สองพี่น้องตระกูลเถา 2

1299 Words
ด้านจื้อเหม่ยลี่ให้การต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างดี ยิ่งเถาเหยายื่นซองแดงเป็นค่าสินน้ำใจให้เมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก เมื่อกลับถึงเรือนนางเปิดซองดู ก็ถึงกับตะลึง 'ตั๋วเงินห้าพันตำลึง'เงินมากถึงเพียงนี้ สำหรับการมาเยือนและพักอาศัยชั่วคราวของเถาซือซือ ดีที่นางไม่แล้งน้ำใจเอ่ยท้วงให้เขาอาศัยที่จวนของตนดีกว่าไปพักที่โรงเตี๊ยม แม้เขาจะปฏิเสธ นางยังดึงดัน จนเขายอมที่จะอาศัยอยู่ที่จวนสกุลกู้ในยามที่กลับมาจากดูแลงานของสกุลและนั่นก็ทำให้นางสามารถแสดงน้ำใจให้สำหรับผู้มาเยือนเช่นคนสกุลเถาได้ หลังจากที่เถาเหยาเดินทางไปกลับบ้านสกุลกู้บ่อยเข้า ราวกับว่าเขาเป็นญาติห่างๆ ของคนสกุลนี้ไปเสียแล้ว การไปกลับจวนสกุลกู้นั้น เขามักแสดงน้ำใจโดยมักหยิบยื่นของขวัญมามอบให้กับ จื้อเหม่ยลี่บ่อยๆ จนนางเองยังรู้สึกเกรงอกเกรงใจแขกประจำของจวน วันนี้เป็นวันดีอีกหนึ่งวันที่เถาเหยาไม่ต้องจัดการงานที่ค้างของสกุล เขาจึงมีโอกาสได้ดื่มน้ำชากับจื้อเหม่ยลี่ “ข้าให้” เถาเหยาหยิบบางอย่างออกมาส่งให้จื้อเหม่ยลี่ นางมองของชิ้นนั้นด้วยสายตาเปล่งประกาย แต่ยังปฏิเสธ เขาเลิกคิ้วโก่งขึ้นเป็นเชิงถาม “งดงามแต่ไม่เหมาะกับข้าหรอก คุณชายเถาเก็บให้น้องสาวหรือไม่ก็สตรีที่ชื่นชอบเสียดีกว่า ข้าแก่แล้วจะมาใส่ของล้ำค่ามีราคา จะกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนขบขันกัน” น้ำเสียงกลั้วยิ้มเอ่ยออกมา แต่ในใจกับคิดอยากได้ กำไรนี้งดงามนัก ฝังอัญมณีที่โดดเด่น ใครเห็นแล้วไม่ชอบก็แปลก “ข้าให้ ฮูหยินก็อย่าได้คิดมาก แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ส่วน เถาซือซือ นางมีเยอะจนไม่อยากจะใส่แล้ว หากจะกล่าวว่าสตรีของข้าในภายหน้า ข้าคงให้มากกว่านี้ถ้านางยินดี...” เขาจ้องมองไปยังดวงตาอีกฝ่าย เห็นความพึงพอใจในคำพูดของเขา เขาถือวิสาสะยกแขนนางและสวมกำไรเข้าที่ข้อมือ นางแอบเผลอพิจารณากำไรในข้อมือตนแต่เมื่อรู้ว่าตนเสียมารยาทจึงเงยหน้าสบตาชายที่กำลังจ้องตนเองอยู่ ทั้งคู่นิ่งเงียบจนจื้อเหม่ยลี่รู้สึกใจเต้นแรง ร้อนผ่าวที่ใบหน้า จู่ๆ เสียงเข้มของบุรุษก็เอ่ยขึ้นกลบความเคอะเขินในแววตานาง "กู้ฮูหยินคงรู้จักเมืองหลวงเป็นอย่างดี" "รู้จักดี คุณชายเถาถามเช่นนี้อยากจะเที่ยวชมเมืองหลวงหรือ? " เขาพยักหน้าตอบรับ "ข้าจากเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์ พอมาถึงก็ดูจะไม่คุ้นชิน หากไม่เป็นรบกวนข้าน้อยก็อยากให้กู้ฮูหยินพาชมรอบเมืองสักนิด" "ได้สิ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้าท่านว่าง ข้ายินดีที่จะพาท่านเที่ยวชมเมืองหลวงเอง" "ต้องรบกวนฮูหยินแล้ว" นางนึกถึงคำพูดของ เถาซือซือที่มาบอกกล่าวกับตนว่าพี่ชายเขาค่อนข้างเงียบขรึมและเหนียมอาย หากเขาไม่ค่อยสนทนาก็อย่าได้ตำหนิ กอปรกับที่บุตรีเอ่ยว่าเถาเหยาผู้นี้แปลก เจอหน้ากู้หรูอวี้มีแต่จะหลบหน้าไม่ค่อยสนทนากับนาง ทำราวกับนางเป็นปีศาจ ทว่านางได้สนทนากับเถาเหยากลับรู้สึกเห็นต่าง ยามสนทนาทำให้รู้สึกว่าตนเองกลับมายังช่วงบุปผาแรกแย้ม คอยเหงายามที่สามีไม่อยู่จวน "น้ำชาของฮูหยินหมดแล้ว ข้าช่วยรินให้ก็แล้วกัน" เขาลุกขึ้นยกกาน้ำชาที่วางอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าน้ำในกาดูเหมือนจะพร่องไปมากโข "ดูท่าน้ำชาคงใกล้หมด ข้าจะเดินไปที่โรงครัว..." "อ๊ะ! ไม่ต้อง คุณชายเถาเป็นแขกจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร สาวใช้มีมากมายเดี๋ยวให้พวกนางไปทำดีกว่า" "แต่...