กู้ไต้ฝู่รู้สึกงงงวยเมื่อเขาเดินผ่านเรือนคนใช้ และเห็น
อี่เซวียนขอบตาแดงและมีรอยแดงเถือกที่ข้างแก้ม
"เจ้าไปโดนอะไรมา? "
"นายท่าน!" อี่เซวียนหันมาและมีสีหน้าตกใจ "ข้าถามว่าเจ้าไปโดนอะไรมา หรือหรูอวี้ทำร้ายเจ้า? " นางไม่ตอบคำ มีเพียงแต่น้ำตาที่เริ่มก่อตัวใต้ขอบตาแทนคำตอบไดัดี
"เกิดเรื่องอะไร เจ้าทำอะไรให้นางไม่พอใจเข้า" นางเงยหน้ามองกู้ไต้ฝู่คราแรกนางนึกว่าเขาจะห่วงใยตน แต่เมื่อหลุดคำมาก็ไม่พ้นปกป้องสตรีร้ายกาจอย่างกู้หรูอวี้ เหมือนว่าเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยขึ้นอีกครา
"เจ้าอย่าคิดว่าข้าปกป้องนางจนหลงลืมเจ้า นางดื้อรั้นนั่นก็จริงอยู่ แต่เจ้าต้องตระหนักถึงฮูหยินด้วย นางรักบุตรีจนไม่ฟังคำของผู้ใด หากนางรู้เรื่องของเจ้า เจ้ารู้นี่ว่าฮูหยินจะจัดการอย่างไร"
"เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว เจ้าก็อย่าเอามาใส่ใจ" เขาใช้มือตบบ่านางเบาๆ ปลอบใจแทนที่จะใช้ฝ่ามือลูบศีรษะเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครจับได้
อี่เซวียนมองตามร่างของกู้ไต้ฝู่ที่เดินจากไป นางทอดถอนหายใจและเดินหันหลังกลับเข้าเรือนคนใช้ไปจัดการเก็บข้าวของ เพื่อทำตามคำสั่งของกู้หรูอวี้
"เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้ยินท่านแม่จะรับอนุใหม่ให้ท่านพ่อ"
กู้หรูอวี้เดินวนรอบร่างกายที่เปลือยเปล่าของอี่เซวียนพลางพิจารณารูปร่างของอีกฝ่ายอย่างขอไปที
"รูปร่างและผิวพรรณเจ้าก็จัดว่าใช้ได้ เเต่หากจะอยู่จวนนี้ยากนักที่จะโผล่หน้าออกมาร่วมสนทนาแม้แต่ร่วมโต๊ะก็ยังยาก ฐานะเจ้ากับอนุทั้งหลายเทียบกันไม่ได้เลยนะ " อี่เซวียนยังคงก้มหน้าไม่มีคำถามใดๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนางจึงเงยหน้าสบตาคู่สนทนาเพียงเสี้ยววินาทีก็ก้มหน้าเหมือนเดิม
แต่การกระทำของนางกลับกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายเข้า นางกระชากเส้นผมและง้างมือฟาดไปที่หน้าของอี่เซวียนอย่างแรง
"อย่าคิดสร้างความอัปยศให้กับจวนสกุลกู้" อี่เซวียนมิได้ต่อสู้หรือแม้แต่ปกป้องตัวเอง นางทำได้แต่แน่นิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตนให้เจ็บ น้ำตาคลอเบ้าไร้เสียงสะอื้นไห้ ข่มความเจ็บปวดเอาไว้
"จัดการสวมเสื้อผ้าซะ” นางมองใบหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา “ข้าขอบใจนะที่ดูแลพ่อข้าให้สุขสมเสีย ต่อไปนี้ไม่ต้องมารับใช้ข้าอีก เพราะข้าจะให้เจ้าไปรับใช้คนอื่น"
"คุณหนู ไม่นะเจ้าคะ บ่าวสัญญาจะไม่ทำอีกเจ้าค่ะ" นางรีบทรุดตัวลงคุกเข่า อ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เพราะนอกจากจะถูกนางผลักแล้วยังถูกฝ่าเท้ายันอย่างไร้ซึ่งความปรานี
ชายรูปร่างกำยำ ใบหน้าเหี้ยมฉุดกระชากลากถูอี่เซวียน
ให้เข้าไปยังสถานที่ที่นางไม่คุ้นชิน แต่ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าที่นั่นคือที่ใด
"คุณหนู บ่าวไม่ไปเจ้าค่ะ" อี่เซวียนพยายามตะโกนเพื่อหวังว่าคนภายในรถม้าจะเปิดม่านแล้วร้องห้ามสักครา แต่ความหวังก็มอดดับ เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวออกไป
