ผู้เป็นมารดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เงินห้าหมื่นตำลึงทองก็เสียไปแล้ว สตรีผู้นั้นมีหน้าตาเยี่ยงไร ตัวนางเองก็ยังไม่เคยเห็น แต่คงไม่ขี้ริ้วขี้เหร่แลดูอัปลักษณ์นัก หาไม่นางคงไม่มายืนเป็นยอดคณิกาเป็นแน่ อนึ่งหากนางหลงรักบุตรชายของตนจริง เห็นทีเงินในคลังของจวนสกุลหนิงก็เพิ่มขึ้น โดยไม่เหนื่อยเปล่า เพียงแต่นางไม่คิดอย่างที่หนิงไช่กวงคิด
"แล้วเจ้าจะทำอย่างไร? แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่าจะไม่มีครั้งต่อไปที่เจ้าจะนำเงินมากมายเพียงนั้นไปให้นางนั่น"
"ท่านแม่โปรดวางใจ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง และข้ารับปากว่าจะเสียเงินอีกแน่ เพียงแต่ทางสกุลกู้" เขาแสดงทีท่าลำบากใจ จนหนิงเหนียนอานที่โทสะคลายลงไปกว่าครึ่งยังเริ่มรู้สึกระอาบุตรชายตนขึ้นมา
"เรื่องนี้แม่รู้ควรทำอย่างไร ส่วนเรื่องเจ้า..." นางใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของบุตรชาย เพื่อให้คำที่นางเอ่ยจำใส่เข้าไปในความคิด
"อย่าได้พลาด ข้าจะไม่ยอมเสียอะไรโดยไม่ได้ผลตอบแทน"
"ขอรับท่านแม่" เขายิ้มอย่างได้ใจ และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาคิดย่อมได้มา
ทิศใต้ของเมืองหลวง จวนหลังใหญ่สกุลกู้ รัตติกาลมืดมิดไร้ดาวประดับเดือน เรือนหรูอวี้กว้างขวาง โอ่อ่า อีกเครื่องตกแต่งภายในเรือนก็ล้วนเป็นสิ่งของล้ำค่ามีราคา ชี้ให้เห็นว่าเจ้าของเรือนเป็นที่รักยิ่ง
สตรีใบหน้างามมีเหงื่อผุดที่สองข้างขมับ หัวคิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตากลับกลอกอยู่ภายในดวงตาที่ปิดสนิท ทว่าอากัปกริยาเช่นนี้ส่งผลให้เปลือกตาขยับไปมาหยอกเล่นกันเอง
หมอกหนาจับตัวกันจนผู้อยู่เพียงลำพังหาทิศทางแสงสว่างไม่มีวันพบ จู่ๆ ดวงหน้าที่คล้ายตนแต่ใบหน้าเต็มด้วยเลือดเกรอะกรังโผล่มาทำให้นางที่หลับใหลต้องสะดุ้งตกใจตื่นพร้อมหวีดร้องชื่อ "หลันอวี้" ออกจากปาก
เมื่อดวงตาเปิดกว้างทำให้เจ้าของร่างที่นอนหายใจหอบเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองฝันไป
"หลันอวี้ เจ้ากลับมาได้อย่างไร? กู้หรูอวี้กำหมัดแน่น ลุกขึ้นไปยังหน้าต่างหวังรับลมเพื่อให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวดับมอดลง
"พี่สาว รู้หรือไม่ เพราะพี่สาวมีสีผิวเช่นนี้ทำให้เราทั้งสองแตกต่างกัน แต่ข้าก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ท่านไม่ใช่พี่สาวฝาแฝดกับข้า แล้วเหตุใดท่านต้องมามีใบหน้าเหมือนข้า!"
