พ่อบ้านใหญ่แสดงสีหน้าไม่ถูก เมื่อจู่ๆ ก็มีคนของร้านผ้าของสกุลหนิงมาเรียกเก็บเงินหลายพันตำลึง สองฝ่ายโต้แย้งกันโดยพยายามใช้เหตุผลและหลักฐานของตนเองมากล่าว จนกระทั่งจื้อเหม่ยลี่เดินออกมาเห็นเหตุการณ์ที่ท่านพ่อบ้านตอบโต้กับคนของร้านผ้าเข้าพอดี
"เกิดอะไรขึ้นหรือท่านพ่อบ้าน? "
"นายหญิง เอ่อ.. คนของร้านสกุลหนิงมาขอเรียกเก็บค่าผ้าที่คุณหนูใหญ่ไปเลือกซื้อมาขอรับ"
"ผ้า? เช่นนั้นเจ้าก็จ่ายไปสิ"
"เอ่อ..คือ ข้าน้อยยังไม่เห็นใครมาส่งผ้าสักชิ้นเลยขอรับ อีกอย่างจำนวนเงินที่คุณหนูซื้อก็มากพอดู"
"มาก? เท่าไหร่ที่เจ้าบอกว่ามาก? "
"สี่พันสามร้อยตำลึงขอรับ" เขาเอ่ยพร้อมก้มศีรษะไม่กล้าสบตา
"ลูกค้าคนเดียวจะซื้ออะไรต้องมากมาย ไหนเอารายการซื้อมาให้ข้าดูทั้งหมดซิ" พ่อบ้านยื่นรายละเอียดการซื้อทั้งหมดให้จื้อเหม่ยลี่ดู หัวคิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตาเพ่งมองรายละเอียดการซื้อสินค้าของบุตรี มือค่อยๆ เปิดกระดาษออกทีละแผ่นสายตาเลื่อนดูทีละตัวอักษรและไล่ลงมาจนถึงจำนวนเงินที่ซื้อสินค้าไป
จำนวนเงินมากมายที่พอใช้ได้ในหลายเดือน กลับถูกบุตรีของตนซื้อผ้ามากมายที่ร้านของสกุลหนิง นางมักจะเอาแต่ใจมากขึ้นทุกวัน
"ไปตามคุณหนูใหญ่มา พบข้าที่เรือนรับรอง"นางเอ่ยใช้บ่าวรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างกาย ให้รีบไปตามกู้หรูอวี้ สาวใช้รีบทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
"แล้ว...แล้วค่าสินค้านี้ นายหญิงจะให้ข้าน้อยจัดการอย่างไรขอรับ" พ่อบ้านใหญ่มีสีหน้าวิตกกังวล จำนวนมากขนาดนั้นฮูหยินจะยอมจ่ายหรือ แต่อย่างว่าสตรีนางนี้รักหน้าตาของตนเองเป็นที่สุด
"จ่ายไป!" น้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจออกมา ในตามองพ่อบ้านใหญ่สลับกับคนของร้านคุณหนิงที่ดูเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ เพราะสายตาที่ยากจะคาดเดาทำให้คนบริเวณโดยรอบก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาผู้มีอำนาจ
"ขอรับ" เมื่อได้รับคำสั่งแล้วพ่อบ้านใหญ่ได้จัดการทุกอย่างด้วยความเรียบร้อย ด้านจื้อเหม่ยลี่นางตรงเข้าเรือนไปเพื่อรอให้บุตรสาวของตนตอบคำถามนาง
เสียงพิณจากเรือนหรูอวี้หยุดลง เจ้าของเรือนงามหันหลังให้กับสาวใช้ของมารดาที่มาแจ้งข่าว นางยืนอยู่นานเพื่อจะรอให้คุณหนูผู้เอาแต่ใจตอบรับ
"อีกครู่หนึ่งข้าถึงจะไป" นางยกถ้วยชาดื่มดับกระหาย ก่อนที่จะเอ่ยให้สาวใช้ประจำตัวมารดากลับไป
"เจ้าค่ะคุณหนู" สาวใช้ย่อกายแล้วรีบไปรายงานผู้เป็นนายได้สั่งการ พ้นร่างสาวใช้ของมารดานางลุกขึ้นแต่งตัวไปพบมารดาที่เรือนรับรอง
ณ เรือนรับรอง
"ท่านแม่กล่าวว่าอะไรนะเจ้าคะ? " กู้หรูอวี้มีสีหน้างุนงง ส่วนมารดาจับผิดทางสีหน้าของบุตรสาวก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
"เจ้าจะบอกว่าเจ้าดีดพิณอยู่ที่เรือนไม่ได้ไปไหนเลย? "
