ด้านจื้อเหม่ยลี่ให้การต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างดี
ยิ่งเถาเหยายื่นซองแดงเป็นค่าสินน้ำใจให้เมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก เมื่อกลับถึงเรือนนางเปิดซองดู ก็ถึงกับตะลึง 'ตั๋วเงินห้าพันตำลึง'เงินมากถึงเพียงนี้ สำหรับการมาเยือนและพักอาศัยชั่วคราวของเถาซือซือ ดีที่นางไม่แล้งน้ำใจเอ่ยท้วงให้เขาอาศัยที่จวนของตนดีกว่าไปพักที่โรงเตี๊ยม แม้เขาจะปฏิเสธ นางยังดึงดัน จนเขายอมที่จะอาศัยอยู่ที่จวนสกุลกู้ในยามที่กลับมาจากดูแลงานของสกุลและนั่นก็ทำให้นางสามารถแสดงน้ำใจให้สำหรับผู้มาเยือนเช่นคนสกุลเถาได้
หลังจากที่เถาเหยาเดินทางไปกลับบ้านสกุลกู้บ่อยเข้า ราวกับว่าเขาเป็นญาติห่างๆ ของคนสกุลนี้ไปเสียแล้ว การไปกลับจวนสกุลกู้นั้น เขามักแสดงน้ำใจโดยมักหยิบยื่นของขวัญมามอบให้กับ
จื้อเหม่ยลี่บ่อยๆ จนนางเองยังรู้สึกเกรงอกเกรงใจแขกประจำของจวน
วันนี้เป็นวันดีอีกหนึ่งวันที่เถาเหยาไม่ต้องจัดการงานที่ค้างของสกุล เขาจึงมีโอกาสได้ดื่มน้ำชากับจื้อเหม่ยลี่
“ข้าให้” เถาเหยาหยิบบางอย่างออกมาส่งให้จื้อเหม่ยลี่ นางมองของชิ้นนั้นด้วยสายตาเปล่งประกาย แต่ยังปฏิเสธ เขาเลิกคิ้วโก่งขึ้นเป็นเชิงถาม
“งดงามแต่ไม่เหมาะกับข้าหรอก คุณชายเถาเก็บให้น้องสาวหรือไม่ก็สตรีที่ชื่นชอบเสียดีกว่า ข้าแก่แล้วจะมาใส่ของล้ำค่ามีราคา จะกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนขบขันกัน” น้ำเสียงกลั้วยิ้มเอ่ยออกมา แต่ในใจกับคิดอยากได้ กำไรนี้งดงามนัก ฝังอัญมณีที่โดดเด่น ใครเห็นแล้วไม่ชอบก็แปลก
“ข้าให้ ฮูหยินก็อย่าได้คิดมาก แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ส่วน
เถาซือซือ นางมีเยอะจนไม่อยากจะใส่แล้ว หากจะกล่าวว่าสตรีของข้าในภายหน้า ข้าคงให้มากกว่านี้ถ้านางยินดี...” เขาจ้องมองไปยังดวงตาอีกฝ่าย เห็นความพึงพอใจในคำพูดของเขา เขาถือวิสาสะยกแขนนางและสวมกำไรเข้าที่ข้อมือ นางแอบเผลอพิจารณากำไรในข้อมือตนแต่เมื่อรู้ว่าตนเสียมารยาทจึงเงยหน้าสบตาชายที่กำลังจ้องตนเองอยู่ ทั้งคู่นิ่งเงียบจนจื้อเหม่ยลี่รู้สึกใจเต้นแรง ร้อนผ่าวที่ใบหน้า จู่ๆ เสียงเข้มของบุรุษก็เอ่ยขึ้นกลบความเคอะเขินในแววตานาง
"กู้ฮูหยินคงรู้จักเมืองหลวงเป็นอย่างดี"
"รู้จักดี คุณชายเถาถามเช่นนี้อยากจะเที่ยวชมเมืองหลวงหรือ? " เขาพยักหน้าตอบรับ
"ข้าจากเมืองหลวงตั้งแต่ยังเยาว์ พอมาถึงก็ดูจะไม่คุ้นชิน หากไม่เป็นรบกวนข้าน้อยก็อยากให้กู้ฮูหยินพาชมรอบเมืองสักนิด"
"ได้สิ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้าท่านว่าง ข้ายินดีที่จะพาท่านเที่ยวชมเมืองหลวงเอง"
"ต้องรบกวนฮูหยินแล้ว" นางนึกถึงคำพูดของ
เถาซือซือที่มาบอกกล่าวกับตนว่าพี่ชายเขาค่อนข้างเงียบขรึมและเหนียมอาย หากเขาไม่ค่อยสนทนาก็อย่าได้ตำหนิ กอปรกับที่บุตรีเอ่ยว่าเถาเหยาผู้นี้แปลก เจอหน้ากู้หรูอวี้มีแต่จะหลบหน้าไม่ค่อยสนทนากับนาง ทำราวกับนางเป็นปีศาจ ทว่านางได้สนทนากับเถาเหยากลับรู้สึกเห็นต่าง ยามสนทนาทำให้รู้สึกว่าตนเองกลับมายังช่วงบุปผาแรกแย้ม คอยเหงายามที่สามีไม่อยู่จวน
"น้ำชาของฮูหยินหมดแล้ว ข้าช่วยรินให้ก็แล้วกัน" เขาลุกขึ้นยกกาน้ำชาที่วางอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าน้ำในกาดูเหมือนจะพร่องไปมากโข
"ดูท่าน้ำชาคงใกล้หมด ข้าจะเดินไปที่โรงครัว..."