"คุณหนู" อี่เซวียนตะโกนร้อง แต่ก็ไร้ประโยชน์ นางแทบจะทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น ทว่ายังมีชายผู้นั้นจับแขนไว้อยู่ รอจนรถม้าไปไกลจนลับตาอี่เซวียนลุกขึ้นปัดฝุ่น ชายผู้นั้นก็ปล่อยมือ
"เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? "
"ไม่! ไปเถอะ" ทั้งสองไม่ได้เดินเข้าหอนางโลมที่กู้หรูอวี้นำนางมาขาย แต่คนทั้งสองเดินไปในทิศตรงกันข้าม โดยมีสตรียืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านบนพร้อมเอ่ยสอนเด็กน้อยที่รู้ความ
"จำไว้นะฮุ่ยกวง ไม่ว่าชีวิตใครย่อมรักชีวิตของตน เมื่อมีคนตีเจ้า เจ้าย่อมเจ็บเป็นธรรมดา ฉันใดก็ฉันนั้นการที่เรากระทำกับผู้ใดผลกรรมย่อมย้อนกลับไปยังคนผู้นั้นไม่ช้าก็เร็ว"
"แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับพี่อี่เซวียนเล่าเจ้าคะ"
"พวกนั้นทำกับพี่สาวของพี่อี่เซวียน นางก็ต้องแก้แค้นแทน ไปเถอะประเดี๋ยวพวกเขาจะรอนาน" จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินนำฮุ่ยกวงไปยังห้องหนึ่ง เห็นอี่เซวียนนั่งใช้พัดโบกให้ตัวเอง
"พี่อี่เซวียน"
"คุณหนูจื้อ" นางลุกขึ้นคารวะ ส่วนนางก็คารวะตอบ ทั้งสองก็นั่งลงสนทนากัน
"อิ๋งเจี๋ยเป็นอย่างไรบ้าง"
"นางดีขึ้น หลานของพี่ก็โตขึ้นมากเลย" นางยิ้มให้ พอกล่าวถึงหลานของอี๋เซวียนเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น เด็กน้อยวัยสี่ปีเศษก็คือน้องชายต่างมารดา ความมักมากของกู้ไต้ฝู่และความอำมหิตของจื้อเหม่ยลี่เมื่อรู้ว่าสาวใช้หน้าตาดีมาอุ่นเตียงและตั้งครรภ์ ก็ทุบตีอิ๋งเจี๋ยจนนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดีที่นางยังมีสหายในจวนสกุลกู้ รีบพานางไปหาพี่สาวที่อดีตนางถูกขายไปอยู่ในหอนางโลมแห่งหนึ่ง ส่วนอิ๋งเจี๋ยถูกขายไปเป็นบ่าวในจวนสกุลใหญ่ นั่นคือจวนสกุลกู้
นางเคยนั่งรถม้าและเห็นอี่เซวียนยืนลอบมองสกุลกู้อยู่นาน ถามจนได้ความก็รู้ได้ว่านางมีความแค้นกับคนสกุลกู้ เงินน่ะนางมีแต่คนช่วยเป็นหูเป็นตาแทนนางนั้นยากที่จะหา แต่เมื่อมีศัตรูคู่แค้นคนเดียวกันไยนางต้องปล่อยโอกาส นางอยากแก้แค้นแทนน้องสาว
จื้อซิ่งเหมี่ยนก็อยากแก้แค้นคนที่ทำกับนางและมารดาเช่นกัน
"อยู่ที่นั่น พี่อี่เซวียนลำบากแล้ว"
"ไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่เอาใจนางคุณหนูนั่นยาก" นางนิ่งไปสักพัก แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยคำ
"เอา! นี่ของท่าน ใต้เท้ากู้แอบลอบนำเกลือที่จะต้องส่งทางการซุกซ่อน ทำให้ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเกลือขาดแคลน และเมื่อถึงเวลาเขาก็ค่อยๆ นำออกมาขาย" นางยื่นสมุดบัญชีและการกระจายเกลือไปตามที่ต่างๆ
"แล้วนี่คืออะไร? "
"ข้าไม่รู้ แต่เห็นว่าเมื่อใดที่ลับตาผู้คนหรือยามวิกาล เขามักจะไปสวนหลังจวน" จื้อซิ่งเหมี่ยนนิ่งไป ไม่รู้ว่าข้างหลังนั้นเก็บซ่อนอะไรไว้อยู่
"แล้วทำไมคุณหนูกู้ถึงคิดขายพี่เล่า หรือนางไม่พอใจที่พี่ให้ความสุขกับบิดาของเขา"