"ปล่อยข้าหรูอวี้" กู้หลันอวี้บิดตัว นางพยายามบิดข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลังหวังให้ข้อมือหลุดออกจากเชือกที่มัดอยู่
"อย่าหวังจะหลุดเลยพี่สาว" นางมองแววตาที่ตื่นกลัว หวาดระแวงและเริ่มสิ้นหวังอย่างสะใจ
"ข้าไม่เคยทำอะไรเจ้าเลย ทำไมเจ้าถึงต้องคอยแกล้งข้าด้วย"
"เฮ้อ...ถามเหตุผลที่แกล้งเจ้าน่ะหรือ? ท่านแม่ข้าเกลียดใคร ข้าเป็นบุตรย่อมต้องกตัญญูเกลียดผู้นั้นด้วย แต่จริงๆ แล้ว ข้าเกลียดเจ้า เพราะอะไรรู้ไหม ประการแรกตำแหน่งฮูหยินใหญ่ควรเป็นของท่านแม่ข้า- ไม่ใช่ของแม่เจ้า หากแม่เจ้าไม่ชอบท่านพ่อแล้วแต่งเข้าสกุลกู้ ทำไม หรือเพราะท่านพ่อร่ำรวยกว่าคนรักที่เป็นยาจกคนนั้น? "
"นั่นมันเรื่องของพวกท่าน ไม่ใช่เรื่องที่ข้ากับเจ้าต้องมาใส่ใจ ปล่อยข้าได้แล้ว"
"ข้ายังพูดไม่จบ" นางตรงเข้าไปจิกหัวกู้หลันอวี้ด้วยความเกรี้ยวกราด "ข้าไม่ชอบให้ใครนำชื่อข้าไปเปรียบเทียบกับเจ้า รู้ไว้เสียด้วยพี่สาว"
"ใครอยากเปรียบเทียบกับเจ้ากัน!" นางแผดเสียงร้องใส่หน้า
กู้หรูอวี้ทำให้นางหรี่ตามอง
"ข้าเริ่มเกลียดเสียงนี้ของพี่สาวเสียแล้ว" แววตามุ่งร้ายจ้องที่นัยน์ตาของกู้หลันอวี้ทำให้นางเกิดหวาดกลัวขึ้นมาอีกระลอกเพราะ
กู้หรูอวี้ได้ยินบ่าวแอบซุบซิบกันว่ากู้หลันอวี้กับนางหน้าตาละม้ายคล้ายกัน แต่แววตาของกู้หลันอวี้ดูซุกซน อีกเสียงใสกระจ่างทำให้นางที่แอบฟังรู้สึกโกรธ นางไม่ชอบให้ใครเหนือกว่า นางเกลียด!
กู้หรูอวี้หันไปทางสาวใช้ประจำตัว "เสี่ยวเจวีย พี่สาวข้าหิวน้ำแล้ว" สาวใช้ข้างกายพยักหน้ารับ หยิบถ้วยที่ด้านในบรรจุน้ำไว้มายืนตรงหน้าของกู้หลันอวี้
"คุณหนูใหญ่ดื่มน้ำหน่อยนะเจ้าคะ" กู้หลันอวี้ส่ายหน้า พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความตื่นกลัว "ไม่! ข้าไม่ดื่ม" เสี่ยวเจวียสาวใช้ผู้สัตย์ซื่อยกมุมปากหยัน "คุณหนูใหญ่อย่าดื้อสิเจ้าคะ มา! เดี๋ยวบ่าวป้อนให้นะเจ้าคะ มือคุณหนูไม่ว่าง" พูดจบนางสืบเท้าก้าวเข้าใกล้
แต่กู้หลันอวี้ใช้สองขาเล็กถีบ แม้จะไม่โดนเพราะสองขาได้เพียงถีบพื้นถดถอยหนี สองบ่าวที่ยืนดูสถานการณ์จำต้องมาจับตัว
"ท่านแม่…ท่านแม่ช่วยข้าด้วย!"