หากพวกนางไป ฮูหยินนั่งสนทนากับข้าเพียงลำพังจะดูไม่สมควรนัก" นางสั่นศีรษะกล่าวว่า"คุณชายอย่าได้คิดมาก" นางหันไปหาสาวใช้สั่งให้ต้มน้ำชาและนำขนมมาเพิ่มให้มากหน่อย สาวใช้หันกายสืบเท้าไปโรงครัวเพื่อทำตามคำสั่ง "ข้าน้อยคิดว่าในเรือนรับรองถึงแม้จะมีผู้คนผ่านไปมาก็จริงอยู่ แต่ด้านในอย่างไรก็ไม่เหมาะ เช่นนี้ข้าเสนอว่าไปสวนดีกว่า อากาศแม้จะร้อนแต่ไม่มาก ให้ลมพัดบ้างก็ยังดี" "ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่คุณชายเถามาเยือนจวนนี้ ข้าก็มีโอกาสเดินชมสวนมากขึ้น" ระหว่างที่ทั้งสองเดินชมหมู่มวลบุปผา จื้อเหม่ยลี่ยิ้มแย้มอย่างเปิดเผย ยิ่งไม่มีสาวใช้อยู่ด้วยนางก็ไม่ต้องวางท่ามากนัก "เวลาที่กู้ฮูหยินยิ้ม ท่านดูงดงามชวนมองมากกว่าดอกเบญจมาศเสียอีก" นางไม่ได้รับคำชมจากบุรุษมานานมาก ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นแม้แต่ดวงตาก็ปิดไม่มิดฉายแววความเคอะเขินออกมา "คุณชายเถานี่ปากหวาน พูดเสียข้าลืมแก่ไปเลย" "ข้าพูดจริง หากให้ข้าเปรียบเทียบกับคุณหนูกู้ เกรงว่าในวัยเยาว์ท่านแลดูงดงามกว่านางมาก" "และนั่นคือเหตุผลที่คุณชายไม่เหลียวหลังแลมองบุตรีข้า? " นางเอ่ยน้ำเสียงแฝงขำขัน สายตาจ้องบุรุษตรงหน้ามิได้หมายคำตอบ "หามิได้ บุรุษมองสตรีย่อมมีความรู้สึก เพราะข้าน้อยไม่ได้มีความรู้สึกกับคุณหนูกู้ อนึ่ง...เกรงว่าหากมองคุณหนูกู้มากเกินงามนอกจากจะแลดูไม่ดีในสายตาผู้คนแล้ว จะยิ่งทำให้นางรังเกียจได้" "ไม่หรอก ท่านก็คิดมากเกินไป นางไม่ใจแคบเช่นนั้นหรอก" "ให้ข้าคิดเช่นนั้นดีกว่า ว่าแต่ข้าน้อยสนทนากับฮูหยินบ่อยๆ เช่นนี้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน และสร้างความขุ่นเคืองให้กับใต้เท้ากู้? " "สำหรับข้าไม่สักนิด กลับดีเสียอีกที่มีคนพูดคุยให้คลายเหงา ส่วนใต้เท้ากว่าจะกลับจวนบ้างครั้งก็มืดค่ำ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก มีแต่จะขอบคุณข้าที่..." "ระวัง!" เสียงอุทานลั่นพร้อมดึงร่างจื้อเหม่ยลี่เข้าหาตัวอย่างแรง ทว่าขาของนางยืนไม่มั่นคงเพราะจังหวะที่เขาดึงตัวนาง ลำตัวของนางก็หันหน้ามากระแทกร่างของเถาเหยา จนเขาล้มลงไปนอนพร้อมกับร่างสตรีที่นอนทับร่าง ดวงตาสองคู่สบกันแต่มิอาจล่วงรู้ว่าแต่ละฝ่ายคิดเช่นไร ด้วยตัวเป็นสตรีแม้จะออกเรือนมีบุตรแล้ว และถึงแม้นว่าที่นี่จะเป็นจวนของตนอีกมิมีผู้พบเห็น ทว่าการอยู่ในลักษณะเช่นนี้ย่อมไม่ดี "ขะ...ขอโทษ" นางกำลังดันตัวเพื่อจะลุก ทว่ามือแกร่งกับรั้งเอวให้แนบชิดติดตัว ใบหน้าแข็งค้างอย่างตกใจในการกระทำ "เมื่อครู่มีงูเลื้อยผ่าน อย่าขยับ" เสียงเอ่ยเบาแทบกระซิบ เมื่อนางรู้ว่าเมื่อครู่งูได้เลื้อยมา เขาจึงไม่ต้องการให้ตนลุกขึ้นเพราะงูอาจฉกตนเองได้ "คุณชายปล่อยข้าก่อนเถิด" นางรู้สึกอายขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเขาเอาแต่จ้องมาที่ตน แม้ตนเองจะเคยผ่านมือชาย ทว่าบุรุษอื่นนางยังไม่เคยใกล้ถึงเพียงนี้ทำให้หัวใจเต้นแรง

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD