“คุณณดาวคะ” ฐานิตาส่งเสียงเรียกหน้าประตูไม้สีขาว ก่อนยืนนิ่งรอคำตอบจากอีกฝ่าย แต่เงียบ ไม่มีเสียงใดตอบกลับ ทั้งที่เธอแน่ใจว่าห้องนี้เป็นห้องของณดาว เมื่อไม่มีเสียงตอบ ฐานิตาจึงยกมือขึ้นเตรียมเคาะ
แกร๊ก
แต่ก่อนมือจะสัมผัสประตู มันก็ถูกเปิดออกจากข้างใน แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ณดาว กลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งแทน
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” ฐานิตารีบก้มหน้า กล่าวขอโทษพลางเตรียมจะถอยกลับด้วยความเขินอาย แต่ก่อนที่เธอจะขยับไปไหน ชายหนุ่มคนนั้นก็หันไปเรียกใครบางคนในห้องเสียก่อน
“ณดาว ดูเหมือนคุณแม่จะให้คนมาตามแล้วนะ”
“นี่ถึงขั้นต้องให้มาตามเลยหรือไง!”
ฐานิตาเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงหงุดหงิดจากหญิงสาวภายในห้อง ไม่ช้าก็มีหญิงสาวหน้าหวาน รูปร่างบอบบางในชุดเดรสสีเขียวอ่อนราวกับตุ๊กตา เดินมาหยุดยืนตรงที่ว่างข้างชายหนุ่ม เธอคือ...ณดาว
“พี่ที เราลงไปกันเถอะค่ะ” ณดาวกล่าวพร้อมกับควงแขนชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย ภาพนั้นทำให้ฐานิตาสงสัย เธอไม่รู้มาก่อนว่านอกจากณดาวแล้ว ยังมีผู้ชายคนนี้ที่ดูสนิทสนมกับเธออยู่ด้วย
“ผมชื่อนที เป็นพี่ชายของณดาวครับ” นทีแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นสายตาอยากรู้ของฐานิตาที่จ้องเขากับน้องสาว
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ” ฐานิตายิ้มเจื่อน เธอหลบสายตาด้วยความรู้สึกเก้อเขิน
“ไม่เป็นไรครับ” นทีตอบอย่างสุภาพ ก่อนที่ณดาวจะหันมาพูดกับฐานิตาอย่างไม่ค่อยพอใจ
“นี่ ไหนบอกว่าคุณแม่ให้มาตามไง แล้วเมื่อไหร่จะไปกันได้สักที”
“ณดาว พูดดี ๆ หน่อย คนเขาไม่เกี่ยว” นทีปรามน้องสาวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากิริยาที่เธอแสดงออกนั้นไม่น่ารักเอาเสียเลย
“ขอโทษแล้วกัน” ณดาวพูดพลางปรายตาเบา ๆ จากนั้นก็รีบควงแขนพี่ชายและเดินผ่านคนที่แม่ให้มาตามไปอย่างไม่สนใจ
ปล่อยฐานิตาต้องยืนงงอยู่คนเดียว ท่ามกลางความรู้สึกที่รู้ได้ทันทีว่า ตัวเองคงจะไม่ถูกชะตากับณดาวเข้าให้แล้วอย่างแน่นอน ทั้งที่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปทำอะไรให้ด้วย ก่อนที่เธอจะเดินตามสองคนพี่น้องที่ทิ้งระยะห่างไปไกลแล้วเงียบ ๆ
ฐานิตาเดินกลับไปยังห้องอาหารอย่างเงียบ ๆ นึกถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกเหมือนกับว่าการพบกันครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ แม้จะเป็นเพียงการปะทะกันในทางสังคม แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองต้องระวังตัว
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนานค่ะ” ณดาวพูดขึ้นเมื่อเธอและนทีเดินเข้ามาในห้องอาหาร
“หนูณะ มาแล้วเหรอลูก” กรรณิการ์ยิ้มรับทันทีที่เห็นหญิงสาว
“สวัสดีค่ะคุณป้ากรรณิการ์ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงมาช้า” ณดาวกล่าวขอโทษพลางเดินไปนั่งในตำแหน่งที่เธอคิดว่าแม่เตรียมไว้ให้
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” นทีกล่าวลาเมื่อเห็นว่าน้องสาวเข้าที่แล้ว
“ค่ะ” ณดาวพยักหน้ารับ จากนั้นนทีก็เดินออกจากห้องไป โดยมีอัญชลีที่มองตามหลังไปจนพ้นสายตา
“นทีก็ไปกับเขาอีกคน คุณนพพลก็คงกลับดึกเหมือนเคย บ้างานกันทั้งพ่อทั้งลูกจริง ๆ” อัญชลีเอ่ยขำ ๆ อย่างไม่คิดอะไรมาก
“ทำไงได้ล่ะคะ สามีและลูกชายคุณอัญเป็นถึงทนายชื่อดังทั้งคู่เลยนี่คะ” กรรณิการ์กล่าวเสริมอย่างเข้าใจ
“พวกนักกฎหมาย เดี๋ยวนี้คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้วค่ะ นี่ยังดีนะคะที่ยัยณะไม่ตามรอยไปอีกคน” อัญชลีหันไปมองลูกสาวอย่างเอ็นดู แต่ณดาวซึ่งนั่งฟังอยู่ดูไม่ค่อยใส่ใจนัก กลับหันไปถามกรรณิการ์แทน
“คุณติณไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”
“พี่ติณไปเข้าห้องน้ำน่ะจ้ะ หนูณะไม่ได้สวนกับพี่เขาเหรอ” กรรณิการ์ตอบก่อนจะถาม