"อ๊ะ! ไม่ต้อง คุณชายเถาเป็นแขกจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร สาวใช้มีมากมายเดี๋ยวให้พวกนางไปทำดีกว่า"
"แต่...หากพวกนางไป ฮูหยินนั่งสนทนากับข้าเพียงลำพังจะดูไม่สมควรนัก"
นางสั่นศีรษะกล่าวว่า"คุณชายอย่าได้คิดมาก" นางหันไปหาสาวใช้สั่งให้ต้มน้ำชาและนำขนมมาเพิ่มให้มากหน่อย สาวใช้หันกายสืบเท้าไปโรงครัวเพื่อทำตามคำสั่ง
"ข้าน้อยคิดว่าในเรือนรับรองถึงแม้จะมีผู้คนผ่านไปมาก็จริงอยู่ แต่ด้านในอย่างไรก็ไม่เหมาะ เช่นนี้ข้าเสนอว่าไปสวนดีกว่า อากาศแม้จะร้อนแต่ไม่มาก ให้ลมพัดบ้างก็ยังดี"
"ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่คุณชายเถามาเยือนจวนนี้ ข้าก็มีโอกาสเดินชมสวนมากขึ้น"
ระหว่างที่ทั้งสองเดินชมหมู่มวลบุปผา จื้อเหม่ยลี่ยิ้มแย้มอย่างเปิดเผย ยิ่งไม่มีสาวใช้อยู่ด้วยนางก็ไม่ต้องวางท่ามากนัก
"เวลาที่กู้ฮูหยินยิ้ม ท่านดูงดงามชวนมองมากกว่าดอกเบญจมาศเสียอีก" นางไม่ได้รับคำชมจากบุรุษมานานมาก ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นแม้แต่ดวงตาก็ปิดไม่มิดฉายแววความเคอะเขินออกมา
"คุณชายเถานี่ปากหวาน พูดเสียข้าลืมแก่ไปเลย"
"ข้าพูดจริง หากให้ข้าเปรียบเทียบกับคุณหนูกู้ เกรงว่าในวัยเยาว์ท่านแลดูงดงามกว่านางมาก"
"และนั่นคือเหตุผลที่คุณชายไม่เหลียวหลังแลมองบุตรีข้า? " นางเอ่ยน้ำเสียงแฝงขำขัน สายตาจ้องบุรุษตรงหน้ามิได้หมายคำตอบ
"หามิได้ บุรุษมองสตรีย่อมมีความรู้สึก เพราะข้าน้อยไม่ได้มีความรู้สึกกับคุณหนูกู้ อนึ่ง...เกรงว่าหากมองคุณหนูกู้มากเกินงามนอกจากจะแลดูไม่ดีในสายตาผู้คนแล้ว จะยิ่งทำให้นางรังเกียจได้"
"ไม่หรอก ท่านก็คิดมากเกินไป นางไม่ใจแคบเช่นนั้นหรอก"
"ให้ข้าคิดเช่นนั้นดีกว่า ว่าแต่ข้าน้อยสนทนากับฮูหยินบ่อยๆ เช่นนี้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน และสร้างความขุ่นเคืองให้กับใต้เท้ากู้? "
"สำหรับข้าไม่สักนิด กลับดีเสียอีกที่มีคนพูดคุยให้คลายเหงา ส่วนใต้เท้ากว่าจะกลับจวนบ้างครั้งก็มืดค่ำ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก มีแต่จะขอบคุณข้าที่..."
"ระวัง!" เสียงอุทานลั่นพร้อมดึงร่างจื้อเหม่ยลี่เข้าหาตัวอย่างแรง ทว่าขาของนางยืนไม่มั่นคงเพราะจังหวะที่เขาดึงตัวนาง ลำตัวของนางก็หันหน้ามากระแทกร่างของเถาเหยา จนเขาล้มลงไปนอนพร้อมกับร่างสตรีที่นอนทับร่าง ดวงตาสองคู่สบกันแต่มิอาจล่วงรู้ว่าแต่ละฝ่ายคิดเช่นไร
ด้วยตัวเป็นสตรีแม้จะออกเรือนมีบุตรแล้ว และถึงแม้นว่าที่นี่จะเป็นจวนของตนอีกมิมีผู้พบเห็น ทว่าการอยู่ในลักษณะเช่นนี้ย่อมไม่ดี
"ขะ...ขอโทษ" นางกำลังดันตัวเพื่อจะลุก ทว่ามือแกร่งกับรั้งเอวให้แนบชิดติดตัว ใบหน้าแข็งค้างอย่างตกใจในการกระทำ
"เมื่อครู่มีงูเลื้อยผ่าน อย่าขยับ" เสียงเอ่ยเบาแทบกระซิบ เมื่อนางรู้ว่าเมื่อครู่งูได้เลื้อยมา เขาจึงไม่ต้องการให้ตนลุกขึ้นเพราะงูอาจฉกตนเองได้
"คุณชายปล่อยข้าก่อนเถิด" นางรู้สึกอายขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเขาเอาแต่จ้องมาที่ตน แม้ตนเองจะเคยผ่านมือชาย ทว่าบุรุษอื่นนางยังไม่เคยใกล้ถึงเพียงนี้ทำให้หัวใจเต้นแรง