"พอใจหรือไม่ ข้าไม่สน คราแรกจะส่งข้าไปเป็นสาวใช้ที่จวนเหนียนอ๋อง ก็อย่างที่เจ้าเห็นนางสนใจเหนียนอ๋อง คิดหวังให้ข้าคอยเป็นหูเป็นตาแทนนาง หึ! พอเห็นลีลาเริงรมย์ระหว่างชายหญิงสติก็แตกกระเจิง เที่ยวถามอยู่เป็นนาน นางก็แพศยาคนหนึ่งนั้นแหละ ไม่ใช่แค่สตรีโคมเขียว เห็นชายถูกใจก็หวังจะได้มา" พอกล่าวถึงเหนียนอ๋อง นางรู้สึกว่าตัวเขามีประโยชน์กับนางมากกว่าอำนาจ ก่อนที่นางจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ คำถามของอี่เซวียนก็ทำให้นางหันไปสนใจ
"ข้าได้ข่าวมาว่าคุณหนู จะเปิดขายพรหมจรรย์? " นางพยักหน้ารับ อี่เซวียนกล่าวต่อไปอย่างไม่นึกเกรงใจ
"ข้านึกว่าคุณหนูจะมอบครั้งแรกให้กับเหนียนอ๋องเสียอีก"
"เหตุใดถึงคิดเช่นนั้นเล่า? "
"แววตาของเจ้ามักมีอารมณ์ต่อเขา มากกว่าชายอื่นที่ข้าเคยเห็นเจ้ามอง" นางเลิกคิ้วเพื่อหวังให้อี่เซวียนขยายความ นางย่อมรู้จึงได้แถลงไข
"วันที่เจ้าและสองแม่ลูกตระกูลกู้ไปที่จวนเหนียนอ๋อง แววตาเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่พบสตรีอื่นนอกเหนือจากเจ้าที่ควรอยู่ข้างเขา”
“พี่กล่าวเกินไปแล้ว ข้าหาได้คิดอันใดกับเขาเสียหน่อย”
“หึ! เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว เจ้าแทบจะไม่ใช้ความคิดในการเฟ้นหาคำพูดมาต่อว่าหรือเสวนากับเขา แต่เปรียบกับชายอื่นเจ้ามักหลีกเลี่ยงอย่างนุ่มนวล” นางไม่เอ่ยตอบใดๆ แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากที่ทำให้นางโกรธเคืองทุกครั้งและต้องให้นางพูดจากระทบกระเทียบใส่เขาตลอดเวลา
“เรื่องของท่านอ๋องนั่นเป็นเรื่องระหว่างท่านทั้งสอง ข้าไม่ยุ่งเกี่ยว แต่...คุณหนูจื้อ สตรีเช่นข้าและคนอื่นๆ ในหอก็เหมือนกับยื่นด้ายแดงให้กับบุรุษหนึ่งที่ไม่เคยได้พบหน้ามาก่อนในชีวิต ค่ำคืนแรก เมื่อโลหิตพรหมจรรย์หยดแรกได้หลั่งลงมา ทำให้ผ้าผืนขาวต้องแปดเปื้อน ผ้าผืนนั้นก็มิอาจกลับมาบริสุทธิ์ได้อีกเลย อย่าตำหนิที่ข้าริอาจสั่งสอนคุณหนู"
"ข้าเข้าใจ แต่ข้ามีแผน"
"อย่าบอกว่าแผนสับเปลี่ยนคน แม้ฉลาดแต่ยังไม่ดีพอ"
"พี่อี่เซวียนหมายความว่าอย่างไร? " นางยิ้มและอธิบาย
ส่วนจื้อซิ่งเหมี่ยนก็รับฟังความคิดเห็นของอี่เซวียนโดยไม่ได้เอ่ยขัดสักคำ
"พี่อี่เซวียนโหดกว่าที่ข้าคิดอีกนะ"
"ก็พอๆ กับเจ้า ใครใช้ให้พวกนั้นไม่เห็นคุณค่าของคนกันเล่า"
"แต่ก็ถือว่าดีที่ข้ายังมีบุญได้เห็นหน้าน้องชายหนึ่งคน"
"พูดถึงเขา ข้าไปเยี่ยมนางกับหลานข้าก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องนั้นคุณหนูก็ไปคิดว่าแผนข้าควรหรือไม่" นางพยักหน้ารับและก็ให้
อี่เซวียนเดินออกจากห้อง โดยมีฮุ่ยกวงยืนรออยู่ด้านนอก
"พี่อี่เซวียน"
"โตขึ้นมากเลยนะ ขอบใจที่ช่วยเลี้ยงหลานของข้า ข้าติดหนี้บุญคุณสาวน้อยแล้ว"
"งั้นพี่อี่เซวียนจะตอบแทนข้าใช่ไหม? " นางตอบรับคราหนึ่ง
"ข้าชอบเหนียนอ๋อง"
"ข้าก็ชอบ"
"ห๊า!" นางตาโตเมื่อได้ยินว่าอี่เซวียนก็ชอบเหนียนอ๋อง สตรีที่นี่ร้ายกาจ หากชื่นชอบใครพวกนางจะยื้อแย่งมา แล้วนางจะได้หรือ?
"เด็กโง่ ข้าจะแย่งเหนียนอ๋องจากเจ้าให้ท่านน้าเจ้าต่างหากเล่า ทั้งตัวเจ้าและของลับของเจ้า เล็กเพียงนั้น ยังใช้งานไม่ได้หรอก ไปเรียนศิลปะให้มากกว่านี้เพื่อสืบทอดตำแหน่งนางคณิกาอันดับหนึ่งแทนท่านน้าเจ้าเถิด"
"เรียน? ข้าไม่เรียนหรอก ข้านั่งนับเงินแบบท่านยายดีกว่า ไม่เปลืองตัวเปลืองแรงด้วย"
"เลือดท่านน้าเจ้าแรงดีแท้ แต่ก็เอาเถอะ นี่หอของนางและพวกข้าก็เต็มใจทำงานที่หอของนาง ข้าไปก่อนล่ะ"
จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินออกไปยืนที่หน้าต่าง มองไปไกลสุดสายตาเห็นผู้คนเดินไปมา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นางต้องสนใจ เท่ากับผู้ชายที่เห็นแต่ไกลก็รู้ว่าใคร
"อี่เซวียนแผนท่านก็ไม่เลวดีนะ ลงหมากตัวเดียวกินทั้งกระดาน" นางตัดสินใจรอก่อนเสียดีกว่า จึงเดินออกไปนอกห้องก็เห็น
ฮุ่ยกวงยืนรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ไปเถอะ!"
"ไปไหนหรือเจ้าคะท่านน้า"
"ไปนั่งนับเงิน เตรียมสินเจ้าสาวให้เจ้า"
"ข้าชอบเหนียนอ๋องก็จริง แต่ไม่ใช่..."
"หลานสาวข้าโตเป็นสาวแล้วหรือนี่ แต่ถึงอย่างไรข้าก็คงให้เจ้าแต่งกับเหนียนอ๋องไม่ได้หรอก" หากรัชทายาทเป็นบิดาของฮุ่ยกวงจริง เขาก็คือญาติผู้หนึ่งของนาง
"ข้าก็ไม่คิดจะแต่งกับสาวน้อยคนนี้หรอก สู้แต่งกับน้าดีกว่า ได้ฮูหยินและได้หลานสาวไปพร้อมกัน"
"เหนียนอ๋อง" เสียงของฮุ่ยกวงดังพร้อมกับรอยยิ้ม
"ขอข้าคุยกับน้าของเจ้าตามลำพังได้ไหม? "
"เพคะ" ฮุ่ยกวงยินดียิ่ง ย่อกายวิ่งจากไปเปิดโอกาสให้
จื้อซิ่งเหมี่ยนกับชายที่ตนชอบได้อยู่ด้วยกัน ใครว่านางต้องการเป็นคนรักของเขา นางอยากให้เหนียนอ๋องเป็นคนรักของท่านน้าของตนต่างหากเล่า
"เหนียนอ๋องมีเรื่องใดจะกล่าวกับหม่อมหรือเพคะ"
"คุยห้องเจ้าดีกว่า"เขามีสีหน้าเงียบขรึม ไม่ดูเจ้าเล่ห์จึงทำให้นางรู้สึกว่าเรื่องที่เขามาวันนี้คงจะไม่ได้มาเพื่อเกี้ยวนางเป็นแน่
"ที่นี่ก็คุยได้" หากแต่เขาไม่คิดที่จะตอบ กลับเดินไปตามทางเพื่อขึ้นบันไดไปห้องที่เขาคุ้นเคย นางจำต้องเดินตามเขาเข้าไป เห็นเพียงด้านหลังกว้างแต่มิอาจบ่งบอกว่าด้านหน้าของบุรุษผู้นี้จะมีสีหน้าเงียบขรึมเหมือนเมื่อครู่หรือไม่