“อ๋อ ไม่เจอนะคะ” ณดาวส่ายหน้าเบา ๆ แวบหนึ่งที่แววตามีประกายสดใส แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะก้มมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแทน
“เราทานข้าวกันเลยได้ไหมคะ ณะหิวแล้วน่ะค่ะ” ณดาวพูดอย่างออดอ้อน
“ยัยณะ อย่าเสียมารยาทสิ” อัญชลีเอ็ดลูกสาวเบา ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอัญ ดิฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” กรรณิการ์พูดพร้อมรอยยิ้ม เพื่อไม่ให้อัญชลีต้องรู้สึกเกรงใจแขกอย่างเธอ ทำให้ทุกคนบนโต๊ะรับประทานอาหารกันได้อย่างไม่เคอะเขิน
หากแต่คนที่เอ่ยปากบอกว่าไม่เป็นไรอย่างกรรณิการ์แท้จริงแล้วในใจของเธอกลับเอาแต่คิดถึงลูกชายอย่างหยุดไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่ติณณภพหายไปเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ เขากำลังคิดที่จะวางแผนทำอะไรอีกหรือเปล่า...กรรณิการ์ไม่กล้าวางใจเลยจริง ๆ
“ใช้ทุกอย่าง ใช้ไม่เว้น!” ฐานิตาพูดกับตัวเองขณะทำความสะอาดห้องน้ำแขก เธอรู้สึกเหมือนถูกใช้งานหนักกว่าใคร แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นอย่างเดียว
“สะอาดขนาดนี้แล้วจะให้ทำอะไรอีก” ฐานิตาบ่นต่อ พลางเดินออกจากห้องน้ำ กะว่าจะหาที่สงบ ๆ เพื่อพักสักหน่อย ความเหนื่อยล้าของเธอยังไม่คลายแต่กลับต้องมาทำงานงก ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้แทนที่จะได้พักผ่อน
“นี่เธอ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำฐานิตาสะดุ้ง พร้อมหันไปมองต้นเสียงทันที ก็เห็นติณณภพยืนอยู่ตรงนั้น
ฐานิตาไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ว่าเขาทำให้เธอตกใจมากที่โผล่มาเงียบ ๆ ตอนที่เธออยู่คนเดียวแบบนี้
“คุณเรียกหนูหรือคะ” ฐานิตาถามด้วยความงุนงง สายตาที่เธอมองเขาเต็มไปด้วยความสับสน อย่างไม่ไม่เข้าใจ
“แล้วมีใครนอกจากเธอไหมล่ะ” ติณณภพตอบเสียงเรียบ คำตอบของเขากวน จนฐานิตาต้องหายใจลึกพยายามไม่โต้ตอบ
“คุณมีอะไรให้หนูรับใช้หรือเปล่าคะ”
“เธอจำฉันได้ไหม” ติณณภพถาม พลางกวาดตามองฐานิตาที่แต่งตัวธรรมดา แต่ยังคงมีรอยช้ำบนแขน ทิ้งเป็นหลักฐานที่เกิดจากเหตุการณ์ในเมื่อคืนวาน
“ค่ะ จำได้” ฐานิตาพยักหน้ายอมรับ ไม่ปิดบัง ก่อนที่จะตามตรง ๆ “คุณมีอะไรกับหนูหรือเปล่าคะ”
“เธอยังรับงานอยู่ไหม” คำถามของติณณภพทำให้ฐานิตาตกใจ
“คะ!?” ฐานิตาอ้าปากค้าง สมองประมวลผลไม่ทัน ว่าทำไมเขาถึงถามเธออย่างนั้น
“ฉันถามว่าเธอยังรับงานอยู่หรือเปล่า” ติณณภพถามต่ออย่างนิ่ง ๆ ไม่ใส่ใจว่าฐานิตาจะตามทันหรือเปล่า
“งานอะไรคะ?” ฐานิตาถามอย่างระมัดระวัง เธอกลัวว่า ‘งาน’ ที่เขาพูดถึงจะไม่ใช่งานอย่างที่เธอคิดอยู่
“งานที่เธอทำอยู่...เหมือนทุกคืน” ติณณภพตอบอย่างชัดเจน
ฐานิตายังรู้สึกงุนงง แต่เธอเริ่มตั้งสติและพยายามตีความคำถามของเขา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็ยังแอบลังเลอยู่ลึก ๆ
“ฉันยินดีจ่ายให้เท่าที่เธอต้องการ” ติณณภพสังเกตเห็นความลังเลในดวงตาของฐานิตา เขาจึงช่วยยื่นข้อเสนอให้ เพื่อเธอจะตัดสินใจได้ขึ้นมาบ้าง
ฐานิตานิ่ง ข้อเสนอของเขาทำให้เธอตาลุกวาว มองเห็นภาระที่แบกรับอยู่บนบ่า การที่ติณณภพเสนอว่ายอมจ่ายให้เท่าที่เธอต้องการ มันยากเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธลง...
“อยากให้หนูทำอะไรคะ” ฐานิตาคลี่ยิ้ม สวมหน้ากากของเด็กเอ็นสาว ในสายตาของเธอ ติณณภพเป็นลูกค้าคนหนึ่งของเธอแล้ว
“ฉันชื่อติณ” ติณณภพไม่ตอบความต้องการ เขาแนะนำตัว ก่อนจะรอให้ฐานิตาแนะนำตัวบ้าง “แล้วเธอล่ะ?”
“แยมค่ะ หนูชื่อแยม...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ฐานิตาตอบพร้อมกับรอยยิ้ม เธอพยายามสร้างความประทับใจ
โดยที่เธอไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังเข้าสู่ ‘เกม’ ที่ติณณภพเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด และอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตในอนาคตของเธอไปด้วยเลย...ก็ได้