"เรียกหาท่านป้าหรือ? ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเสร็จธุระข้าจะพาไปหา เสี่ยวเจวีย กรอก!" บ่าวผู้ภักดีเดินเข้าใกล้ นางที่จำต้องช่วยเหลือตนเองใช้ขาถีบเสี่ยวเจวียจนถูกบริเวณหน้าขา บ่าวรับใช้รู้สึกถึงความเจ็บจนเกิดโทสะมืออีกข้างบีบข้างแก้มเพื่อให้นางเปิดปาก แล้วจับปากถ้วยกรอกน้ำใส่เข้าปาก แม้น้ำที่ถูกกรอกจะไหลออกจากปากแต่ถึงอย่างไรก็ถูกจับกรอกจนหมดถ้วย
"บ่าวบอกแล้วนะเจ้าคะ ว่าให้ดื่มดีๆ เห็นไหมหกไปเสียเยอะเลย" เสี่ยวเจวียเดินอ้อมด้านหลังคลายเชือกที่มัดไว้ ทำให้กู้หลันอวี้ผลักเสี่ยวเจวีย ไม่สนใจสาวใช้อีกคนสองคนที่ยืนมองดูสถานการณ์
"หรูอวี้!" นางวิ่งไปแล้วตบตีและบีบคอกู้หรูอวี้อย่างไม่ออมแรง ทำให้บ่าวทั้งสามกรีดร้องและวิ่งมาห้ามทันที
"ปล่อยข้า ข้าจะจัดการมัน! นางหรูอวี้ เจ้า! เจ้ามันเลว ปล่อย!"
เพียงไม่นานนักมือที่บีบต้นคอกู้หรูอวี้ต้องคลายออก ทำให้นางได้อากาศหายใจ โทสะในใจพลันคุกรุ่นขึ้นมา ดึงปิ่นปักผมออกมา "จับมัน" สาวใช้รู้งานจับตัวกู้หลันอวี้ไว้ตามคำสั่ง
กู้หรูอวี้เดินตรงเข้ามาด้วยแววตาอำมหิต มือกำปิ่นปักผมแน่นและกรีดเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายไม่ยั้งมือหมายคลายโทสะเมื่อครู่
ทว่ากู้หลันอวี้ไม่รู้ว่าตนเองจะเจ็บปวดที่ใบหน้าหรือลำคอเพราะจู่ๆ นางรู้สึกถึงความร้อน ราวกับมีน้ำมันร้อนๆ สาดเข้าในลำคอ มันเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าโดนน้ำมันจากกระทะกระเซ็น มือทั้งสองข้างไม่สามารถสัมผัสลำคอตนเองได้ นางได้แต่บิดตัวทรมานที่ใบหน้าและลำคอยิ่ง
ความเดือดดาลของกู้หรูอวี้ต้องหยุดลงและแปรเปลี่ยนเป็นความสะใจ เมื่อโลหิตก้อนใหญ่พวยพุ่งออกจากปากของกู้หลันอวี้
สาวใช้ปล่อยมือให้นางนอนบิดกาย สองมือกุมที่ลำคอด้วยความทุกข์ทรมานยากจะหาคำใดมาพรรณนา นางไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน ร่างที่เจ็บปวดทรมานนอนบิดกายใบหน้าบิดเบี้ยว โลหิตอีกกองพุ่งจากลำคอทำให้ใบหน้าแดงฉานแยกไม่ออกว่าเป็นโลหิตจากลำคอหรือจากใบหน้ากันแน่
"จำไว้ ข้าเกลียดเสียงและใบหน้าของเจ้า" กู้หรูอวี้โยนปิ่นปักผมที่เป็นอาวุธทำร้ายกู้หลันอวี้ไปข้างกาย
"ข้าให้ ปิ่นนี้แพงนะ เก็บไว้เผื่อจะใช้ประโยชน์ได้" นางกล่าวจบ สองขาที่ก้าวออกเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หยุด และหันมากล่าวกับสาวใช้สองคน
"เจ้าทั้งสองดูนางไว้ เลือดหยุดแล้วก็ค่อยพาออกไปยังที่ที่ควรอยู่"
"เจ้าค่ะ"