"เจ้าค่ะ ลูกเบื่อๆ เลยนำพิณออกมาดีด เพียงไม่นานท่านแม่ก็ให้บ่าวมาตามให้มาพบ แล้วอีกอย่างลูกเบื่อหน้าหนิงไช่กวง ทำไมข้าต้องไปหาเขาด้วย หากลูกอยากเห็นหน้าไยไม่ไปหาที่จวน ข้าไม่ได้มีความสุขทุกครั้งที่ปั้นหน้ายิ้มให้กับพวกคนนั้น จะเสียเวลาไปร้านของเขาทำไมกัน"
"ไม่ใช่หรูอวี้แล้วจะเป็นใคร" เสียงเบาที่บ่นกับตนเองดังเข้าไปที่หูของกู้หรูอวี้
"เรื่องอะไรกันแน่เจ้าคะ ลูกงงไปหมดแล้ว พอลูกมาถึงท่านแม่ก็ถามว่าข้าไปร้านแพรไหมของสกุลหนิงเพราะเหตุใด แล้วอะไรคือฝีมือใคร? " จื้อเหม่ยลี่ไม่อยากตอบคำถาม แต่ยื่นรายการการสั่งซื้อผ้าจำนวนมากให้กับกู้หรูอวี้ดู นางรับมาแล้วดูรายการที่ปรากฎบนกระดาษอย่างไม่มีตกหล่นสักบรรทัด และจำนวนเงินที่ต้องเสียไปเป็นจำนวนมากนัก
"ไม่ใช่ลูกเจ้าค่ะ หากลูกอยากได้จริงแค่เอ่ยปากบอก ไช่กวงก็ต้องเป็นฝ่ายหามาลูกเอง"
"เช่นนั้น" ใบหน้าราวกับนึกบางอย่างออกแต่ไม่เปิดปาก กู้หรูอวี้รู้ว่ามารดาตนหมายถึงใครก็ไม่พอใจขึ้นมา
"ต้องเป็นมันแน่ๆ นางแพศยาเป็นสตรีโคมเขียวแล้วยังใช่เล่นเล่ห์เพทุบาย"
"เจ้าคิดเหมือนแม่ใช่ไหม? "
"เจ้าค่ะ หากไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร มีเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าเหมือนลูกมากที่สุด มันหนีไปได้ศพนั่นไม่ใช่มัน"
"แต่จะใช่นางหลันอวี้จริงหรือใบหน้าและเสียงก็ถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว"
"ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอท่านแม่ เราตั้งรับสตรีสกปรกอย่างเดียวไม่ได้ต้องหาโอกาสตอบโต้มันบ้าง"
"ใช่! แม่ไม่ยอมเสียเงินจำนวนมากนี้ไปโดยง่ายแน่"
"เจ้าค่ะ ลูกก็ไม่ยอมให้ผู้ใดนำชื่อลูกไปแอบอ้างเช่นกัน" สองแม่ลูกนั่งแค้นใจที่ถูกจื้อซิ่งเหมี่ยนสวมรอย ทั้งตั้งใจว่าพวกนางจะเอาคืนแน่
หลังจากที่จื้อซิ่งเหมี่ยนเผยหน้าให้เหล่าบุรุษยลโฉม หอโคมเขียวแห่งนี้ก็แน่นขนัดไปด้วยผู้ที่ต้องการมาหาความสำราญทั้งในยามเย็นจนถึงดึกดื่นค่อนคืน ทว่าลูกค้าที่ต้องการดูการแสดงของนางต่างก็ต้องผิดหวัง เพราะนางไม่ลงมาแสดงร่วมเข้าสู่ราตรีที่สี่ และผู้ที่เฝ้าชะเง้อหานางมากที่สุดย่อมเป็นหนิงไช่กวง
"คุณชายหนิงเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าน้อยนำสิ่งนี้มามอบให้เจ้าค่ะ" หนิงไช่กวงที่ดื่มชาอย่างไร้อารมณ์เพียงเพราะสตรีที่เขาต้องการพบหน้าไม่ยอมลงมา แม้เขาจะพยายามขอพบนางแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับ มีเพียงข้ออ้างว่านางป่วย จนเมื่อครู่มีสาวงามนางหนึ่งเดินตรงมาและยื่นกระดาษให้กับเขา เขารีบหยิบมาจากมือเรียว รีบคลี่กระดาษออก
"พรุ่งนี้ยามอู่โรงเตี๊ยมฟู่หลง" เนื้อความทำให้เขายิ้มออกมาได้
"คุณชายหนิงจะรับสุราเพิ่มอีกสักกาไหมเจ้าคะ? "
"นอกจากสุรา รับอย่างอื่นด้วยได้หาหรือไม่? " เมื่ออารมณ์ดีขึ้นสายตาวาบหวามก็ส่งผ่านไปยังนางโลม
"นั่นก็แล้วแต่คุณชายหนิงต้องการเจ้าค่ะ" สาวงามในหอนางโลมมองสายตาของหนิงไช่กวงกลับแสร้งทำหน้าเอียงอาย แต่ไม่ว่าทุกการกระทำระหว่างคนสองคนใช่จะไม่อยู่ในสายตาของจื้อซิ่งเหมี่ยน นางดูอากัปกิริยาของเขาอยู่"น่ารังเกียจ" นี่คือคำที่นางคิดถึงชายที่นางแอบมองอยู่ในเวลานี้
"บุรุษผู้นั้นมีอะไรดีนักหนา" น้ำเสียงหยอกเย้าดังมาไม่ไกลนัก ทำให้จื้อซิ่งเหมี่ยนหันมาทางเจ้าของเสียง นางรู้ว่าเขาเป็นใคร
"ท่านอีกแล้วหรือ" จื้อซิ่งเหมี่ยนรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาพบบุรุษผู้นี้เสียจริง " ลุงเฟิ่งให้ท่านมาช่วยดูแลหอในช่วงที่ท่านไม่อยู่ ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องเกรงใจท่าน" เขาไม่ได้สนใจคำนาง เดินวนรอบตัวนางเสียหนึ่งรอบจนนางรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา "นี่!" เขาหยุดยิ้มให้ไม่ได้
"ข้าก็ช่วยดูแลดวงใจของนายหญิง ผิดตรงไหน"
"ข้าอยากรู้แล้วสิ ว่าท่านเป็นใครกันแน่? "
"ก็บอกแล้วไงเล่าว่าข้าคือ จ้าวยวี่เสียง"
"อ้อ...คุณชายจ้าว ข้าจะสนใจบุรุษผู้ใดไม่เกี่ยวกับท่าน อีกอย่างห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของข้า แม้ท่านจะกร่ำศึกหรือฝึกยุทธ์จนล้ำเลิศ สามารถเข้านอกออกในได้ แต่โปรดหลีกทางและตระหนักให้ได้ด้วยว่าไม่สมควรเข้ามา ถ้าข้าไม่อนุญาต" นางเดินสวนเขาอย่างไม่ใส่ใจ หมายจะไปเปิดประตูเชิญให้เขาออกจากห้อง
"เพราะสกุลหรือเงินทอง? " น้ำเสียงของเขาเริ่มมีท่าทีจริงจังขึ้นมา
"เป็นสะใภ้สกุลใหญ่ เงินทองไม่ขาดมือไม่ดีตรงไหน"
"จะว่าดีก็ดี แต่หากไม่...เฮ้อ! สู้แต่งให้กับบุรุษร้างมารดาเสียดีกว่า ไม่ต้องคอยเอาใจแม่สามีหรือเจอปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้"
"ขอบคุณคุณชายจ้าวที่ช่วยชี้แนะ ข้าน้อยคงไม่คิดบังอาจรบกวนคุณชาย อ๊ะ! มีสิ่งหนึ่งที่ข้าน้อยจะรบกวนคุณชายจ้าวไม่ทราบว่าจะรังเกียจหรือไม่"
"เชิญว่ามา" เขาผายมือเพื่อให้นางเอ่ยคำร้องขอให้เขาช่วย
"อีกด้านหนึ่งของหอมีคนมารายงานว่าลูกค้าต้องการบุรุษรูปร่างกำยำ ล่ำสัน คล้ายผู้ฝึกยุทธ์ไปปรนนิบัติ ข้าน้อยเห็นว่าคุณชายจ้าวเหมาะสมที่สุดเพราะไม่เพียงแต่มีรูปร่างตรงใจลูกค้า หากแต่ยังมีรูปหน้าที่งดงามราวเทพเซียน ไม่แน่ว่าการที่ท่านช่วยเหลือข้าและหอของเราในครั้งนี้อาจจะส่งผลดีต่อท่านก็เป็นได้นะเจ้าคะ ตำแหน่งฮูหยินสกุลใหญ่อาจรอท่านอยู่เบื้องหน้า" เขานึกขำ 'นางจะส่งให้เขาไปปรนนิบัติบุรุษหรือ เขานิยมกดสตรีมากกว่าถูกบุรุษด้วยกันกดทับ'
เขายิ้มตอบพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ส่งให้
"แล้วคุณหนูไม่สนใจข้าบ้างหรือ? "
"ใบหน้าของคุณชายทำให้ข้าสะดุดตา ทว่า...วาจากลับมิทำให้สะดุดใจ เพราะฉะนั้น..ข้าก็ไม่สน!" นางกล่าวจบก็เดินจากไปในเมื่อเขาไม่ออกจากห้อง นางเป็นผู้ออกไปเองก็ได้
ถ้อยคำของนางและท่าทางที่แสดงออกนั้นทำให้เขานึกขันกับ
ฝีปากของสตรีนางนี้เหลือเกิน
"ข้าจะดูสิงห์น้อยเช่นเจ้าจะร้ายกาจสักเพียงใด" เขายืนมองร่าง
จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินเลี้ยวตามทางเดินจนลับตา
"เหนียนอ๋อง โรงเตี๊ยมฟู่หลง ยามอู๋พ่ะย่ะค่ะ เขาพยักหน้ารับ "ดูแลให้ดี ห่างๆ อย่าให้จับได้"
"พ่ะย่ะค่ะ เหนียนอ๋อง"